ตอนที่ 481 จะฆ่าจะแกง / ตอนที่ 482 ไร้สาระ

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 481 จะฆ่าจะแกง 

 

 

 

 

 

“ฝ่าบาท…” 

 

 

เพียงประโยคเดียว ก็ทำให้คำขอร้องของหลิงอ๋องถูกปฏิเสธ แล้วใช้ความเชื่อมั่นของประชาราษฎรมาเพื่อบังคับ ทำให้หลิงอ๋องไม่กล้าที่จะขอร้องขอความเมตตาให้กับอวี้อาเหราอีก แต่อย่างไรก็ไม่อาจมองนางได้รับโทษได้! มิเช่นนั้นเขาสมควรจะเป็นพ่อคนหรือ? แล้วจะมองหน้าพระชายาได้อย่างไรกัน 

 

 

“หลิงอ๋องไม่ต้องกล่าวอะไรแล้ว นั่งลงเถิด” ฮ่องเต้สะบัดชายฉลองพระองค์อย่างโกรธๆ ขัดคำพูดของหลิงอ๋องที่กำลังจะพูดขึ้นมาในทันที 

 

 

สาวใช้รีบเอาเก้าอี้เข้ามา ทำให้หลิงอ๋องถอนสายตาจากฮ่องเต้ แล้วนั่งลง 

 

 

อวี้อาเหราเห็นเช่นนั้นแล้วก็พลันเข้าใจถึงแผนการของฝ่าบาท ดูแล้วเขาคงไม่อยากจะปล่อยนางไป มิเช่นนั้นเขาก็คงจะถือโอกาส เห็นแก่คำขอร้องของหลิงอ๋องแล้วปล่อยนางให้พ้นผิด แต่เขาก็ไม่ได้ทำเช่นนั้น นี่จึงทำให้นางเข้าใจถึงความโกรธเคืองและความเลือดเย็นของฮ่องเต้ 

 

 

จะต้องฆ่าคนเพื่อปลาร้อนไม่กี่ตัวน่ะหรือ? 

 

 

หากเป็นเช่นนั้นแล้ว นี่ก็ช่างเป็นกษัตริย์ที่ทรราชเสียยิ่งนัก! 

 

 

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรมาที่ฉู่ป๋าย ใบหน้าของเขาอ่อนโยนลงเล็กน้อย “ปลาเหล่านั้นเป็นเจ้าที่อยากย่างหรือ” 

 

 

“มิได้พ่ะย่ะค่ะ” ฉู่ป๋ายส่ายหน้า เหลือบสายตามองไปยังอวี้อาเหรา  

 

 

ฮ่องเต้ทอดพระเนตรตามสายตาของเขาไป ทันใดนั้นก็กระจ่างแจ้ง สีหน้าแสดงความโกรธเคือง “เช่นนั้นแล้วก็คงเป็นเพราะแม่นางผู้นี้กระมัง” 

 

 

อวี้อาเหรากะพริบตา แล้วพูดขึ้นอย่างยอมตาย “ใช่แล้ว เป็นหม่อมฉันเองเพคะ” 

 

 

“เหตุใดจึงยอมรับไวนัก หรือไม่กลัวว่าเราจะตัดหัวเจ้าแล้วหรือ?” ฮ่องเต้เลิกคิ้วถามขึ้นด้วยความสงสัย 

 

 

“หากฝ่าบาททรงพระปรีชา แน่นอนว่าคงไม่ฆ่าคนเพราะปลาไม่กี่ตัวแน่ เพราะอย่างนั้นอาเหราจึงวางชีวิตตัวเองอยู่ในพระหัตถ์ของฝ่าบาท หากพระองค์จะฆ่าจะแกงก็เชิญเพคะ…” อวี้อาเหราสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดความในใจออกมา หากจะตายก็ให้ตายไปเถิด อาจจะได้ย้อนกลับคืนสู่ยุคปัจจุบันก็ได้ 

 

 

ฮ่องเต้ยิ้มเย็น สายพระเนตรเต็มไปด้วยความสับสน “เจ้าตั้งใจจะกล่าวว่า หากเราสั่งฆ่าเจ้าเพราะปลาไม่กี่ตัวนี้จริงๆ เราจะเป็นฮ่องเต้ไร้ความสามารถใช่หรือไม่? อวี้อาเหรา เจ้าก็ช่างบังอาจยิ่งนัก!” 

 

 

“อาเหรามิกล้าเพคะ” อวี้อาเหราก้มหน้าลง แล้วคุกเข่าลงกับพื้น  

 

 

หลิงอ๋องเห็นดังนั้นก็ตื่นตกใจ รีบลุกขึ้นจากเก้าอี้ในทันที “ฝ่าบาท อาเหรายังเด็ก ยังไม่รู้ความ เช่นนั้นจึงพูดอะไรผิดไป ขอให้ฝ่าบาทโปรดทรงอภัยด้วย” 

 

 

“ลูกไม่ได้พูดผิด” อวี้อาเหราตอนนี้อยากพูดอะไรนางก็จะพูด พูดขึ้นอย่างไม่กลัวตาย 

 

 

“หุบปาก!” หลิงอ๋องตะคอกด้วยความโกรธเคือง “รีบขอประทานอภัยเดี๋ยวนี้!” 

 

 

อวี้อาเหราก้มหน้าอย่างดื้อดึง แสดงให้เห็นว่าไม่ยินยอม และไม่รับผิด 

 

 

หากนางผิดก็ไม่เห็นเป็นไร ตอนนี้ก็เหมือนนางเอาหัวไปปพาดที่ลานประหารอยู่แล้ว หากเป็นเวลาอื่น นางคงไม่กล้าที่จะพูดออกมาแน่ เพราะเท่ากับเดินเข้าสู่ความตาย 

 

 

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน หากจะต้องตายก็ปล่อยให้ตายไปเถิด อย่างไรเสียฝ่าบาทก็โกรธอยู่แล้ว 

 

 

เพราะฉะนั้นอยากพูดอะไรก็พูดออกมาเลยไม่ดีหรือ? 

 

 

ฝ่าบาทจ้องมองไปยังนางที่ก้มหน้าลง เป็นนานไม่เอ่ยปากพูด สายตายังคงหลงเหลือความเอ็นดูเอาไว้ ผ่านไปนานเขาจึงค่อยหัวเราะออกมา “แม่หนูนี่ ก็ช่างกล้าหาญผิดแผกจากผู้อื่นนัก แต่เจ้าจงจำเอาไว้ หากเจ้าไม่ได้เป็นธิดาเอกของหลิงอ๋อง แม้พูดจายโสโอหังเช่นนี้ เราคงลงโทษเจ้าไปแล้ว” 

 

 

อวี้อาเหราไม่พูดอะไรออกมา แต่ในใจกลับผ่อนคลายลงมาบ้าง 

 

 

กล้าพูดเช่นนี้กับคนที่กำลังกุมชะตาชีวิตตัวเองเอาไว้ โดยไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่านางคงจะมั่นใจมากเป็นแน่ 

 

 

หลิงอ๋องได้ยินดังนั้นก็วางใจ นั่งกลับลงไปที่เก้าอี้ดั่งเดิม เขาปาดเหงื่อกังวลแทนอวี้อาเหรา คำพูดเช่นนี้กลับกล้าพูดขึ้นมาได้ ดีที่ฮ่องเต้ไม่กริ้ว มิเช่นนั้นแล้ว…  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 482 ไร้สาระ 

 

 

 

 

 

ตอนนี้ก็รอดูว่าฮ่องเต้จะทรงจัดการอย่างไร 

 

 

ฉู่ป๋ายเบิกตากว้างเล็กน้อย มีท่าทีสำนึกผิด “นำปลาร้อนที่ฮ่องเต้โปรดปรานมาย่างกินโดยพลการ แม้ว่าจะเป็นเพราะคุณหนูรองสั่งให้ทำ แต่กระหม่อมก็มีส่วนผิดด้วย ขอให้ฝ่าบาทลงโทษด้วยพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

อวี้อาเหราได้ยินดังนั้นแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น นี่เขาก็กำลังโยนความผิดมาให้นางมิใช่หรืออย่างไร? 

 

 

“เซิ่นซื่อจื่อกล่าวออกมาเช่นนี้ ก็แสดงให้เห็นว่าเจ้ารู้ผิดชอบชั่วดี เราเป็นคนใจกว้างอยู่แล้ว และเจ้าเองก็ไม่ได้ตั้งใจ เราจะละเว้นโทษให้เจ้า กลับไปพิจารณาความผิดของตัวเองที่จวนเถิด และท่านหญิงน้อยเซิ่น ก็รับโทษเช่นเดียวกัน” ฮ่องเต้นั่งเท้าคางคิดอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมา 

 

 

คุมตัวพิจารณาความผิดของตัวเองหรือ? 

 

 

โทษนี้ก็ช่างเบายิ่งนัก! 

 

 

เห็นได้ชัดเจนว่าฉู่ป๋ายตั้งใจ ที่จะโยนความผิดให้อวี้อาเหรากลายเป็นตัวต้นเหตุ 

 

 

อวี้อาเหรากัดฟันอย่างโกรธเคือง รีบเอ่ยขึ้นต่อฝ่าบาทว่า “ฝ่าบาท ความจริงแล้วนี่เป็นเซิ่นซื่อจื่อที่ใส่ร้ายหม่อมฉัน ขอพระองค์อย่าได้โดนเขาลวงหลอกนะเพคะ หากไม่มีคนที่คอยสนับสนุน พระองค์คิดว่าหม่อมฉันที่เป็นหญิงร่างกายอ่อนแอจะมีความกล้าหาญถึงเพียงนั้นหรือเพคะ” 

 

 

“ที่เจ้าพูดมานั้นก็หมายความว่าเป็นเซิ่นซื่อจื่อที่สั่งให้เจ้าย่างปลา จากนั้นก็เรียกร้องเอาผลประโยชน์จากเรื่องนี้หรือ” ฮ่องเต้เอ่ยถาม หรี่ดวงพระเนตรลง 

 

 

อวี้อาเหรารีบพยักหน้า “ไม่ผิดเพคะ เป็นเช่นนั้นเพคะ” 

 

 

“ไร้สาระ!” ฮ่องเต้โกรธขึ้นมาในทันที 

 

 

อวี้อาเหราจำต้องหยุดพูด แต่นางก็พูดเรื่องจริงนี่นา! 

 

 

ฉู่ป๋ายที่อยู่ข้างๆ มองนาง พร้อมทั้งเอ่ยปากขึ้นว่า “คุณหนูรอง เจ้าก็โกรธเกลียดข้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ? วางใจเถิด อีกสักครู่เราจะขอร้องให้ฝ่าบาทยกโทษให้เจ้าเอง” 

 

 

ขอร้องกับผีน่ะสิ! อวี้อาเหราสบถในใจ เป็นครั้งแรกที่นางถูกแกล้งเสียจนเจ็บใจ ก่อนหน้านี้ล้วนเป็นนางที่รังแกผู้อื่น ไม่เหมือนสถานการณ์ตอนนี้เลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่เข้าเป็นผู้กระทำแท้ๆ แต่กลับโยนความผิดทุกอย่างมาให้นาง ไม่รู้ว่าเขามีแผนการอะไรกันแน่ แม้ว่านางจะระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก แต่นางกลับตกลงไปในหลุมกับดักโดยไม่รู้ตัว 

 

 

นางก็สงสารตัวเองยิ่งนัก! 

 

 

ไม่รู้มาก่อนเลยว่าเขาจะเสแสร้งแกล้งทำได้เก่งถึงเพียงนี้ ช่างร้ายกาจยิ่งนัก ตอนแรกนางก็น่าจะเชื่อฟังที่หนิงจื่อเย่สั่งการ ฆ่าเขาให้ตายไปเสีย เขาจะได้ไม่มาสร้างความรำคาญให้นางอย่างเช่นตอนนี้ ในยามนี้ นางแอบด่าฉู่ป๋ายในใจเสียยกใหญ่ 

 

 

ฉู่ป๋ายหัวเราะออกมาน้อยๆ มุมปากยกโค้งขึ้น แทบจะไม่ได้ยินเสียงหัวเราะ ราวกับกำลังเยาะเย้ยความโกรธเคืองของนางด้วยท่าทีสบายอกสบายใจยิ่งนัก 

 

 

อวี้อาเหราเห็นแล้วก็อารมณ์ไม่ดี หากไม่ใช่ว่าอยู่ต่อหน้าฮ่องเต้ นางก็คงด่ากราดด้วยความโมโหไปนานแล้ว 

 

 

จวินเสวียนจีมองสถานการณ์ตรงหน้าแล้วจึงเอ่ยขึ้นมาเพื่อช่วยฉู่ป๋าย “เสด็จพ่อ เซิ่นซื่อจื่อนั้นรักษาหน้าที่ของตัวเองเป็นอย่างดี ไม่มีทางกล้าที่จะทำเรื่องผิดเช่นนั้น เรื่องนี้คิดว่าเป็นเพราะคุณหนูรองเป็นตัวตั้งตัวตี ขอให้เสด็จพ่อลงโทษสถานเบาด้วยเถิดเพคะ เพราะอย่างไรเสียนางก็เป็นธิดาเอกของจวนหลิงอ๋อง” 

 

 

“ลงโทษสถานเบาหรือ” ฮ่องเต้ตรัสนิ่งๆ แล้วเลิกคิ้วขึ้น 

 

 

“เพคะ” จวินเสวียนจีพยักหน้า 

 

 

ไม่ง่ายเลยที่จวินไหวซ่งจะได้เห็นอวี้อาเหราตกที่นั่งลำบาก แต่ยามนี้จวินเสวียนจีกลับขออภัยโทษให้นาง แน่นอนว่าต้องไม่เห็นด้วยแน่ จึงเอ่ยต่อฮ่องเต้ว่า “เสด็จพ่อ อวี้อาเหราไม่เห็นแก่หน้าอินทร์หน้าพรหม ยังกล้าที่จะบริภาษเสด็จพ่อต่อหน้า แน่นอนว่าต้องลงโทษอย่างนักนะเพคะ!” 

 

 

“ไหวซ่ง” จวินเสวียนจีแสดงออกให้เห็นถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน 

 

 

จวินไหวซ่งเหยียดริมฝีปาก ไม่เข้าใจว่าเหตุใดจวินเสวียนจีต้องขอร้องแทนอวี้อาเหราด้วย นางแอบชอบเซิ่นซื่อจื่อมาตลอดมิใช่หรือ? หากใช้โอกาสนี้กำจัดอวี้อาเหราที่ขวางหูขวางตาได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องดี ควรที่จะยินดีมิใช่หรือ?