ตอนที่ 479 ตายแน่แล้ว / ตอนที่ 480 รับประกัน

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ตอนที่ 479 ตายแน่แล้ว 

 

 

 

 

 

“ฝ่าบาท พระองค์ทรงเชิญเสด็จพ่อของหม่อมฉันมาด้วยเหตุใดกันหรือเพคะ” อวี้อาเหราเงยหน้าขึ้นอย่างมึนงง 

 

 

“เหอะ” ฮ่องเต้ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เพียงสะบัดชายฉลองพระองค์ด้วยความโกรธเคือง 

 

 

มุมปากของฉู่ป๋ายยกโค้งขึ้น “เจ้ารอสักครู่ หลิงอ๋องก็จะมาจัดการเจ้าแล้ว” 

 

 

ยามนี้อวี้อาเหราจึงได้เข้าใจขึ้นมา นางเป็นธิดาเอกของจวนหลิงอ๋อง แม้ว่าฮ่องเต้จะโกรธเคืองอย่างไรก็ไม่อาจลงไม้ลงมือกับนางตามพระทัยได้ หากลูกทำผิดพ่อก็ต้องรับผิดชอบ หากนางทำผิดก็ต้องให้หลิงอ๋องสั่งสอน 

 

 

เมื่อนึกถึงยามที่หลิงอ๋องลงแส้เฆี่ยนตีอวี้จื่อเยียนแล้ว นางก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่นสะท้าน 

 

 

หากหลิงอ๋องรู้ว่านางออกมาก่อเรื่องข้างนอกอีกแล้ว ทั้งยังถูกพวกฉู่ป๋ายใส่ร้ายอีก… 

 

 

ต้องตายแน่! 

 

 

ในใจของอวี้อาเหราสั่นไหว จากนั้นจึงค่อยๆ วางใจลง อีกสักครู่เหล่าองครักษ์กจะช่วยแก้ต่างให้นางแล้ว 

 

 

ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องกังวลใจ… 

 

 

นางกำลังปลอบใจตัวเอง 

 

 

ผ่านไปไม่นานนัก หลิงอ๋องที่ถูกเชิญมาก็เข้าวังด้วยท่าทีโกรธเคือง ระหว่างทางก็ได้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้น เมื่อมาถึงเห็นอวี้อาเหราคุกเข่าอยู่ที่พื้น ก็เชื่อว่านางเป็นคนกระทำจริงๆ เช่นนั้นจึงรีบเดินเข้ามาคารวะฮ่องเต้ “กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี”  

 

 

“ลุกขึ้นเถิด” ฮ่องเต้สะบัดแขนเสื้อเบาๆ 

 

 

หลิงอ๋องกล่าวถามขึ้นอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาท ไม่ทราบว่าเด็กคนนี้ทำอะไรผิดหรือพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“เจ้าก็ถามนางดูเอาเองเถิด” ยามที่ฮ่องเต้เห็นใบหน้าของหลิงอ๋อง น้ำเสียงก็ดีขึ้นเล็กน้อย 

 

 

“อาเหรา เจ้าออกมาก่อเรื่องอะไรอีก?” หลิงอ๋องในยามนี้รู้สึกปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนัก เหตุใดลูกคนนี้เริ่มที่จะก่อเรื่องขึ้นในทุกวันนับตั้งแต่ครั้งที่ตกจากหน้าผา จนทำให้เขาปวดหัวแทบทุกครั้ง แต่เมื่อเห็นใบหน้าที่เหมือนกับพระชายาที่สิ้นลมไป น้ำเสียงที่ถามก็อ่อนโยนขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว 

 

 

“ลูกและเซิ่นซื่อจื่อไปที่พระแท่นวายุจันทรา และได้กินนกและปลาร้อนไปเพคะ…” อวี้อาเหราตอบด้วยท่าทีรู้สึกผิด 

 

 

“ปลาร้อนกี่ตัว?” เมื่อหลิงอ๋องได้ยินคำว่าปลาร้อน ก็รู้ว่าเป็นของรักของหวงของฮ่องเต้ แม้ตายไปสักตัวก็ต้องทรงเศร้าโศกเสียใจ แต่ลูกคนนี้กลับกินเข้าไปหรือ? ฉับพลันก็ตกใจเสียจนพูดไม่ออก 

 

 

“อ่า…เก้าตัวเพคะ” อวี้อาเหรามองไปที่ใบหน้าตื่นตกใจของหลิงอ๋อง แล้วก็รีบก้มหน้าลงมา “แต่ไม่ได้มีแต่ลูกที่กินเท่านั้นนะเพคะ คนเหล่านี้ก็มีส่วนทั้งนั้น” 

 

 

“เรารู้แล้ว” หลิงอ๋องจึงค่อยผ่อนลมหายใจ โชคดีที่ไม่ได้มีแต่นางที่กิน มิเช่นนั้นนางจะรับผิดคนเดียวได้หรือ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว ไม่เพียงแต่เมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์ ยังมีเซิ่นซื่อจื่อและท่านหญิงเซิ่น แม้ว่าฝ่าบาทจะทรงกริ้ว แต่ก็คงไม่ตัดหัวทุกคนที่เกี่ยวข้องหรอกกระมัง 

 

 

ทันใดนั้น ฉู่ป๋ายก็ค่อยๆ เผยริมฝีปากขึ้น “หลิงอ๋อง เป็นคุณหนูรองที่สั่งให้คนไปจับปลามากินเอง” 

 

 

ที่แท้ก็เป็นความต้องการของนางหรือ! หลิงอ๋องตกใจขึ้นมาอีกครั้ง แล้วจึงมองไปทางอวี้อาเหราด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ 

 

 

เช่นนี้ก็จบกันแล้ว! 

 

 

“เสด็จพ่อไม่เป็นอะไรนะเพคะ?” อวี้อาเหราเห็นว่าหลิงอ๋องซวนเซไปด้านหลัง เช่นนั้นก็รีบเดินเข้าไปประคองเขาทันที ก่อนจะมองฉู่ป๋ายด้วยสายตาโกรธเคือง ไม่พูดสักเรื่องจะตายหรืออย่างไรกัน ดูเสียสิ หลิงอ๋องตกใจจนเป็นเช่นนี้เชียว 

 

 

“ไม่…ไม่เป็นไร” หลิงอ๋องพยายามที่สงบจิตสงบใจ แล้วโบกมือ 

 

 

ฮ่องเต้ยังคงยืนหันหลัง ไม่สนใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น 

 

 

อวี้อาเหรามองไปทางหน้าประตู หากนางต้องการที่จะหลุดพ้นจากโทษคงต้องพึ่งพาองครักษ์เหล่านั้นเพียงอย่างเดียวแล้ว ขอเพียงหลักฐานที่ว่าฉู่ป๋ายพานางเข้าไปเท่านั้นนางคงจะขอลดโทษได้บ้าง เมื่อถึงยามนี้นางก็สำนึกผิดไม่ทันเสียแล้ว ไม่น่าที่จะปล่อยเลยตามเลยเพราะอารมณ์ จนสั่งให้คนจับปลาร้อนมาย่างกินเสียเลย ช่างน่าตายยิ่งนัก 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 480 รับประกัน 

 

 

 

 

 

ผ่านไปสักพัก หวังเซิ่งเต๋อก็พาองครักษ์เข้ามาในพระตำหนัก 

 

 

“ฝ่าบาท พาตัวมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“อืม” ฮ่องเต้หันกลับมา จากนั้นก็ส่งสายตาไปสู่หวังเซิ่งเต๋อ อีกฝ่ายเข้าใจในทันที จึงรีบเอ่ยถามองครักษ์ทั้งสองด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องกล่าวว่านางไม่ได้นำป้ายพระราชทานมา เรื่องนี้เป็นความจริงหรือไม่” 

 

 

“เป็นเรื่องจริงขอรับ” องครักษ์พยักหน้า 

 

 

อวี้อาเหราผ่อนลมหายใจออกมา แล้วมองไปยังฉู่ป๋ายด้วยสายตาแห่งชัยชนะ  

 

 

ใบหน้าของหวังกงกงแสดงสีหน้าอ่อนโยน แล้วจึงรีบเอ่ยปากถามขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงก็เปลี่ยนไปเป็นเข้มงวดขึ้น “พวกเจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก ฝ่าบาทเคยมีรับสั่งไว้ว่าหากผู้ใดไม่มีป้ายพระราชทานก็ห้ามเข้าไป แต่พวกเจ้ากลับปล่อยปละละเลยให้คนเข้าไปในพระแท่นวายุจันทราโดยพลการหรือ!” 

 

 

“ฝ่าบาททรงไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” เหล่าองครักษ์คุกเข่าลง หันไปทางฮ่องเต้ “พวกกระหม่อมไม่กล้าที่จะปล่อยให้คนเข้าไปโดยพลการ เมื่อคุณหนูรองไม่ได้นำป้ายาพระราชทานมา กระหม่อมก็ขอให้นางกลับไปเอาแล้ว แต่ว่านางกลับไม่ยินยอม เมื่อเซิ่นซื่อจื่อเห็นว่านางกำลังลำบากก็ให้การรับรอง ให้คุณหนูรองเข้ามาได้ หากไม่มีเซิ่นซื่อจื่อรับรอง กระหม่อมก็คงไม่กล้าที่จะ…” 

 

 

สีหน้าของอวี้อาเหราเริ่มดูไม่ได้ 

 

 

“เจ้าพูดจริงหรือ? หากโกหกแม้แต่ครึ่งคำจะไม่ได้ตายดีแน่” หวังกงกงปรายตามองอวี้อาเหรา จากนั้นก็ขู่เหล่าองครักษ์ให้กลัว 

 

 

“กระหม่อมไม่กล้าโกหกแม้แต่ครึ่งคำ ขอให้ฝ่าบาททรงพระกรุณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์ก้มหน้าลง 

 

 

ทุกคนพลันเข้าใจขึ้นมาในทันที เป็นเพราะอวี้อาเหราใช้สถานะของตัวเองเพื่อบีบบังคับองครักษ์ เซิ่นซื่อจื่อทนดูไม่ได้จึงยื่นมือเข้ามารับรองสถานะของนาง จากนั้นจึงค่อยเกิดเรื่องย่างปลาร้อนขึ้นมา ดังนั้นที่นางบอกว่าถูกบังคับนั้นใช่หรือ? นี่นางก็ทำไปเพื่อความสนุกชัดๆ! 

 

 

ในเมื่อปลาร้อนถูกกินไปแล้ว ความรับผิดชอบส่วนใหญ่ก็ตกมาอยู่ที่นางในทันที 

 

 

ตอนนี้นางโกรธเคืองยิ่งนัก คิดว่านางน่าจะหาเรื่องเขาตั้งแต่แรก มิเช่นนั้นคงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้แน่ 

 

 

เมื่อเห็นองครักษ์กล่าวออกมาเช่นนี้ ฮ่องเต้ก็กวาดสายพระเนตรไปทั่วบริเวณ “เจ้าบอกว่าเจ้าถูกบังคับ แต่เหตุใดที่ได้ยินมาไม่เหมือนกับว่าเจ้าโดนบังคับเลยเล่า?” 

 

 

ถามเสียจนอวี้อาเหราไม่รู้จะตอบว่าอย่างไร  

 

 

เป็นเพราะนางที่ทำให้ฉู่ป๋ายรับรองให้นางเข้าไปสู่พระแท่นวายุจันทราจริงๆ ในใจก็รู้ว่าตัวเองผิดจริง 

 

 

ฮ่องเต้พลันสบถ “เจ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้วใช่หรือไม่?” 

 

 

“…” อวี้อาเหราก้มหน้าลง 

 

 

ที่จริงแล้วนางต้องการที่จะผลักความรับผิดชอบทั้งหมดไปให้ฉู่ป๋าย แต่กลับไม่คิดว่านางจะถูกจับได้เสียอยู่หมัด ตอนนี้ฝ่าบาทคงคิดว่านางเป็นตัวต้นคิดแน่ หากรู้เช่นนี้นางคงไม่อวดฉลาดหรอก อวดฉลาดก็ดันอวดผิดที่ 

 

 

มุมปากของฉู่ป๋ายเหยียดออก มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย 

 

 

อวี้อาเหราถลึงตาจ้องมองเขากลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ อย่าเพิ่งได้ใจไปหน่อยเลย หากนางเป็นอะไรขึ้นมา นางจะต้องลากเขาให้ซวยไปด้วยกัน หากจะต้องตาย ทุกคนก็จะต้องตายไปพร้อมกัน! ในใจคิดในแง่ร้าย นางเป็นคนเช่นนี้ คนที่ทำร้ายนาง นางไม่ปล่อยเอาไว้แน่ ในเมื่อนางจะต้องลำบาก ทุกคนก็ต้องลำบาก นางไม่ยอมรับโทษคนเดียวแน่นอน 

 

 

แน่นอนว่าฉู่ป๋ายคงไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่ ดังนั้นจึงยิ้มออกมาเช่นนั้น 

 

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว หลิงอ๋องก็คุกเข่าลงทันที “ฝ่าบาทได้โปรดทรงอภัยด้วย เพราะอาเหราไม่รู้ความ จึงได้กล้าทำผิดขึ้นมาเช่นนี้ ขอให้ฝ่าบาททรงปล่อยนางไปสักครั้ง กระหม่อมจะต้องสั่งสอนนางให้ดีขึ้นอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“เจ้าจะนำตัวนางกลับไปสั่งสอนหรือ” ฮ่องเต้ยิ้มที่คล้ายกับไม่ยิ้ม “ใครก็รู้ว่าเจ้ารักใคร่ลูกสาวยิ่งนัก หากให้เจ้าสั่งสอน อย่าว่าแต่เราเลย แม้แต่คนทั่วทั้งเมืองเฟิ่งเฉิงก็คงไม่วางใจ หลิงอ๋อง เจ้าว่าจริงหรือไม่เล่า ขาของเจ้าไม่ใคร่ดี เช่นนั้นก็อย่าได้คุกเข่าเลย รีบลุกขึ้นเถิด”