บทที่ 1900+1901

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1900 คืนนี้ข้าจะนอนกับพวกท่านด้วย

หนิงเสวี่ยโม่ดันมือสามีออก “เนี่ยนโม่ นี่เจ้า?”

“ท่านแม่ คืนนี้ข้าจะนอนกับพวกท่านด้วย” เสินเนี่ยนโม่ประกาศ

หนิงเสวี่ยโม่ชะงักไปเล็กน้อย ขณะที่กำลังจะเอ่ยวาจา เสิ่นจิ่วหลี่ก็ก้าวออกมา ดึงเด็กน้อยที่กำลังจะกระโดดขึ้นไปบนเตียงด้วยตัวเองเอาไว้ “เนี่ยนโม่ การบ้านที่พ่อมอบหมายให้ทำเสร็จแล้วหรือ?”

“ทำเสร็จตั้งนานแล้ว” เสินเนี่ยนโม่ตอบอย่างภาคภูมิใจ

เสินจิ่วหลี่ไม่พูดอะไรอีก ลากเขาเดินออกไปด้านนอกเลย “ดีมาก พ่อจะตรวจดู”

….

ผ่านไปหนึ่งเค่อ เสินจิ่วหลี่ตรวจทานการบ้านทั้งหมดของเสินเนี่ยนโม่ไปหมดแล้ว ทำได้ทั้งเร็วทั้งดีจริงๆ

เขามองบุตรชายแวบหนึ่ง เจ้าเด็กคนนี้เป็นตัววิปริตผู้หนึ่ง การบ้านเหล่านี้ต้องทำอยู่สามวันสามคืนโดยไม่หยุดพัก ทว่าเขากลับทำเสร็จได้ภายในครึ่งวัน…

เสินเนี่ยนโม่ง่วงงุนบ้างแล้ว เพียงแต่ยังคงภูมิใจนัก “ท่านพ่อ ไม่มีผิดพลาดใช่ไหม? ข้าจะไปนอนแล้วนะ…”

พลางหันหลังวิ่งไปยังห้องนอนของบิดามารดา

เสินจิ่วหลี่ตามหลังไปเงียบๆ

ยามที่วิ่งผ่านภูเขาจำลองลูกหนึ่ง เท้าของเสินเนี่ยนโม่ไม่รู้ว่าสะดุดอะไรเข้า ส่ายโงนเงนจากนั้นเขาก็พบว่าทิวทัศน์เบื้องหน้าเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว!

รอบข้างล้วนปกคลุมด้วยไอหมอก ท่ามกลางไอหมอกล้วนมีเงาโขดหินใหญ่เลือนราง

เสียงของเสินจิ่วหลี่แว่วขึ้นเหนือศีรษะเขา “ความรู้เชิงทฤษฎีศึกษาได้ยอดเยี่ยม ก็สมควรได้ลงมือปฏิบัติจริงดู กำหนดให้เจ้าทำลายเจตแดนนี้ให้ได้ภายในสามวัน มิเช่นนั้นจะไม่ได้กินข้าว”

มือน้อยของเสินเนี่ยนโม่พลันกำเข้าหากัน แย่แล้ว ติดกับท่านพ่อเข้าอีกจนได้!

นี่เป็นเขตแดนที่ท่านพ่อติดตั้ง กล่าวให้สวยหรูคือเพื่อฝึกฝนความสามารถด้านการทำลายเขตแดนของเขา

หากเขาไม่ระวังจะติดกับถูกขังไว้ด้านใน ครั้งนี้ก็ติดกับเข้าอย่างไม่มีสัญญาณเตือนอีกแล้ว!

เสินเนี่ยนโม่นั่งอยู่บนโขดหินก้อนหนึ่ง นวดจุดไท่หยาง

เขาติดกับถูกขังในเขตแดนหลายครั้งแล้ว วิงวอนไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาทำได้เพียงอาศัยความสามารถตัวเองทำลายออกไป

ถูกโยนเข้ามาฝึกฝนอยู่ในเขตแดนอยู่บ่อยๆ เขาจึงกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ไปแล้ว

เขตแดนที่เสินจิ่วหลี่ติดตั้งต่อให้ซับซ้อนอย่างไรก็ถูกเขาทำลายได้อย่างรวดเร็วยิ่ง…

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน!

ไม่ต้องถึงสามวันหรอก วันเดียวเขาก็ออกไปได้แล้ว

แต่ผ่านไปกว่าครึ่งวันแล้ว เขาลองใช้สารพัดวิธีต่อเนื่องกันแล้วก็ไม่ได้ผลทั้งสิ้น ในที่สุดจึงเข้าใจแล้ว ครั้งนี้ท่านพ่อของเขาปรับระดับความยากขึ้น! หากว่าเมื่อก่อนความยากของเขตแดนคือระดับหนึ่ง เช่นนี้ระดับความยากของเขตแดนในยามนี้ก็คือระดับหก! ก้าวกระโดดไปหลายขั้นเลย!

ที่สำคัญกว่านั้นคือ ข้าวของในเขตแดนแห่งนี้ดูเผินๆ แล้วไม่ต่างจากที่ผ่านมา ทำให้เริ่มแรกเขาจึงใช้วิธีทำลายแบบเก่า ผลคือเวทวิชาที่ยากนักกว่าจะร่ายออกมาได้ ไม่เพียงแต่ทำลายเขตแดนนี้ไม่ได้เท่านั้น กลับทำให้หนาขึ้นกว่าเดิมด้วย! ไอหมอกด้านในก็หนาแน่นขึ้นเรื่อยๆ…

….

อุ้มเด็กน้อยคนหนึ่งอยู่ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะนึกถึงบทสนทนาที่ไม่เหมาะกับผู้เยาว์ขึ้นมาได้…

เดรัจฉานเอ้ย!

กู้ซีจิ่วรู้สึกระทมอยู่บ้าง หรือว่าเป็นโสดมานานเกินไป ตนจึงเกิดอารมณ์?

เพ่ย! เธอไม่ได้เกิดอารมณ์สักหน่อย! ตามสัตย์จริง หลายปีมานี้เธอไม่เคยมีความต้องการในด้านนี้เลย…

จะว่าไปก็แปลก เธอยังบริสุทธิ์อยู่ชัดๆ แต่บางครั้งภาพเหตุการณ์บางส่วนที่แวบเข้ามา ค่อนข้างคลุมเครืออยู่บ้าง เหมือนฉากร่วมหอของชายหญิง…

หรือว่าตนกับเทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อนจะเคยเป็นสามีภรรยากันจริงๆ?

เนื่องจากเทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อนดับขันธ์ไป ร่องรอยทั้งหมดที่เกี่ยวกับเขาถูกลบทิ้ง แม้แต่ร่องรอยที่อยู่บนร่างตนก็ถูกลบทิ้งไปด้วยหรือเปล่า?

ไม่ใช่กระมัง?!

เทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อนคือหวงถู และหวงถูกล่วงลับแล้วก็ไม่ได้มาจุติบนดินแดนเบื้องบนแห่งนี้ เขาน่าจะดับสูญไปอย่างแท้จริงแล้ว…

สมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่เป็นคนแบบไหนกันแน่นะ?

เพียงน่าเสียดายที่ไม่มีผู้ใดจดจำเขาได้เลย ต่อให้เธออยากเข้าใจนิสัยของเขาก็ไม่อาจหาตัวคนมาสอบถามได้…

คนผู้นั้นดับสูญไปเช่นนี้แล้ว หวนกลับมาไม่ได้อีกแล้ว

—————————————————————————

บทที่ 1901 ไม่ยินสุข ไม่ยินทุกข์

ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ เธอก็ลืมเลือนเขาไปอย่างสิ้นเชิงแล้วเช่นกัน…

ในหัวใจมีความโศกเศร้าท่วมท้นขึ้นมา

หลังจากเธอกลับไปยังโรงเตี๊ยมแล้ว ก็เข้านอนแต่หัววัน

หลายปีมานี้ เธอคิดคะนึงถึงใครสักคนน้อยยิ่งนัก ความรู้สึกของเธอคล้ายจะเลือนรางไปแล้ว ต่อให้เป็นเพื่อนที่สนิทกันมากแค่ไหนเธอก็ทำเหมือนมิตรภาพระหว่างบุรุษดุจวารีใสกระจ่างได้ แยกจากกันก็ไม่พะวง พบหน้ากันก็ไม่ได้ปรีดาเป็นพิเศษ ตัวคนเปี่ยมพุทธภาวะไม่น้อยเลย

ไม่ยินสุข ไม่ยินทุกข์ ราวกับจู่ๆ ก็บรรลุธรรมขึ้นมา

แต่วันนี้ เธอกลับถูกเสินเนี่ยนโม่สั่นคลอนจิตใจได้ พะวงหาเด็กคนนั้นอยู่เล็กน้อย

หรือจะเป็นเพราะเด็กคนนั้นน่ารักเกินไป!

ทำให้คนเย็นชาอย่างเธอนึกอยากปกป้องดูแลเขาเช่นกัน

ทันใดนั้นความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมา

เด็กคนนั้นดูพิเศษยิ่งนัก เขาจะใช่เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ที่เธอตามหาอยู่หรือไม่?

ไม่ใช่มั้ง?! เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์เป็นตัวตนที่สูงส่งเหนือสรรพสิ่งอย่างยิ่ง สูงส่งกว่ามหาเทพเสียอีก เขาจะมาจุติเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเช่นนี้ได้อย่างไร?

ดวงหน้างดงามของเสินเนี่ยนโม่พลันผุดขึ้นมาตรงหน้า เด็กคนนั้นน่าเอ็นดูถึงเพียงนี้…

น่าจะไม่ใช่เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์มาจุติ

ถ้าเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์มาจุติดังว่า น่าจะจุติเป็นผู้ที่มีนิสัยเย็นชา ไม่ละโมบไร้ปรารถนา ทว่าเป็นบุคคลที่งามสง่าทรงอำนาจ มิใช่เด็กน้อยน่ารักที่ร้องขอให้อุ้มเช่นนี้

เธอซัดความคิดนี้ให้กลับเข้าไปในส่วนลึกของสมอง คลุมผ้าห่ม นอนดีกว่า!

กู้ซีจิ่วงุ่นง่านอยู่อีกสองวัน ไปกราบคารวะผู้วิเศษที่เลื่องชื่อยิ่งนักคนหนึ่ง ผู้สูงส่งคนนั้นรูปโฉมหล่อเหลา สวมเสื้อคลุมสีขาวพลิ้วไหว ยามที่เยื้องย่างอยู่ระหว่างฟ้าดิน ปานภาพวาดน้ำหมึก

คนผู้นี้นิสัยเย็นชาเฉยเมย ร่ำลือกันว่ายามที่เขาสำแดงวรยุทธ์ บนร่างคล้ายแฝงด้วยฉัพพรรณรังสี ทำให้คนพิศวง ถูกยกย่องให้เป็นผู้สูงส่ง

กู้ซีจิ่วไม่เคยปล่อยผ่านผู้วิเศษผู้สูงส่งเช่นนี้เลย ดังนั้นเธอจึงไปกราบคารวะ

ถึงแม้เธอจะไม่มีความรู้สึกอะไรกับผู้สูงส่งท่านนี้ แต่ท้ายที่สุดก็มีความรู้สึกดีๆ อยู่บ้าง ด้วยเหตุนี้จึงนำกล่องใบนั้นออกมาขอให้คนผู้นั้นช่วยเปิด

ผลคือคนผู้นั้นพยายามอยู่ทั้งวันก็เปิดไม่ได้

ในเมื่อเปิดกล่องไม่ได้ เช่นนั้นย่อมไม่ใช่แล้ว ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงกลับไปด้วยความผิดหวัง

เธอไปๆ มาๆ ระหว่างดินแดนเบื้องบนกับโลกเบื้องล่างมากว่าสองร้อยปีแล้ว ไปพบผู้สูงส่งแทบทั้งหมดของสองดินแดนมารอบหนึ่ง ผลคือสองมือยังคงว่างเปล่า

เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ผู้นี้ช่างตามหาได้ยากเย็นเหนือธรรมดาจริงๆ!

จู่ๆ เธอก็นึกถึงเสินเนี่ยนโม่ขึ้นมา นึกถึงความประหลาดพิสดารแต่ละอย่างของเขา

หรือเด็กคนนั้นจะเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์มาจุติจริงๆ?!

แต่ว่าเสียงที่ผุดขึ้นมาสมองของเธอเป็นครั้งคราวบอกเธอไว้ว่า ถ้ากล่องใบนั้นพบเจ้าของที่แท้จริงแล้วจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง…

แต่เธอพกกล่องใบนั้นไว้ตลอด จวบจนยามนี้ก็ยังนิ่งสนิทประหนึ่งก้อนศิลา ไม่มีความเคลื่อนไหวเลยสักนิด

ทำให้กู้ซีจิ่วเกือบสงสัยแล้วว่ากล่องใบนี้ขาดการทำนุบำรุงมาเนิ่นนานถึงเพียงนี้ อาจจะเกิดปัญหาขึ้นแล้ว!

ดังนั้นหนนี้ยามที่เธอไปพบผู้สูงคนนั้น จึงลองหยั่งเชิงด้วยการนำกล่องออกมาให้ผู้อื่นเปิด

บางทีกล่องใบนั้นอาจยอมรับเพียงผู้ที่แข็งแกร่ง มีเพียงเจ้าของมันต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างแท้จริง กล่องใบนี้ถึงจะมีปฏิกิริยาตอบสนองหรือเปล่า?

กู้ซีจิ่วตัดสินใจจะไปเสี่ยงโชคที่ตำหนักนภาลัยดู กราบคารวะมหาเทพสามีภรรยาเพื่อถามไถ่เรื่องของเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ดูสักหน่อย…

กล่าวกันว่ามหาเทพผู้นั้นมีชีวิตอยู่บนโลกนี้มานับหมื่นปีแล้ว ต้องล่วงรู้ความลับบางส่วนที่ผู้อื่นไม่ทราบเป็นแน่ ไม่แน่เธออาจจะล้วงเอาข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ มาจากปากของเขาได้ คงดีกว่าเธองมเข็มในมหาสมุทรอยู่เช่นนี้

….

ล่วงเข้ายามดึกแล้ว ดวงจันทร์ที่มองเห็น ณ ดินแดนเบื้องบน กลมโตดุจโต๊ะกลม

ท้องนภาเป็นสีครามเข้มทั้งผืน ดุจภาพฝันมายา

กู้ซีจิ่วตรงไปยังตำหนักนภาลัย ซ้ำยังขอเข้าพบทางประตูอย่างเป็นทางการด้วย

ไป๋เจ๋อผู้อารักขาประตูบอกเธอว่า มหาเทพสามีภรรยาออกไปทำธุระข้างนอก ไม่อยู่บ้าน ให้เธอมาใหม่วันหลัง

กู้ซีจิ่วมาเสียเที่ยวแล้ว จึงพยักหน้านิดๆ ขณะที่กำลังจะจากไป…

———————————-