ตอนที่ 682 ลับ ๆ ล่อ ๆ

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 682 ลับ ๆ ล่อ ๆ

“เหตุใดต้องเข้ามาทำลับ ๆ ล่อ ๆ ในห้องหนังสือของข้า ? ” มู่จวินฮานปัดรอยยับบนเสื้อผ้าก่อนเอ่ยถามหลิงเอ๋อราวกับไม่มีอันใดเกิดขึ้น

“ข้าน้อย…ข้าน้อยกลัวพี่สาวคนนั้นเจ้าค่ะ” หลิงเอ๋อชะงักไปชั่วครู่แต่ก็ตอบคำถามของมู่จวินฮาน จากนั้นก็ก้มหน้าลงต่ำกว่าเดิม ส่วนมู่จวินฮานได้ฟังเยี่ยงนั้นก็ยิ้มออกมาโดยมิได้กล่าวอันใด ท่าทีของเขาทำให้หลิงเอ๋อมองอย่างมิเข้าใจ มิรู้ว่าเหตุใดมู่จวินฮานจึงยิ้มเช่นนี้

“เจ้าหมายถึงเกอเอ๋อน่ะหรือ ? ความจริงแล้วนางเป็นคนที่เข้าหาได้ง่ายมาก” ความรักใคร่ในดวงตาของมู่จวินฮานเผยออกมาอย่างชัดเจน แต่สายตาเช่นนี้ราวกับหนามแหลมคมที่คอยทิ่มแทงหลิงเอ๋อ นางจึงค่อย ๆ ก้มหน้าลงอีกครั้ง

ส่วนมู่จวินฮานเห็นนางก้มหน้าเช่นนั้นก็คิดว่านางแค่กลัวเท่านั้นจึงมิได้กล่าวอันใดต่อ

หลิงเอ๋อเห็นว่าเขาเงียบไปจึงมิกล้าพูดเช่นกัน เมื่อครู่ที่เขาช่วยพูดแทนอันหลิงเกอก็ทำให้นางเข้าใจว่ามู่จวินฮานเห็นอันหลิงเกอสำคัญมากเพียงใด นางรู้ว่าเมื่อครู่มิควรกล่าวเช่นนั้นไปเลย

แต่มู่จวินฮานเห็นนางเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งแล้วจะกล่าวโทษได้เยี่ยงไร เขาจึงมิได้ตำหนิรวมทั้งมิได้มีความเอ็นดูนางด้วย ก็แค่รู้สึกสนุกเท่านั้น

“ช่างเถิด ข้ารับปากว่าเรื่องที่เจ้ามาที่นี่ ข้าจักไม่บอกพี่สาว” มู่จวินฮานเอ่ยด้วยน้ำเสียงคล้ายกำลังปลอบโยนเด็กก็มิปาน ทว่าแววตาของหลิงเอ๋อเปล่งประกายขึ้นมาเพราะนางชอบความอ่อนโยนของเขายิ่งนัก

นางคิดว่ามู่จวินฮานยอมให้มาหาได้อีกจึงตั้งใจไว้ว่าต่อไปนี้จะมาที่นี่ทุกวัน ทว่ามู่จวินฮานมิได้รู้แผนการที่อยู่ในใจของนางจึงมิได้ถามมากนัก

ถึงอย่างไรหลิงเอ๋อก็อายุยังน้อย แม้ใบหน้าของนางคล้ายกับอันหลิงเกอมากเพียงใดแต่ในความรู้สึกของเขาเห็นนางเป็นเพียงเด็กสาวคนหนึ่งเท่านั้น

จากนั้นมู่จวินฮานจึงจัดการเอกสารต่ออย่างสบายใจ ส่วนหลิงเอ๋อก็นั่งอยู่ด้านข้างอย่างเงียบ ๆ อันหลิงเกอเป็นคนที่เข้มแข็งและทำให้เขารู้สึกชื่นชม ส่วนหลิงเอ๋อมีท่าทางน่ารักไร้เดียงสาราวกับเด็กน้อยที่ต้องการคนดูแล

มู่จวินฮานคิดได้เช่นนั้นก็ยิ้มออกมาแล้วจัดการงานราชการต่อ

หลิงเอ๋อที่อยู่ด้านข้างเห็นรอยยิ้มเช่นนี้ของเขาก็ใจลอยโดยมิรู้ตัว หากกล่าวว่ามู่จวินฮานในอดีตคือภูเขาน้ำแข็ง เยี่ยงนั้นมู่จวินฮานในยามนี้ก็คงเป็นสายน้ำที่แสนอบอุ่น

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว อย่างน้อยในความรู้สึกของหลิงเอ๋อก็เป็นเช่นนั้น พริบตาเดียวเวลาก็ล่วงเลยจนใกล้ถึงยามอู่ และทั้งคู่ทราบดีว่าอันหลิงเกอใกล้กลับมาแล้ว ซึ่งมู่จวินฮานมิได้เอ่ยสิ่งใด แต่เป็นหลิงเอ๋อที่พาตัวเองออกไปก่อน เพราะเรื่องในวันนี้นางพึงพอใจมากแล้ว

ด้านมู่จวินฮานก็มาที่ห้องของอันหลิงเกอพลางมองสาวใช้เตรียมอาหารรอการกลับมาของนาง มู่จวินฮานมิได้รู้สึกร้อนตัวแม้แต่น้อยเพราะไม่ได้มีความรู้สึกเยี่ยงชายหญิงต่อหลิงเอ๋อ

อันหลิงเกอก็มิได้สงสัยแต่อย่างใด และมู่จวินฮานก็มิได้เอ่ยถึงเรื่องนี้

ในขณะที่กำลังทานข้าวอยู่นั้นมู่จวินฮานก็นึกขึ้นได้ว่าหากอันหลิงเกอเห็นคนที่มีหน้าตาเหมือนนางราวกับแกะก็มิรู้ว่าจักคิดเช่นไร

นั่นเป็นสาเหตุที่มู่จวินฮานเมตตาหลิงเอ๋อ หากมิใช่เพราะมีใบหน้าที่คล้ายอันหลิงเกอ ก็เกรงว่ามู่จวินฮานคงมิยอมให้เข้าใกล้เสียด้วยซ้ำ !

ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าของหลิงเอ๋อคล้ายกับอันหลิงเกอเช่นนั้น อย่างไรเขาก็มิอาจปฏิเสธนางได้ คำปฏิเสธทั้งหลายก็พูดมิออกไปเสียอย่างนั้น

เวลานี้อันหลิงเกอมิรู้เลยว่าหลายวันที่ผ่านมาเกิดเรื่องใดขึ้นบ้าง นางก็มิได้คิดอันใดมากเพราะเฝ้าหวังอยู่ทุกวันว่าบุตรชายและฟางหลิงซู่จักตื่นขึ้นมา มู่จวินฮานก็รู้ความคิดของนางดี แต่ครั้งนี้เขามิได้สงสัยในความสัมพันธ์ของนางและฟางหลิงซู่อีก

ขอเพียงฟางหลิงซู่ตื่นขึ้นมา อันหลิงเกอก็จักมิต้องคอยกังวลถึงอีก ตอนนั้นภายในใจของนางก็จะมีเพียงตนเท่านั้น มู่จวินฮานเข้าใจอันหลิงเกอดีและรู้ดีว่ามันต้องเป็นเช่นนี้

เนื่องจากมู่จวินฮานก็เริ่มคุ้นชินต่อการที่อันหลิงเกอไปเยี่ยมฟางหลิงซู่และบุตรที่กำลังหลับใหลในถ้ำน้ำแข็ง เคยชินกับการรอคอยของนางจนทำให้ตอนนี้เขาเฝ้ารอไปพร้อมกับนางด้วย

อย่างไรเสียการตายของฟางหลิงซู่ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาด้วย เขารู้ว่านี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่สามารถทำได้

หลังอันหลิงเกอทานข้าวเสร็จแล้วก็เอาแต่นั่งมองมู่จวินฮานอยู่เช่นนั้น เมื่อเห็นเส้นผมของเขาเริ่มมีสีขาวแล้ว นางก็ทำได้เพียงถอนหายใจออกมา นางรู้ว่าความเจ็บปวดและความเศร้าที่สร้างให้เขามีมิน้อย หลายปีมานี้ทั้งสองมักสร้างความทุกข์และความทรมานให้แก่อีกฝ่ายอยู่ร่ำไป

“เกอเอ๋อ หากเป็นไปได้ข้าก็ชอบชีวิตเมื่อก่อนมากกว่า” จู่ ๆ มู่จวินฮานก็หยุดการกระทำทุกอย่างลง อันหลิงเกอที่ยังมิทันได้ตั้งตัวจึงนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้น

“เกอเอ๋อ รอให้เรื่องทุกอย่างคลี่คลายแล้ว ข้ามิอยากเป็นท่านอ๋องอีกต่อไป หลังทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว พวกเราออกไปใช้ชีวิตเยี่ยงคู่สามีภรรยาธรรมดากันเถิด”

เมื่อมู่จวินฮานเอ่ยประโยคนี้ออกมาจากใจจริง อันหลิงเกอก็ตกตะลึงอยู่นานจนเสียงของมู่จวินฮานเงียบไป นางจึงได้สติขึ้นมา

ในตอนนี้อันหลิงเกอมิรู้ว่าควรกล่าวเช่นไรดี นางรู้สึกคุ้นเคยกับมู่จวินฮานในตอนนี้เพราะเขาเข้าใจความคิดของนางดีกว่าแต่ก่อน

เมื่อครู่สีหน้าของนางเปลี่ยนไปเล็กน้อย มู่จวินฮานก็สามารถรู้ได้ทันทีว่านางกำลังคิดอันใดอยู่ ใช่สิ แม้ชีวิตตอนนี้จักดีกว่าเมื่อก่อน แต่หาได้มีอิสระและความสงบไม่

“จวินฮาน…” ขอบตาของอันหลิงเกอแดงเรื่อขึ้นมา หลังได้ยินมู่จวินฮานเอ่ยก็ทำให้นางเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าเขารักตนมากเพียงใด

ราวกับเวลาที่ทั้งสองอยู่ด้วยกันผ่านไปรวดเร็วยิ่งนัก แต่สิ่งที่อันหลิงเกอหารู้ไม่ก็คือในมิช้าเรื่องร้ายกำลังจักเข้ามาทดสอบพวกตนอีกคราและตอนนี้เป็นเพียงความสงบก่อนเกิดพายุเท่านั้น

ทางด้านหลิงเอ๋อยังมาที่ห้องหนังสือของมู่จวินฮานทุกวันหลังอันหลิงเกอออกไปนอกจวน มู่จวินฮานเห็นนางมาก็มิได้แปลกใจอันใด เขาเพียงเงยหน้ามองเล็กน้อยก่อนจะปล่อยให้นางนั่งมองตนอยู่อย่างนั้น

หลิงเอ๋อรู้สึกเบื่อหน่ายจึงหันไปมองนั่นมองนี่ในสิ่งที่มิเคยเห็นและเกิดความรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก

ตอนนั้นมู่จวินฮานเงยหน้าขึ้นก็เห็นนางกำลังพลิกกระดานหมากล้อมเข้าพอดี แววตาของนางเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น

“อยากเรียนหรือไม่ ? ” น้ำเสียงของมู่จวินฮานช่างไพเราะ น้ำเสียงทุ้มต่ำแฝงไว้ด้วยความอ่อนโยนทำให้แววตาของหลิงเอ๋อเปล่งประกายก่อนจะรีบพยักหน้าทันที

“มา ยกกระดานหมากล้อมขึ้นมา” มู่จวินฮานยื่นมือให้นาง การกระทำของเขาแฝงไว้ด้วยการเอาใจเล็กน้อย

แต่ความรู้สึกของคนทั้งคู่ช่างต่างกันยิ่งนัก เพราะสำหรับมู่จวินฮานรู้สึกต่อหลิงเอ๋อแค่พี่ชายกับน้องสาวเท่านั้น

หลิงเอ๋อยกกระดานหมากล้อมขึ้นอย่างระมัดระวัง ก่อนจะยกกล่องใส่หมากทั้งสองกล่องแล้วเดินมาหามู่จวินฮานที่ได้เก็บโต๊ะเรียบร้อยเพื่อรอให้นางนั่งลง

หลิงเอ๋อนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเขา เมื่อเห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจนในระยะใกล้เช่นนี้ก็อดหน้าแดงขึ้นมามิได้

มู่จวินฮานเห็นท่าทางของนางก็มิได้กล่าวอันใดแค่ส่ายหน้าพร้อมรอยยิ้ม

ฝีมือการเดินหมากของอันหลิงเกอยอดเยี่ยม เขาจึงชอบที่จะดวลหมากกับนาง แต่บางทีการสอนคนที่ไร้ความรู้เช่นนี้ก็เป็นเรื่องสนุกเช่นกัน

เมื่อเดินหมากกันไปเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็หลงลืมเวลา กว่าจะรู้สึกตัวอีกครั้งก็เป็นยามอู่ของวันเสียแล้ว