มู่เฉียนซีกล่าว “นักเรียนที่แทรกเข้าชั้นเรียนเช่นข้า ไม่ได้เจอบ่อยหรอกเหรอ ?”

โม่ซางคงกล่าว “นักเรียนห้องเรียนระดับสวรรค์ของสำนักศึกษาหนานเฟิง ปกติแล้วจะเรียนเป็นเวลาสามปี แต่การเข้ามาก่อนสอบใหญ่ในเวลาหนึ่งเดือนอย่างเจ้า ไม่ค่อยพบเจอมากนัก”

“การสอบเข้าสำนักศึกษาซวนเหลยนั้น แต่ละคนจะมีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวในชีวิต หากล้มเหลว ชีวิตนี้ก็ไม่มีโอกาสอีกแล้ว คนส่วนใหญ่จะไม่เลือกวิธีประสบความสำเร็จที่รวดเร็วเช่นนี้ อีกทั้งด้วยอายุของเจ้าแล้ว……”

“อายุ ?” มู่เฉียนซีตกใจเล็กน้อย

“ยิ่งอายุมาก เวลาในการฝึกฝนก็ยิ่งยาวนาน ความแข็งแกร่งก็ยิ่งสูงขึ้น โอกาสที่จะสอบเข้าสำนักศึกษาซวนเหลยได้ก็ยิ่งมีมากขึ้น โดยปกติแล้วนักเรียนที่เตรียมสอบล้วนแต่มีอายุยี่สิบปีขึ้นไปทั้งนั้น แต่เจ้าเพิ่งจะสิบหก!”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ดังนั้น ข้าที่เพิ่งเข้ามาเรียนวันแรก ก็เลยถูกทุกคนจับตามองงั้นเหรอ ?”

โม่ซางคงกล่าว “อืม!”

“แต่ข้ารู้ว่าแม่นางมู่คงจะไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้!”

“เรื่องที่ข้าเป็นกังวลก็คือการหานักหลอมอาวุธ อย่าลืมช่วยถามให้ข้าหล่ะ”

นานแล้วที่นางไม่ได้ใช้กระบี่มังกรเพลิง นางรู้สึกไม่ค่อยคุ้นเคยสักเท่าไหร่

“เรื่องที่แม่นางมู่กล่าววานมา ข้าจะกล้าลืมได้เช่นไรหล่ะ!”

ห้องเรียนชั้นสวรรค์ของสำนักศึกษาหนานเฟิงมีด้วยกันทั้งหมดสามสิบคน ทันทีที่มู่เฉียนซีเข้าไปในห้องเรียน ก็ได้เห็นกับสายตาที่เกลียดชังคู่หนึ่งจับจ้องมาที่นาง อีกทั้งยังมีสายตาคู่หนึ่งที่ทำให้รู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมาก

มู่เฉียนซีกวาดสายตามอง และได้เห็นกับคนรู้จักสองคน!

ชิงฮุ้ย คุณหนูรองแห่งหอชิงลั่ว และเทียนฉี นายน้องแห่งสำนักเทียนกัง

เทียนฉีเดินเข้ามาทักทายมู่เฉียนซี “แม่นางมู่ เราเจอกันอีกแล้ว หลายวันที่ผ่านมานี้ข้าคิดถึงเจ้ายิ่งนัก คิดถึงมาก!”

สีหน้าของมู่เฉียนซีเย็นชา “ข้าก็คิดว่าใคร หลบไป อย่ามาขวางทางข้า”

มู่เฉียนซีเดินเข้าไปนั่งตรงตำแหน่งของตัวเอง ไม่แม้แต่จะมองหน้าเทียนฉี

สีหน้าเทียนฉีแข็งทื่อไปชั่วขณะ คนอื่นเห็นเช่นนี้ต่างก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย!

นึกไม่ถึงว่าจะมีคนที่ไม่ไว้หน้าเทียนฉีเช่นนี้ ครานี้คงจะสนุกเป็นแน่!

โม่ซางคงเดินมาที่เทียนฉี และกล่าวเตือนเขาว่า “เทียนฉี อย่าได้แตะคนที่ไม่ควรจะแตะ เดี๋ยวเจ้าจะหาว่าข้าไม่เตือน”

สำหรับวาจาคุกคามนี้ของโม่ซางคง เทียนฉีไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง ๆ เขากล่าวเยาะเย้ยว่า “โม่ซางคง เจ้าคิดว่าเจ้าหน้าตาดีมากนักรึไง ? คนงามเช่นนี้ มันถูกกำหนดมาให้เป็นของข้า เทียนฉีผู้เดียวเท่านั้น”

“แล้วเจ้าจะเสียใจทีหลัง” โม่ซางคงไม่อยากจะพูดจาไร้สาระกับเขามากนัก ศัตรูคิดอยากจะรนหาที่ตาย ก็ปล่อยเขาไปเถอะ!

เมื่อกลับมาเข้าเรียนในสำนักศึกษา ครั้งนี้มู่เฉียนซีไม่ได้ทำตัวเหมือนตอนที่อยู่แคว้นจื่อเยี่ยแล้ว ตอนนั้นเป็นเพราะนางมีเรื่องในจวนมากมายที่ต้องจัดการ นางจึงได้กลายเป็นเจ้าแม่แห่งการโดดเรียนไป

ครั้งนี้ นางนั่งเรียนอย่างตั้งใจ จากนั้นก็ไปที่หอตำราเพื่อทำความเข้าใจกับโลกที่นางอยู่ในตอนนี้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น

เรื่องราวทั้งหมดที่ได้รู้มาจากเซี่ยโจวนั้น มันยังน้อยไปจริง ๆ

มู่เฉียนซีอ่านตำราเสร็จก็เตรียมตัวจะกลับห้องนอน แต่ทันใดนั้นกลับถูกคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาขวางนางไว้ก่อน

ผู้ที่เป็นหัวหน้า แน่นอนว่าเป็นชิงฮุ้ย ชุดสีเขียวห่อหุ้มร่างอันเพรียวบางของนาง ชิงฮุ้ยกล่าวอย่างเย้ยหยันว่า “คิดจะเข้าสำนักศึกษาซวนเหลย ไม่ใช่แค่อ่านตำราก็จะเข้าได้ มันต้องมีพรสวรรค์และความสามารถที่แข็งแกร่ง ต้องมีกำลังในการต่อสู้ แล้วก็ต้องมีโชคด้วย”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “คนขี้แพ้เช่นเจ้า มาพูดจาไร้สาระเช่นนี้ต่อหน้าข้า มันไม่เป็นการดูถูกตัวเองไปหน่อยเหรอ ?”

“เจ้า!”

“โดนแค่กระบวนท่าเดียวของข้าเจ้าก็แพ้แล้ว ยังมีหน้ามากระโดดโลดเต้นอวดดีต่อหน้าข้าอีก”

“คุณหนูรอง ให้พวกเราจัดการกับนางเถอะ!” ชิงฮุ้ยโดนมู่เฉียนซีต่อว่าจนอับอายขายหน้าเช่นนี้ สุนัขรับใช้ข้างกายนางจึงร้อนตัวแทนขึ้นมาทันที

ดวงตาของชิงฮุ้ยแดงก่ำด้วยความโกรธเกรี้ยว ทันใดนั้นเองเสียงเสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้น “ผู้ใดกันที่ทำให้นางฟ้าของข้าโกรธถึงเพียงนี้ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”

คนผู้นี้เป็นชายรูปร่างสูงใหญ่ราวกับหมีก็มิปาน มีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งมาก คล้ายกับว่ากำลังจะทะลวงพลังขั้นจักรพรรดิยอดยุทธ์ได้แล้ว

เมื่อเห็นว่ามีคนออกตัวแทนนางเช่นนี้ ถึงแม้ว่าคนผู้นี้จะไม่ได้อยู่ในสายตาของนางเลย แต่ชิงฮุ้ยก็ร้องห่มร้องไห้ออกมาอย่างน่าสงสาร

“ฮือฮือฮือ! ในตอนนั้นข้าประเมินคู่ต่อสู้ต่ำไป ข้าก็เลยพ่ายแพ้ให้กับนาง นึกไม่ถึงว่าวันนี้นางจะเอาเรื่องนี้มาทำให้ข้าอับอายขายหน้า เช่นนี้แล้วข้าจะเอาหน้าที่ไหนอยู่ในสำนักศึกษาหนานเฟิงล่ะ ข้ายังมีคุณสมบัติใดสอบเข้าสำนักศึกษาซวนเหลยได้อีก”

ชายที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เหลือบมองไปที่มู่เฉียนซี และกล่าวว่า “ในหนานเฟิงมีสาวน้อยผู้หยิ่งผยองเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ข้าไม่เคยเห็นมาก่อนเลย”

นักเรียนที่ยืนอยู่ข้างชิงฮุ้ยกล่าวขึ้นว่า “แน่นอนว่าศิษย์พี่ฉินไม่เคยเห็นนางมาก่อน เพราะนางเป็นนักเรียนที่แทรกเข้ามากลางคัน นางคือคนที่ผู้คนกำลังวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในตอนนี้ เพิ่งมารายงานตัววันนี้”

“นักเรียนใหม่ นึกไม่ถึงว่าเข้ามาวันแรก ก็รังแกนางฟ้าอันดับหนึ่งของสำนักศึกษาพวกเรา คงต้องสั่งสอนกันสักหน่อยแล้ว!”

กลิ่นอายของราชายอดยุทธ์ระดับเก้านั้นแผ่ซ่านมาที่มู่เฉียนซี ดวงตาของชิงฮุ้ยเย็นยะเยือกเป็นที่สุด ตอนอยู่ที่ตำหนักโม่อวี่นางทำอะไรสาวน้อยผู้นี้ไม่ได้ ทว่าตอนนี้อยู่ที่สำนักศึกษาหนานเฟิง ที่นี่คือถิ่นของนาง

ภายในเวลาสามวัน นางจักต้องทำให้นางผู้หญิงผู้นี้ตายให้จงได้

“สั่งสอนงั้นเหรอ ?” มุมปาของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้น

“อยู่ในสำนักศึกษาเช่นนี้ สามารถสู้รบได้อย่างตามใจหรือไม่ ?” หากทำได้ ตอนนี้นางก็คันไม้คันมืออยากจะลงมือเต็มทีแล้วเช่นกัน!

พลังของคู่ต่อสู้ที่อยู่ตรงหน้าแข็งแกร่งกว่าชิงฮุ้ยมาก ไม่อาจสังหารให้ตายได้ในกระบวนท่าเดียว

ฉินปากล่าวว่า “ในสำนักศึกษาไม่อาจต่อสู้เป็นการส่วนตัวได้ แต่มีสนามประลองโดยเฉพาะ สาวน้อย เจ้ากล้าหรือไม่!”

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เหตุใดข้าจะไม่กล้าหล่ะ!”

ชิงฮุ้ยยิ้มขึ้น นางต้องทำให้คนทั้งสำนักศึกษาได้เห็น ว่านางผู้นี้โดนโจมตีจนน่าสังเวชเพียงใด

ทำให้มันเสียโฉม นั่นเป็นวิธีที่ดีที่สุด

ท้องฟ้ายังไม่ทันมืดสนิท ข่าวข่าวหนึ่งก็ได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งสำนักศึกษาหนานเฟิง

“เจ้ารู้ข่าวนั้นหรือยัง นักเรียนที่แทรกเข้ามาใหม่ผู้นั้น จะประลองกับฉินปา ผู้เป็นหนึ่งในสิบนักเรียนที่แข็งแกร่งของสำนักศึกษาหนานเฟิง!”

“เปิดเรียนวันแรกก็รับคำท้าประลองกับฉินปาแล้วเหรอ ช่างกล้าหาญยิ่งนัก”

โม่ซางคงที่ไปช่วยมู่เฉียนซีสอบถามข่าวคราวมา หลังจากที่ได้รู้เรื่องการประลองแล้วเขาก็ยิ้มขึ้น ดูเหมือนว่านางจะอยู่อย่างสงบไม่ได้แล้ว! หลังจากนี้หนึ่งเดือนอาจจะมีเรื่องครึกครื้นมากขึ้น

ชิงฮุ้ยได้ปล่อยข่าวนี้ออกไป ดังนั้นจึงมีผู้คนจำนวนมากที่มาชมการประลองในครั้งนี้

ในตอนนี้ฉินปาได้ย่างเท้าเดินขึ้นลานประลองแล้ว ร่างอันสูงใหญ่กำยำราวกับหมีนั้นแข็งแกร่งจนทำให้ผู้คนต่างก็รู้สึกถูกกดขี่

ร่างในชุดม่วงสว่างวาบกลางอากาศ มู่เฉียนซีก็ร่อนตัวลงมาบนลานประลองอย่างงดงาม!

นางกล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “ข้ามาแล้ว!”

“มาเริ่มประลองกันเถอะ!”

ผมสีดำขลับพลิ้วไสวราวกับน้ำตก ใบหน้าอันงดงามนั้นทำให้ผู้คนใจลอยไปในทันที

“สาวงาม! นึกไม่ถึงว่าสำนักศึกษาของพวกเราจะมีสาวงามเช่นนี้”

“นึกไม่ถึงเลยว่าสาวงามจะกล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับฉินปา บ้าไปแล้วจริง ๆ!”

“ฟังจากน้ำเสียงของนาง ดูเหมือนนางมั่นใจว่าจะชนะ”

“หากโดนโจมตีจนได้รับบาดเจ็บเข้า พวกเราคงจะเจ็บปวดใจน่าดูทีเดียวเชียว!”

“……”

“เริ่มประลอง!” ผู้ตัดสินการประลองของสำนักศึกษาประกาศขึ้น

ฉินปากำหมัดแน่น พลังอันแข็งแกร่งก็ได้แผ่ซ่านออกมา ทั่วทั้งลานประลองก็ตึงเครียดขึ้น

จากนั้น เขายกหมัดขึ้น และพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี

ทุกคนต่างรู้สึกได้ว่าตอนนี้ภูเขาลูกใหญ่กำลังจะทุบร่างชุดม่วงนั้น!

“รีบหลบเร็วเข้า!”

“คนงาม รีบหลบเร็วเข้า!” หากหมัดนี้ตกลงไปบนร่างแล้วล่ะก็ ไม่รู้เลยว่ากระดูกจะหักไปเท่าไหร่