ภายใต้การออกโรงอย่างดุเดือดของเย่เทียน ในที่สุดงานแถลงข่าวก็ก้าวเข้าสู่วาระปกติ ดำเนินไปตามขั้นตอนเดิม
“คุณชายเย่ครับ จะจัดการไอ้หมอนี่ยังไงดีครับ?”
เวลานั้น ยามสองคนขนาบซ้ายขวาฉีหลินชิ่งที่พนันกับเย่เทียนเดินมาจากที่ไม่ไกล
ด้วยความร้อนแรงจากผู้คนในงานเมื่อกี้ เย่เทียนจึงลืมเจ้านี่ไปชั่วขณะ
พอตอนนี้ได้เห็นฉีหลินชิ่ง เย่เทียนแสยะยิ้มชั่วร้ายที่มุมปาก และเดินเข้าไป
ทีแรกฉีหลินชิ่งเห็นสถานการ์เร่าร้อนขนาดนี้เลยหันหลังคิดหนีด้วยสัญชาตญาณ แต่เดินไปได้ไม่ถึงสองก้าวก็โดนยามสองคนนี้จับได้
“นาย นายจะทำอะไรน่ะ”
“ฉัน ฉันจะบอกนายให้นะ ฉันไม่มีทางแก้ผ้าแล้ววิ่งรอบที่นี่สามรอบหรอก!”
ฉีหลินชิ่งเห็นเย่เทียนเดินมาหาตัวเองด้วยรอยยิ้มบางๆ เขากลืนน้ำลายด้วยสัญชาตญาณและแสร้งทำเป็นใจเย็นอยู่
“นักข่าวฉี คุณไม่ต้องกังวลขนาดนั้นหรอกครับ”
“ไม่ว่ายังไงคุณก็เป็นคนมีชื่อเสียงแห่งเมืองเจียงหนันของเรา เมื่อกี้ผมแค่ล้อเล่นกับคุณเท่านั้น จะให้คุณแก้ผ้าวิ่งรอบที่นี่สามรอบจริงๆได้ยังไงกันล่ะครับ”
รอยยิ้มที่มุมปากของเย่เทียนกว้างขึ้นเรื่อยๆ ดูสดใสและเป็นมิตรมาก
ฉีหลินชิ่งชะงักไปเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ได้สติและคิดว่าเย่เทียนให้เกียรติตัวเอง จีงรีบสลัดพันธนาการของยามสองคนนั้นและจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง
“เฮอะ ถือว่านายรู้เรื่อง เห็นแก่ประธานเฉิน เรื่องวันนี้ฉันจะไม่ถือสานายแล้วกัน”
ฉีหลินชิ่งแค่นเสียงเย็นและหันหลังคิดจะไปจากที่นี่
“นักข่าวฉี คุณจะรีบไปไหนกันครับ?!”
“ถึงผมจะไม่เอาความคุณ แต่ไม่ได้หมายความว่าประธานเฉินของเราจะไม่ถือสาคุณหรอกนะครับ”
แต่เย่เทียนจะปล่อยให้เขาไปได้ยังไงกัน เขารีบส่งสายตาให้ยามทั้งสองคน
ยามทั้งสองรู้เรื่องทันที พวกเขาขยับตัวเบาๆปิดตายทางไปของฉีหลินชิ่ง
“นายจะเอายังไงอีก”
ฉีหลินชิ่งตากระตุกเล็กน้อยเมื่อเห็นยามร่างสูงใหญ่ปิดตายทางไปของตัวเอง เขาจำต้องหันกลับมาอีกครั้งและมองเย่เทียนด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“เรื่องง่ายๆน่ะ”
“นักข่าวฉี ก่อนหน้านี้คุณสงสัยว่าเซรั่มปลูกผมของเราใส่สารพิษ บัดนี้ความจริงกระจ่างแล้วว่าเซรั่มปลูกผมของเราไม่มีสารพิษ”
“บวกกับคำพูดหมิ่นประมาทเป็นชุดที่คุณพูดใส่เราก่อนหน้านี้ เป็นการปรักปรำบริษัทแซ่เฉินของเราอย่างร้ายแรง”
“ผมว่าประธานเฉินของเราไม่ถือสาหากต้องส่งจดหมายทนายให้คุณสักฉบับหรอกนะครับ”
เย่เทียนยิ้มอย่างไร้พิษภัย ทว่าคำพูดที่เอื้อนเอ่ยกลับทำให้ฉีหลินชิ่งหัวใจหนักอึ้ง
เวลานั้น เฉินหวั่นชิงที่มอบงานแถลงข่าวให้แซ่เจียอย่างสิ้นเชิงแล้วก็เดินเข้ามา เธอได้ยินคำพูดของเย่เทียนพอดีจึงให้ความร่วมมือทันควัน
“ถูกต้อง นักข่าวฉี คุณจงใจใส่ร้ายบริษัทแซ่เฉินของเรา ถ้าเรื่องวันนี้คุณให้คำตอบที่ฉันพอใจไม่ได้ หลังจากนี้คุณอย่าหวังว่าจะได้อยู่ที่เมืองเจียงหนันอีกต่อไป!”
ถึงแม้เฉินหวั่นชิงไม่รู้ว่าทำไมเย่เทียนถึงต้องหาเรื่องคนต่ำศักดิ์อย่างฉีหลินชิ่ง แต่เธอเชื่อว่าเย่เทียนไม่ใช่คนที่โอหังหาเรื่องไปทั่ว”
ฉีหลินชิ่งคิ้วขมวดเป็นปม ด้วยฐานะของเขา ไม่มีทางรู้ถึงความสามารถที่แท้จริงของเย่เทียน
เขาจะไม่กลัวเย่เทียนก็ได้ แต่เขาต้องกลัวเฉินหวั่นชิง
ยังไงซะเฉินหวั่นชิงก็เป็นนักธุรกิจสาวมหัศจรรย์ที่ทั้งเมืองเจียงหนันให้การยอมรับ และยังเป็นผู้บริหารของบริษัทแซ่เฉิน บัดนี้บริษัทแซ่เฉินเติบโตอย่างรวดเร็ว ประโยคเดียวของนางทำให้บริษัทส่วนใหญ่ในเจียงหนันแบนเขาได้อย่างแน่นอน
“ประธานเฉินครับ ผมขอโทษคุณจากใจจริงนะครับ!”
คิดมาถึงตรงนี้ ฉีหลินชิ่งยิ้มเฝื่อนๆและโค้งตัวเก้าสิบองศาให้เฉินหวั่นชิง พยายามวางทีท่าให้ต่ำต้อยที่สุด
“เฮอะ ถ้าขอโทษแล้วมีประโยชน์ โลกนี้จะมีตำรวจไปทำไม?”
ทว่า ไม่รอให้เฉินหวั่นชิงพูดอะไร เย่เทียนก็ชิงหัวเราะเย็นๆและส่งเสียงก่อน แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่คิดจะปล่อยฉีหลินชิ่งไปง่ายๆ
ฉีหลินชิ่งขมขื่นในใจ เม็ดเหงื่อผุดตามหน้าผากอย่างห้ามไม่ได้
“ประธานเฉินครับ สบายใจได้เลยครับ ผมกลับไปแล้วจะลงหนังสือพิมพ์ขอโทษเพื่อแสดงความรู้สึกผิดของผม และผมจะโฆษณาเซรั่มปลูกผมของบริษัทคุณเป็นอย่างดีเลยครับ”
“คุณคิดว่าหลังจากได้เห็นผลลัพธ์ของเซรั่มปลูกผมกับตาแล้ว นักข่าวคนอื่นจะไม่รู้เหรอว่าต้องเขียนข่าวยังไง ขาดคุณสักคนจะเป็นไรไป?”
เย่เทียนส่ายหัวเล็กน้อย หน้าตาดูถูกสุดๆ
ฉีหลินชิ่งตัวสั่นอย่างอดไม่ได้ ในใจตึงเครียดขึ้นมา แม้แต่แผ่นหลังยังเริ่มมีเหงื่อซึม
เมื่อกี้เขายังคิดอยู่เลยว่าเขยบริษัทแซ่เฉินอย่างเย่เทียนดูคุยง่าย แต่ตอนนี้มาคิดดูแล้วเป็นเรื่องที่ผิดมหันต์! ผิดมหันต์อย่างแรง!
นอกจากเจ้านี่จะคุยยากแล้ว ยังคิดแต่จะหาทางจัดการตัวเอง ชั่วร้ายถึงขีดสุด!
“แล้ว แล้วนายจะเอายังไง”
ฉีหลินชิ่งเงยหน้าเล็กน้อย มองเย่เทียนด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
“ง่ายๆ”
เย่เทียนดีดนิ้วเสียงดังและหัวเราะเย็นๆ “ผมจะให้คุณสองทางเลือก อย่างแรกบอกผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้มาซะ อย่างที่สองรอจดหมายทนายจากเรา ชีวิตนี้ก็อย่าหวังว่าจะได้เป็นนักข่าวอีก”
“แน่นอน ผมเชื่อว่าด้วยความสามารถของประธานเฉินของเรา เกรงว่าคุณไม่สามารถอยู่ในเจียงหนันต่อไปได้ด้วยซ้ำ!”
ฉีหลินชิ่งได้ฟังดังนั้นก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก หน้าตาอัดอั้นจนกลายเป็นสีแดงหม่น
“ฉัน ฉันไม่เข้าใจว่านายพูดถึงอะไร”
“คุณไม่เข้าใจจริงๆเหรอครับ”
“คุณเข้ามาปุ๊บก็ยืนยันว่าเซรั่มปลูกผมของเรามีปัญหา ผมไม่เชื่อหรอกนะครับว่าคุณจะบริสุทธิ์ใจขนาดนั้น”ง
“บอกมาเถอะ ใครส่งคุณมาครับ?”
เย่เทียนรู้ดีอยู่แก่ใจ เมื่อกี้เจ้านี่ออกตัวอย่างไม่รอช้า ไม่มีทางที่จะไม่มีอะไรในใจหรอก
ฉีหลินชิ่งมีสีหน้าลำบากใจขึ้น หากตัวเองไม่ยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีเกรงว่าต้องมีจุดจบอย่างที่เย่เทียนพูดเมื่อกี้
แต่พอนึกถึงคนที่อยู่เบื้องหลังสั่งการให้เขามาก่อเรื่องแล้วฉีหลินชิ่งก็ยิ่งกลัว ถ้าบอกชื่อคนนั้นออกมาจริงๆ เกรงว่าจุดจบก็คงไม่ดีนัก
“นักข่าวฉี ผมเป็นคนยุติธรรมมาก ขอเพียงคุณบอกมาว่าใครสั่งคุณ ผมรับประกันว่าเรื่องนี้จะไม่แพร่ออกไป”
“ถึงตอนนั้น คุณไม่พูด ผมไม่พูด แล้วใครจะรู้ล่ะครับ?”
เย่เทียนจะไม่รู้สิ่งที่ฉีหลินชิ่งกังวลอยู่ได้ยังไง เขาล่อลวงทีละน้อย
“นาย นายสัญญานะว่าจะไม่หลอกฉัน?”
เห็นได้ชัดว่าฉีหลินชิ่งเริ่มสั่นคลอนแล้ว
“ไม่อย่างนั้น? หรือคุณคิดว่าคนตัวเล็กๆอย่างคุณมีค่าพอให้ผมหลอกคุณเหรอครับ?”
เย่เทียนเบ้ปาก มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างดูแคลน
คำพูดนี้ทำร้ายศักดิ์ศรีอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ตอนนี้ฉีหลินชิ่งเป็นห่วงอนาคตของตัวเองมากกว่า มีกะจิตกะใจสนเรื่องพวกนี้ที่ไหนกัน
หลังจากชั่งน้ำหนักผลได้ผลเสียแล้ว ท้ายที่สุดเขาก็เลือกยอมประนีประนอม
“ที่จริง บริษัทแซ่เจิ้งส่งฉันมาก่อกวน”
เป็นคำตอบที่คาดการณ์ไว้แล้วอย่างไม่ต้องสงสัย ก่อนหน้านี้แค่คาดเดา บัดนี้ได้รับการพิสูจน์แล้ว
เฉินหวั่นชิงฟังแล้วกำหมัดด้วยสัญชาตญาณ นัยน์ตาลึกล้ำฉายแววเย็นเยียบ
เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่าบริษัทแซ่เจิ้งจะต่ำช้าขนาดนี้ เมื่อวานเพิ่งจะไปป่วนที่โรงงาน ตอนนี้ยังพยายามทำลายงานแถลงข่าวอีก เห็นเธอยอมคนขนาดนั้นเลยหรือไร?!
นัยน์ตาสีนิลของเย่เทียนเป็นประกายวาบเช่นเดียวกัน เขาหัวเราะในใจไม่หยุด ดูท่าหลังจากจัดการคนทรยศอย่างหยางซิงไปแล้วมีเรื่องให้ต้องไปเมืองเอกอีกครั้ง!
ถึงยังไง ให้มาไม่ตอบแทนเป็นการเสียมารยาท