บทที่ 397 คุณไม่มีพรสวรรค์แบบนั้น

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“ฉัน ตอนนี้ฉันไปได้หรือยัง?”

เห็นสีหน้าเคียดแค้นของเฉินหวั่นชิงแล้ว ฉีหลินชิ่งไม่กล้าอยู่ที่นี่ต่อ เขาพูดเสียงแผ่วด้วยหน้าซีดๆ

“ได้สิครับ ได้อยู่แล้ว”

เย่เทียนยิ้มให้และพยักหน้า พร้อมทำมือเชิญอย่างเป็นมิตร

เมื่อร่างของฉีหลินชิ่งหายลับไปแล้ว เหอเชิ่งถึงก้าวเร็วๆเข้ามาอยู่ข้างกายเย่เทียน

“เป็นไงบ้าง? อัดเสียงเมื่อกี้ไว้หมดแล้วใช่มั้ย?”

เย่เทียนชำเลืองเล็กน้อยและถามด้วยรอยยิ้มเย็น

“คุณชายเย่วางใจเถอะครับ ถึงแม้ที่นี่จะเสียงดังไปหน่อย แต่เมื่อกี้ผมยืนใกล้ขนาดนั้น เสียงของเจ้าคนแซ่ฉีชัดเจนมากครับ”

เหอเชิ่งหัวเราะแหะๆ และล้วงเอาปากกาอัดเสียงด้ามหนึ่งออกมาจากในกระเป๋า

เย่เทียนพยักหน้าอย่างพอใจ แสยะยิ้มชั่วร้ายที่มุมปาก เขายื่นมือออกไปรับปากกาอัดเสียงและเดินไปอยู่ตรงหน้าเฉินหวั่นชิง

“เมียจ๋า ช่วงนี้ผมมีเรื่องต้องจัดการนิดหน่อย ยังไม่ว่าง”

“เดี๋ยวคุณคัดลอกไฟล์เสียงนี้แล้วส่งไปให้บริษัทแซ่เจิ้ง เชื่อว่าพวกเขาจะไม่บุ่มบ่ามทำอะไรอีกในระยะสั้นๆ”

เฉินหวั่นชิงชะงัก ก่อนจะมองเย่เทียนอย่างสื่อความหมาย แต่ไม่ได้ถามว่าเขาจะไปจัดการเรื่องอะไรอย่างรู้หน้าที่

เด็กสาวถอนหายใจอย่างโล่งอก และขอบคุณจากใจจริง “เย่เทียน เรื่องครั้งนี้ต้องรบกวนนายจริงๆ ถ้าไม่ได้นายเรื่องวันนี้คงไม่คลี่คลายง่ายๆอย่างนี้แน่นอน”

“เมียจ๋า เราสองคนยังต้องแบ่งแยกชัดเจนอีกเหรอ คุณไม่จำเป็นต้องเกรงใจผมหรอกครับ”

เย่เทียนแกล้งทำเป็นเบ้ปากอย่างไม่พอใจ

ถึงแม้เธอกับเย่เทียนจะยังไม่ได้เป็นสามีภรรยาที่แท้จริง แต่ถึงยังไงก็เป็นสามีภรรยากันในนาม ถ้าเกรงใจเกินไปออกจะไม่ถูกต้อง

แต่เฉินหวั่นชิงไม่ได้อยู่ข้างกายเย่เทียนนานนัก เธอขึ้นเวทีไปให้สัมภาษณ์กับสื่อพร้อมกับแซ่เจีย

เกรงว่าบริษัทแซ่เจิ้งไม่คิดไม่ฝันเลยว่านอกจากเรื่องวันนี้จะทำอะไรบริษัทแซ่เฉินไม่ได้แล้ว กลับยิ่งส่งเสริมผลลัพธ์ของเซรั่มปลูกผมให้โดดเด่นกว่าเดิม

เชื่อว่าหลังจากวันนี้ไป เซรั่มปลูกผมของบริษัทแซ่เฉินต้องก่อเกิดมรสุมขนาดใหญ่แน่นอน!

“คุณชายเย่ โชคดีนะคะที่วันนี้มีคุณอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่าจะจบเรื่องนี้ยังไง”

ขณะนั้น กู้กวนชีที่อุตส่าห์มีเวลาว่างเบียดมาอยู่ข้างกายเย่เทียน

“ฉันบอกเธอแต่แรกแล้วว่าตราบใดที่เธอติดตามฉันด้วยความจริงใจ ฉันไม่ปล่อยให้เธอเสียเปรียบใครหรอก”

เย่เทียนยิ้มอย่างไว้ท่า และมองกู้กวนชีตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างลึกล้ำ

กาลครั้งหนึ่งผู้หญิงคนนี้ก็เคยโดนเจิ้นเซ่าเฉินซื้อตัวไป พิจารณาที่เธอสามารถละทิ้งความมืดมิดและหันหน้าเข้าหาแสงสว่างและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉินหวั่นชิงแล้ว เย่เทียนไม่ได้เอาเรื่องเธอ

ติ๊งติ๊ง!

ไม่รอให้กู้กวนชีตอบอะไร มือถือในกระเป๋าของเย่เทียนก็ดังขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน

เย่เทียนบอกเด็กสาวก่อนจะเดินออกมารับโทรศัพท์ และพบว่าหลิวชิงเป็นคนโทรเข้ามา

ตามหลักแล้วหลิวชิงควรจะยุ่งมากสิ ทำไมถึงโทรมาในเวลานี้ล่ะ?

นัยน์ตาสีนิลของเย่เทียนหรี่ลงเล็กน้อย แต่มือกดรับสายอย่างไม่รอช้า

“คุณชายเย่ เกิดเรื่องแล้วครับ!”

“เมื่อกี้เพิ่งได้รับข่าวว่าด้านหยางซิงประกาศเชิญคุณไปทานข้าวที่หอวั่งไห่คืนนี้สองทุ่มครับ!”

“ถ้าถึงตอนนั้นเราไม่ปรากฏตัว เขาจะไม่รักษาคุณธรรมใดๆอีก และจะลงมือกับเพื่อนและครอบครัวของเราครับ!”

รับสายปุ๊บเสียงร้อนใจของหลิวชิงก็ดังลอดสายมาทันที

เย่เทียนผงะ แต่ไม่นานนักก็ได้สติกลับมา นัยน์ตาทมิฬฉายแววเย็นเยียบ สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือโดนข่มขู่!

“ปล่อยข่าวออกไปว่าฉันเย่เทียนจะไปแน่นอน ให้เขาล้างคอรอฉันได้เลย!”

ทีแรกเขาตั้งใจจะค่อยเป็นค่อยไป ให้หยางซิงมีชีวิตนานกว่านี้หน่อย แต่ในเมื่อเขาไม่รู้จักหน้าที่ขนาดนี้ก็อย่าหาว่าเย่เทียนไร้ความเมตตาแล้วกัน!

“คุณชายเย่ แบบนี้จะ…”

หลิวชิงได้ยินดังนั้นอดลังเลไม่ได้

หยางซิงต่ำช้าถึงขั้นประกาศว่าจะไม่สนเรื่องคุณธรรมแล้ว คืนนี้ต้องเป็นดั่งงานเลี้ยงหงเหมินแน่ๆ เขาต้องเตรียมความพร้อมมาเต็มที่อยู่แล้ว

ถึงแม้เขาจะรู้ว่าเย่เทียนมีพลังกล้าแกร่ง แต่หยางซิงมีนักบู๊สนับสนุนอยู่เบื้องหลังเช่นเดียวกัน ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นนักบู๊ระดับไหน

“วางใจเถอะ เขาไม่มีปัญญาทำอะไรฉันได้หรอก”

เย่เทียนจะไม่รู้ได้ยังไงว่าหลิวชิงกังวลเรื่องอะไร แต่เขามีความสามารถและใจกล้า จะเก็บคำขู่แค่นี้มาใส่ใจได้ยังไงกัน

“ถ้าอย่างนั้น….ผมเข้าใจแล้วครับ”

เมื่อรู้ในความตั้งใจของเย่เทียนแล้ว หลิวชิงยิ้มเฝื่อนๆและส่ายหัว ไม่ได้พูดอะไรอีก

หลังจากวางสายไป จู่ๆเย่เทียนก็นึกปัญหาได้อีกอย่าง ก่อนจะกดโทรหาตี๋ต้าจื้อ

น่าเสียดายที่ปลายสายบอกว่าปิดเครื่อง โทรไม่ติด

หวังว่าจะอยู่บนเครื่องบินนะ!

เย่เทียนพยักหน้าอย่างใช้ความคิด เมื่อกี้เขาพลันนึกขึ้นได้ว่าถ้าหยางซิงฉวยโอกาสที่เขาไปร่วมงานเลี้ยงลงมือกับเฉินหวั่นชิง เขาจะทำอะไรได้ลำบาก

นี่ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เมื่อวานยังเกิดเรื่องอย่างรถเสียการควบคุมเลย แม้ว่าผู้ต้องสงสัยมากที่สุดคือบริษัทแซ่เจิ้ง แต่ไร้ซึ่งหลักฐาน ใครจะรู้ว่าเป็นลูกไม้ของหยางซิงหรือเปล่า

อีกอย่าง ยังมีแก๊งS.P.Lอยู่ในมุมมืดอีกด้วย

ช่วงเวลานี้ต้องวุ่นวายมากเรื่องอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกอย่างต้องห่วงความปลอดภัยของเฉินหวั่นชิงเป็นหลัก

หากตี๋ต้าจื้อมาทันเวลา มาคุ้มกันเฉินหวั่นชิงแทนเขา เขาที่ไร้ความกังวลจะต้องกลัวอะไรอีก

คิดมาถึงตรงนี้ เย่เทียนเงยหน้ามองเฉินหวั่นชิงที่เผชิญหน้ากับนักข่าวอย่างชำนาญบนเวทีตามสัญชาตญาณ หากตี๋ต้าจื้อมาไม่ทัน เขาได้แต่ขอให้เฉินหวั่นชิงลดตัวไปค้างที่เขตทหารเมืองเจียงหนันหนึ่งคืน

ส่วนสถานีตำรวจ เย่เทียนไม่เอามาพิจารณาตั้งแต่แรก

หมาป่าโลภในตอนนั้นเป็นถึงผู้แข็งแกร่งระดับดำ ฝึกฝนจนมีกังชี่กันกระสุนได้ บัดนี้สมาชิกแก๊งS.P.Lออกโรงทุกคน เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่มีคนที่แข็งแกร่งกว่าหมาป่าโลภ

หากพวกเขาชั่วร้ายถึงขั้นจะไปจับเฉินหวั่นชิงจริงๆ แค่คนของสถานีตำรวจคงหยุดไม่อยู่

หันกลับมามองที่กองทหารในเขตทหาร ต่อให้ไม่พูดถึงเรื่องที่กำลังรบแข็งแกร่งกว่าสถานีตำรวจมาก ไหนจะมีหน่วยชางหลงคอยค้ำจุน เขาไม่คาดหวังให้พวกเขาจัดการกับผู้บุกรุกได้ แต่อย่างน้อยก็ยื้อเวลาจนตัวเองไปถึงได้

“คุณเย่ครับ”

เขาเพิ่งเก็บมือถือก็มีเสียงผู้ชายนุ่มลึกดังขึ้นข้างหูอีกครั้ง

เย่เทียนมองตามเสียงไป พานเหลียงผิง คุณหมอที่ออกตัวก่อนหน้านี้นั่นเอง เขาถามอย่างแปลกใจ “คุณมีเรื่องอะไรเหรอครับ?”

“คุณเย่ การควบคุมเข็มด้วยพลังชี่ที่คุณแสดงก่อนหน้านี้ ไม่ทราบว่าพอจะถ่ายทอดให้ผมได้มั้ยครับ?”

พานเหลียงผิงไม่อ้อมค้อม เขาถามตรงเข้าประเด็น

เย่เทียนผงะ มอง พานเหลียงผิงตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างละเอียด และส่ายหัวเล็กน้อย

“คุณไม่มีพรสวรรค์แบบนั้น เรียนไม่ได้หรอก”

“คุณ….”

พานเหลียงผิงหน้าแดงก่ำขึ้นมาในบัดดล ตอนแรกเขาคิดจะพูดอะไรอีก แต่เย่เทียนหันหลังเดินจากไปแล้ว

ไม่ว่ายังไงเขาก็เป็นลูกศิษย์โดยตรงของปรมาจารย์การแพทย์ระดับประเทศ และเป็นตัวแทนหมอของภูมิภาคหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นโอรสสวรรค์เลยล่ะ เคยโดนดูถูกขนาดนี้ซะที่ไหน?

“เย่เทียน ฉันจะทำให้นายต้องเสียใจ!

พานเหลียงผิงมองแผ่นหลังของเย่เทียนที่เดินจากไป เขายื่นมือขวาเข้าไปในกระเป๋าและกำมือถือแน่น นัยน์ตาลึกล้ำเต็มไปด้วยความแค้นเคือง…..