ตอนที่ 430 จ่ายส่วนที่ต้องเสียไป / ตอนที่ 431 ตาข่ายที่ถักทอ

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 430 จ่ายส่วนที่ต้องเสียไป 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองบนใส่เขา “นายคิดเยอะจริงๆ ฉันมีอะไรให้ต้องทำใจเห็นนายหิวไม่ลงเหรอ” 

 

 

           ความปากไม่ตรงกับใจแบบนี้ของเขา ซือเหยี่ยนฟังจนชินมาตั้งนานแล้ว ถึงยังไงเฉินเฉินของเขาเวลาไหนไม่อยู่ในโหมดปากไม่ตรงกับใจ นั่นก็ไม่ถูกต้องแล้ว 

 

 

           “อืม ผมรู้ คุณชอบผมที่สุด” 

 

 

           เจียงมู่เฉินได้ยินประโยคนี้ก็รู้สึกกระดากอายอย่างไรชอบกล ทำไมกลายเป็นเขาชอบซือเหยี่ยนที่สุดไปได้ 

 

 

           เขาเงยหน้ากวาดสายตามองซือเหยี่ยนแวบหนึ่ง “ซือเหยี่ยน ฉันว่าฉันพบแล้ว ว่าตอนนี้นายชักจะมั่นหน้ามากจนน่าเหลือเชื่อจริงๆ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนคิดเองเออเองทั้งหมดว่าเขากำลังอวยตัวเองอยู่ “มา กินอีกหน่อย” 

 

 

           เจียงมู่เฉินขยับขา ขายาวไขว้กันตามสบาย “โอเคแล้ว นายกินเถอะ ตอนนี้เอาใจฉันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว เมื่อกี้ที่ควรจำก็จำหมดแล้ว” 

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเขาพูดอย่างนี้ เวลานี้ถึงได้วางมือ ตัวเองกินไปสองคำ แล้วค่อยป้อนเจียงมู่เฉิน ครั้งนี้เจียงมู่เฉินไม่ได้บ่ายเบี่ยง 

 

 

           ทั้งสองคนผลัดกันกินแบบนี้ไป เพียงไม่นานก็กินอิ่มแล้ว 

 

 

           ซือเหยี่ยนมองดูอาหารบนโต๊ะ แล้วมามองเจียงมู่เฉินที่อยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง ก็อดจะถามไม่ได้ “กลับไปบ้านตระกูลเจียงแล้วไม่ใช่เหรอ ทำไมมาที่นี่อีกล่ะ” 

 

 

           ความเลิ่กลั่กประกายวาบในแววตาเจียงมู่เฉิน จะเพราะอะไรได้ ก็รู้สึกว่าทำใจเห็นซือเหยี่ยนอยู่คนเดียวที่นี่ไม่ได้ไม่ใช่หรือไง 

 

 

           ถึงแม้ความจริงจะเป็นเช่นนี้ แต่ด้วยนิสัยความเย่อหยิ่งขนาดนี้ของคุณชายเจียงจะมาสารภาพกันโต้งๆ ไม่ได้เป็นธรรมดา 

 

 

           เขามองซือเหยี่ยน เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่สนใจ “นั่นเพราะพ่อแม่ฉันไม่อยู่ไม่ใช่หรือไง ฉันกลับไปคนเดียวน่าเบื่อจะตาย” 

 

 

           “อ๋อ” ซือเหยี่ยนขานรับ หรี่ตาลงเอ่ยถามออกมา “ใช่แค่อยู่คนเดียวแล้วน่าเบื่อจริงๆ เหรอ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่อย่างนั้นจะอะไรได้ คิดถึงนาย ตัดใจทิ้งนายไม่ลง เลยกลับมางั้นเหรอ” 

 

 

           ซือเหยี่ยนยิ้มหัวเราะเบาๆ “ผมมีเลขทดไว้ในใจแล้ว คุณไม่พูดก็ช่างเถอะ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำไมมีเลขทดไว้ในใจแล้วล่ะ เขาอยากถาม ในใจนายมีเลขอะไรเหรอ 

 

 

           …… 

 

 

           หลังจากกินข้าวเสร็จ เจียงมู่เฉินรู้สึกว่านั่งบนเก้าไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่แล้ว เขาเอามือสะกิดซือเหยี่ยน “ฉันอยากไปเอนหลังบนโซฟา” 

 

 

           ซือเหยี่ยนไม่พูดพร่ำทำเพลง ช้อนตัวอุ้มเขาขึ้นมาไปส่งยังโซฟา 

 

 

           เจียงมู่เฉินเรียกใช้ซือเหยี่ยนโดยไม่มีอะไรตะขิดตะขวงใจ ถึงอย่างไรหลายปีมานี้ ซือเหยี่ยนก็ผ่านเหตุการณ์เช่นนี้มาโดยตลอด 

 

 

           ถึงอย่างไรคุณชายน้อยเจียงเสียเปรียบแล้ว ยังจะถูกเอาเปรียบได้อีกเหรอ 

 

 

           ในเมื่อกล้ากิน ก็ต้องจ่ายส่วนที่ต้องเสียไปเป็นธรรมดา 

 

 

           เจียงมู่เฉินเหนื่อยล้าอยู่ในห้องน้ำตั้งนาน แล้วยังออกมากินอาหารเย็นอีก ตอนนี้ง่วงจนแม้กระทั่งจะยกเปลือกตาไม่ไหว 

 

 

           เขาขลุกตัวอยู่ในอ้อมอกของซือเหยี่ยน เดิมทีทั้งสองคนกำลังดูหนังกันอยู่ แต่เพียงไม่นานเจียงมู่เฉินก็ลืมตาไม่ค่อยจะขึ้นแล้ว 

 

 

           เดิมทีเขาอยากให้ซือเหยี่ยนอุ้มเขากลับห้องไปนอน 

 

 

           แต่พอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นซือเหยี่ยนกำลังดูหนังพอดี เจียงมู่เฉินครุ่นคิด ตัดสินใจไม่รบกวนเขา ด้วยเหตุนี้จึงไม่พูดว่าอยากกลับห้องไปนอนออกมา แล้วซบอกซือเหยี่ยนพร้อมหลับตาลงเบาๆ 

 

 

           เพียงไม่กี่นาทีก็ผล็อยหลับไป 

 

 

           ซือเหยี่ยนก้มหัวลง ก็เห็นใบหน้ายามหลับใหลของเจียงมู่เฉินพอดี 

 

 

           คิดๆ ดูแล้ว สองวันมานี้เรื่องของเขาทำให้เจียงมู่เฉินไม่ได้นอนหลับพักผ่อนดีๆ ทั้งคุณแม่เจียงยังมาเข้าโรงพยาบาลไปอีก แล้วเขาก็ยังไม่ควบคุมตัวเองเลยแม้แต่น้อยจับกดเจียงมู่เฉินอยู่ในห้องน้ำ ‘ทำ’ กันไปรอบหนึ่ง 

 

 

           เวลานี้ จู่ๆ ซือเหยี่ยนก็รู้สึกผิดบาปในใจเสียใจอยู่ไม่น้อยทีเดียว 

 

 

           แต่ขณะลงสนามรักกันเมื่อครู่นี้ คิดไม่ได้เลยสักนิดว่าต้องออมมือบ้าง 

 

 

           เขาเอื้อมมือไปจิ้มๆ บนใบหน้าของเจียงมู่เฉิน เห็นเขาไม่มีท่าทางตอบสนองกลับมา ดูท่าว่าจะนอนหลับสนิทแล้ว 

 

 

           ซือเหยี่ยนยื่นมือไปปิดโทรทัศน์ ช้อนตัวอุ้มเจียงมู่เฉินด้วยความระมัดระวัง 

 

 

           รูปร่างของเจียงมู่เฉินเพรียวสูง แต่กลับไม่ได้ดูเปราะบางจนเกินไป โดยเฉพาะขาเรียวยาวคู่นั้นยังตรงและเรียวสวยกว่าผู้หญิงเสียอีก  

 

 

 

 

 

ตอนที่ 431 ตาข่ายที่ถักทอ 

 

 

           ขณะที่อุ้มขึ้นมาจากโซฟา ขยับท่าทางเคลื่อนตัวมากไปนิดหน่อย เจียงมู่เฉินขมวดคิ้วด้วยความไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่นัก 

 

 

           ซือเหยี่ยนรีบลงมือทรงตัวให้มั่นคง อุ้มเขาไปถึงห้องนอนด้วยความระมัดระวัง 

 

 

           ยังดีที่เจียงมู่เฉินเพียงครู่เดียวก็นอนหลับเข้าไปอีกครั้ง ซือเหยี่ยนวางเขาลงบนเตียง เมื่อเจียงมู่เฉินสัมผัสเตียงก็ขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มทันที 

 

 

           ซือเหยี่ยนเห็นเขาทำแบบนั้น ก็มองดูท่าทางของเขาด้วยความขบขัน ยกมุมปากขึ้นเบาๆ 

 

 

           คงจะไม่มีใครสักคนที่เหมือนเจียงมู่เฉินแบบนี้ได้ การกระทำเล็กๆ น้อยๆ เพียงแผ่วเบาก็ทำให้ทั้งหัวใจของเขาสั่นไหวได้ 

 

 

           ราวกับมีคนเอื้อมมือมาเปิดประตูห้องหัวใจของเขา หลังจากนั้นก็จัดแจงเจียงมู่เฉินให้เข้าที่ 

 

 

           ซือเหยี่ยนมองดูใบหน้ายามหลับใหลของเจียงมู่เฉิน เขานั่งอยู่ข้างๆ เอ่ยเรียกเสียงต่ำ “เฉินเฉิน…” 

 

 

           เจียงมู่เฉินคลอเคลียอยู่กับหมอนหนุน เนื่องจากผ่านการอาบน้ำมา ทำให้เรือนผมอ่อนนุ่มตกลงมาอยู่ที่ข้างหู ซือเหยี่ยนได้เห็นแบบนี้ หัวใจก็อ่อนยวบไปทั้งดวง  

 

 

           ซือเหยี่ยนก้มหน้าลงจูบเจียงมู่เฉิน แต่กลับติดใจจนไม่วางไม่ลง โน้มตัวลงไปลูบไล้แก้มนวลของเจียงมู่เฉิน 

 

 

           จากคิ้วไปจรดริมฝีปาก ทีละนิดๆ ไม่ตกหล่นแม้เพียงจุดเดียว สัมผัสอย่างเบามือ 

 

 

           เขาประทับรอยจูบลงที่มุมปากของเจียงมู่เฉิน ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ “คุณเข้ามาตาข่ายของผมแล้ว ต่อจากนี้ไปไม่ว่ายังไงก็หนีไปไหนไม่ได้แล้วนะ” 

 

 

           จากเพื่อนเลื่อนมาเป็นคนในครอบครัว ในที่สุดเขาก็พาเจียงมู่เฉินเข้ามาทีละน้อยๆ จนกลมกลืนอยู่ในโลกของตัวเอง  

 

 

           …… 

 

 

           วันต่อมาเมื่อตื่นขึ้นก็สายจนตะวันโด่งแล้ว เจียงมู่เฉินอดไม่ได้ที่จะบิดขี้เกียจสักหน่อย เมื่อคืนไม่รู้ว่าผล็อยหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ตื่นมาอีกทีก็รู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย 

 

 

           ‘อืม…ถ้ามองข้ามช่วงเอวที่ปวดเมื่อยล่ะก็นะ’ 

 

 

           ซือเหยี่ยนไม่อยู่ในห้องแล้ว อีกฝั่งหนึ่งของเตียงเย็นเฉียบไปเรียบร้อย คิดดูแล้วซือเหยี่ยนคงจะออกไปได้สักพักใหญ่แล้ว 

 

 

           เจียงมู่เฉินยืดเหยียดร่างกายเพรียวยาวของตัวเอง เอนตัวนอนอีกสักพักแล้วค่อยลงจากเตียง ถึงอย่างไรอาหารเที่ยงก็ไปกินที่บ้านซือเหยี่ยนอยู่แล้ว ตอนนี้ยังเช้าอยู่ ก็ไม่ต้องรีบร้อน   

 

 

           พอคิดถึงเรื่องไปเข้าพบผู้ใหญ่ หัวใจดวงน้อยของเจียงมู่เฉินที่เข้มแข็งมาก็สั่นสะเทือนขึ้นมาในพริบตา 

 

 

           เขาเอนตัวนอนอยู่บนเตียงพลางครุ่นคิด ถ้าไม่อย่างนั้นวันนี้แต่งตัวให้น่าเอ็นดูสักหน่อย ไม่แน่ว่าแบบนี้เมื่อพ่อแม่ซือเหยี่ยนเห็นว่าเขาเป็นคนน่าเอ็นดู ก็จะไม่ใจแข็งพอที่จะใจร้ายกับเขาแล้ว 

 

 

           เจียงมู่เฉินคิดได้เช่นนี้แล้ว ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองฉลาดมีไหวพริบ 

 

 

           ไม่รู้ว่าเจียงมู่เฉินคิดอะไรขึ้นมาได้ จู่ๆ ก็ปีนลงจากเตียงกะทันหัน ท่าทางรวดเร็วเกินไป เจ็บปวดจนหน้าตาเหยเก 

 

 

           เจียงมู่เฉินลงจากเตียงมาก็ไปหาเสื้อผ้าเด็ดลับสุดยอดชุดหนึ่งของเขา คือชุดลำลองแบบพิเศษของเขา 

 

 

           ตอนนั้นไม่รู้ว่าเฉิงฉีไปกินยาผิดขวดที่ไหนมา ถึงได้ส่งชุดนี้มาให้เขา 

 

 

           เจียงมู่เฉินดูถูกว่าชุดนั้นขี้เหร่สุดๆ ดังนั้นจึงไม่ใส่มาก่อน 

 

 

           แต่คิดดูแล้ว ก็มีเพียงชุดนี้เท่านั้นที่ทำให้เขาดูตัวค่อนข้างเล็กอย่างชัดเจน ค่อนข้างดูไร้เดียงสา 

 

 

           เจียงมู่เฉินเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่องกระจกดู พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ที่แท้หน้าตาหล่อจนช่วยไม่ได้จริงๆ ใส่เสื้อผ้าชุดไหนก็ดูดีไปหมด 

 

 

           ชุดดูธรรมดาๆ ขนาดนี้ชุดหนึ่ง เขาก็ใส่ออกมาได้เหมือนกับนายแบบ เป็นที่ไว้ประดับเสื้อผ้าอย่างที่คิดไว้ รูปร่างดีเกินจนช่วยไม่ได้จริงๆ 

 

 

           เจียงมู่เฉินไปล้างหน้าล้างตา จัดทรงผมที่ดูกระเซอะกระเซิงจากการนอนของตัวเองให้เรียบร้อย ได้เป็นทรงผมของนักเรียนผู้น่ารัก 

 

 

           คุณชายเจียงที่เย่อหยิ่งในยามปกติ เปลี่ยนลุคกะทันหันแบบนี้ อายุดูเด็กลงในทันที 

 

 

           ไม่เพียงเท่านั้น รังสีความเย่อหยิ่งบนร่างกายก็โดนเขากดเก็บลงไปด้วย 

 

 

           คนทั้งคนทั้งมีมาดนักเรียนอยู่ไม่น้อยทีเดียว 

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ รู้สึกว่าตัวเองหล่อจนน่าเหลือเชื่อ จับจุดด่างพร้อยออกมาไม่ได้เลยสักนิด 

 

 

           ทำโน่นทำนี่กลับไปกลับมาอยู่ในห้องน้ำเป็นชั่วโมง เจียงมู่เฉินถึงเพิ่งจะออกมาได้ 

 

 

           ในห้องครัวก่อนที่ซือเหยี่ยนจะออกไป ก็ยังวางอาหารเช้าที่ตั้งใจทำให้เจียงมู่เฉินโดยเฉพาะ เหมือนเจียงมู่เฉินจะคุ้นชินกับการที่ซือเหยี่ยนทำแบบนี้แล้ว เขาเดินเข้าไปทันที อุ่นอาหารเช้าอีกสักหน่อย แล้วก็นั่งกินที่เคาน์เตอร์ทั้งอย่างนี้ 

 

 

           ขณะที่เขากินอาหารเช้าอยู่นั้น เวลายังไม่ถึงสิบโมง เจียงมู่เฉินครุ่นคิดสักพัก ไปหาซือเหยี่ยนก่อน หลังจากนั้นก็ไปหาพ่อแม่ซือเหยี่ยนด้วยกัน หรือว่าเขาจะเข้าไปเองก่อนดี