กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ ตอนที่ 893

กู้ชูหน่วนค่อย ๆ แทงเข็มลงไปทีละเข็ม กระทำตามอารมณ์คล้ายกับเล่นหมากรุก เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วก็อดรู้สึกกังวลไม่ได้

ผ่านไปครู่หนึ่ง กู้ชูหน่วนจึงค่อยดึงเข็มเงินทั้งหมดออกมา

ฝูกวงถูฝ่ามือของตัวเอง พลางมองไปยังกู้ชูหน่วน “ดูเหมือนจะไม่เจ็บมากเพียงนั้นแล้ว ร่างกายเริ่มมีเรี่ยวแรงบ้างแล้ว”

“เวลามีค่า นั่งลงเถอะ” กู้ชูหน่วนเหลือบมองไปที่ลั่วอิ่ง

ลั่วอิ่งเมินหน้าไปทางอื่น ไม่รู้ว่าเพราะไม่อยากให้ใครแตะต้องตัวเขา หรือไม่อยากให้กู้ชูหน่วนรักษา

ฝูกวงดึงแขนเสื้อของเขา พยายามโน้มน้าวครู่หนึ่ง ลั่วอิ่งก็ยังนิ่งไม่ไหวติ่ง

เสียงฝีเท้าข้างนอกใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ

กู้ชูหน่วนรีบเก็บเข็มเงิน “พวกเขาใกล้ถึงแล้ว รอข้าหาแม่กู่เจอแล้วค่อยช่วยแก้พิษให้เขาละกัน”

“เจ้ามีเงื่อนไขอย่างไร?” ฝูกวงถามอย่างรวดเร็ว

ฝูงชนจำนวนมาก คนที่อยากเจอกู่ก็เก่งแต่พูด

คนที่คุมขังพวกเขาก็คือจักรพรรดินีองค์ปัจจุบัน

คนแปลกหน้าคนหนึ่ง เป็นไปไม่ได้เลยที่จะช่วยพวกเขาโดยไม่มีเงื่อนไขใด ๆ

บอกว่าจะร่วมมือกัน หาทางออกไปจากวัง ไร้สาระสิ้นดี

นางหนีไปคนเดียวคงเร็วกว่าการพาตัวภาระทั้งสองคนหนีไปด้วยกันเสียอีก

กู้ชูหน่วนกระตุกยิ้มมุมปาก นัยน์ตาดูอบอุ่นขึ้นมากทีเดียว

“เงื่อนไข? เหตุใดข้าถึงคิดไม่ออก…… ถ้าข้าช่วยชีวิตพวกเจ้าออกมา พวกเจ้าจะต้องเป็นองครักษ์ข้างกายข้าเป็นเวลาหนึ่งปี ปกป้องความปลอดภัยของข้า?”

ภาพที่ฝูกวงและลั่วอิ่งอึ้งงัน ส่งผลให้หัวใจของกู้ชูหน่วนเต้นรัวอย่างไม่ทราบสาเหตุ

นางไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ในส่วนลึกของความทรงจำดูเหมือนทั้งสองคนจะสนิทสนมกันมาก

ดังนั้น……

นางสามารถชะลอการหาตัวฆาตกรที่สังหารตระกูลมู่ได้ชั่วคราว เพื่อช่วยชีวิตพวกเขาออกมาก่อน

ในที่สุดหมอหลวงก็พาขันทีหนุ่มทั้งสองคนมาถึง

ฝูกวงและลั่วอิ่ง คนหนึ่งก็นอนหมดแรงอยู่บนเตียง อีกคนที่นอนฟุบอยู่บนโต๊ะ กู้ชูหน่วนยืนอยู่ด้านข้างอย่างเคารพ

“หมอหลวงอู๋ ฝ่าบาททรงมีรับสั่ง ให้คุณชายทั้งสองได้รับการรักษาอย่างดี ห้ามปล่อยให้พวกเขาชีพวายเด็ดขาด”

“รับทราบ พวกเจ้าไปตักน้ำมา”

“ขอรับ”

ขันทีหนุ่มโบกมือ ให้กู้ชูหน่วนไปช่วยตักน้ำ

กู้ชูหน่วนเงยหน้าขึ้น ขยิบตาให้ฝูกวงและลั่วอิ่ง เป็นสัญญาณว่าให้พวกเขารักษาตัวดีๆ รอข่าวดีจากนาง จะไม่ปล่อยให้โอกาสหลุดลอยไป

หอดาบและตำหนักบรรทมของจักรพรรดินีใกล้กันมาก

ผู้ที่อยู่ภายในได้ ล้วนเป็นคนที่จักรพรรดินีทรงโปรดปรานที่สุด

การจะแทรกตัวเข้าไปในหอดาบเป็นเรื่องที่ยากมาก

กู้ชูหน่วนสำรวจอยู่หลายครั้ง ก็ยังไม่กล้าบุ่มบ่าม เพราะทั้งภายนอกและภายในหอดาบไม่เพียงแต่จะคุ้มกันอย่างแน่นหนาแล้ว

ในความมืดก็ยังมีกลิ่นอายที่แกร่งกล้าอยู่ไม่น้อย

ถ้าไม่ใช่เพราะนางไวต่อความรู้สึก ทั้งยังคอยเฝ้าสังเกตการณ์อยู่ที่นี่มาหลายวัน เกรงว่าไม่รู้สึก

กลิ่นกายที่แก่กล้าเหล่านั้นเหล่านั้นสูงถึงระดับห้าทีเดียว

ระดับห้า…

ผู้ที่มีฝีมืออย่างมหาศาล ก็มีแค่หัวหน้าทั้งสี่ตระกูลใหญ่ รวมทั้งผู้อาวุโสสูงสุดบางคนถึงจะสามารถไปถึง

ส่วนหอดาบในเขตพระราชวัง

มีผู้แข็งแกร่งระดับห้าเฝ้ารักษาการณ์อยู่

นางมั่นใจมาก คนในจะต้องเป็นเซี่ยวอวี่เซวียนอย่างไม่ต้องสงสัย

มีเพียงอากัปกิริยาของเซี่ยวอวี่เซวียนเท่านั้นที่สามารถทำให้จักรพรรดินีต้องเพิ่มกำลังทหารอย่างไม่เสียดาย

ดวงตาที่ดุร้ายของจักรพรรดินีที่ฉายแวววับวาบ แต่ในใจของนางมีความกังวลมากทีเดียว

เฝ้าสังเกตการณ์ไปอีกสองวัน

ผู้ที่อยู่ในหอดาบเข้าขั้นวิกฤตแล้ว

หมอหลวงก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน หมอหลวงไม่น้อยทยอยถูกพาลโกรธ

วังหลวงทำให้คนตื่นตระหนก

จักรพรรดินีทรงออกคำสั่งไปทั่วใต้หล้า ตามหาหมอที่มีชื่อเสียง

หมอพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงต่างทยอยกันเข้ามาในวัง

กู้ชูหน่วนมองหาโอกาส ดักทำร้ายหมอคนหนึ่ง จากนั้นก็ปะปนเข้าไปในหอดาบของเขา

ประกอบกับที่กู้ชูหน่วย รวมทั้งหมอทั้งหมดสิบสองคนเข้าไปในหอดาบ

จักรพรรดินีไม่ได้อยู่ในหอดาบ คนที่พาพวกเขาเข้าไปในหอดาบคือไป่หนิงที่สาวใช้ติดตัวที่มีการเซ็นข้อตกลงร่วมสามปีผู้หนึ่ง

ไป่หนิงติดตามจักรพรรดินีมาหลายปีแล้ว ได้รับความไว้วางใจจากจักรพรรดินี นางเป็นคนใจเย็น ฉลาดและมีความสามารถ จักรพรรดินีวางใจมอบหมายงานให้นางไปจัดการ แม้แต่เสนาบดี ก็ไม่กล้าล่วงเกินนาง

กู้ชูหน่วนกลับฟังได้จากเสียงฝีเท้าของนาง สาวใช้คนนี้ไม่ได้เป็นคนอ่อนแอ อย่างน้อยก็ไม่อ่อนแอเท่านาง

“เมื่อคุณชายเยี่ยรักษาหายขาด ในอนาคตพวกท่านจะเจริญรุ่งเรืองยิ่งกว่าเดิม ถ้าไม่หายขาด ศีรษะของพวกเจ้าก็อย่าได้คิด” ไป่หนิงพูดอย่างเย็นชา

หมอตอบตัวสั่น กลัวว่าแค่ทำไม่ดี อาจพรากชีวิตของพวกเขาได้

“องค์ชายเยี่ยก็อยู่นั่น พวกท่านไปถามเถอะ”

กู้ชูหน่วยเงยหน้าขึ้นแล้วมองเข้าไปข้างใน

ข้างในหอดาบมีเตียงทรงกลมอันใหญ่ที่หรูหรา มีผ้าม่านพันกันอยู่ข้างเตียง ลมพัดผ่านหน้าต่าง ผ้าม่านพลิ้วไสว เรียกได้ว่างดงามยิ่งนัก ราวกับดินแดนสวรรค์

เรื่องที่ทำให้กู้ชูหน่วยประหลาดใจไม่ใช่เตียงกลมขนาดใหญ่

แต่กลับมีคนนอนอยู่บนเตียงกลมใหญ่แทน

บุรุษผู้ซึ่งถูกล่ามแขนขาด้วยโซ่ ปากถูกยัดด้วยผ้าสีขาวผู้หนึ่ง

ชายผู้นี้ไม่ใช่เซี่ยวอวี่เซวียน

แต่เหตุใดนางถึงไม่นึกถึงเยี่ยจิ่งหาน

เยี่ยจิ่งหาน..…

เป็นเขาได้ยังไง?

บนหุบเขาหัวสุนัข เพื่อช่วยพวกเขา จึงยอมถูกทิ้งไว้ลำพังกับศัตรู

ส่วนนางก็กลับเข้าวังอย่างลึกลับ เซี่ยวอวี่เซวียนและผู้อื่นไร้ซึ่งร่องรอย

บางทีหลังจากที่พวกเขาจากไป พวกเขายังเข้าแถวเข้าวัง มายังพระราชวังรัฐปิงก็ได้?

เมื่อเห็นเยี่ยจิ่งหาน เขายังคงสวมหน้ากาก บริเวณที่ไม่มีหน้ากากปิดบังจึงมองเห็นถึงความซีดเผือดไร้เลือดฝาดบนใบหน้าของเขา ปากซีดก็แห้งและแตก แม้แต่ดวงตาคู่นั้นก็ไม่ได้มีชีวิตชีวาเหมือนในอดีต

กลิ่นอายที่อ่อนแอของเขาไม่ได้แผ่กระจายออกมา เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส

ค่อนข้างหนักมาก

จนไม่สามารถมีแรงต้านทานได้

ไม่รอให้ได้สติกลับมา สาวใช้ไป่ได้เอ่ยอย่างโกรธเคือง

“ล้วนเป็นหมอเถื่อนกลุ่มหนึ่ง เอาไปตัดหัวให้หมด”

“ใต้เท้าไว้ชีวิตข้าด้วย ใต้เท้าไว้ชีวิตข้าด้วย ไม่ใช่ว่าพวกเรารักษาไม่หาย แต่ไม่มีทางรักษาได้เลย…”

“ปัง….”

แขนเสื้อของไป่หนิงโบกสะบัด เหวี่ยงใส่หมอเหล่านั้นออกไป ความแข็งแกร่งนั้น ถึงกับให้หมอหลายคนสิ้นชีวาทันที เลือดนองไหลทุกที่

ไป่หนิงเตือนหมอคนอื่นๆ อย่างเย็นชา “ในวังไม่ว่าใคร ไม่ว่าจะบาดเจ็บหนักหนาเพียงใด พวกเจ้าต้อง ‘รักษาได้ ‘ แค่สามพยางค์เท่านั้น”

ดูเหมือนพวกขันทีจะชินแล้ว พวกเขาลากคนตายออกไปทีละคน จากนั้นก็ล้างพื้นทำความสะอาด สุดท้ายก็ต่างทยอยออกมา ความรวดเร็วนั้นราวกับห้วงความฝัน

หมอที่เหลือขาอ่อนแรงไปตาม ๆ กัน

ได้ยินมาว่าจักรพรรดินีโหดร้ายทารุณมาก เจ้าอารมณ์ขั้นสุด พวกเขากอดความหวังไว้ หากสามารถรักษาคนให้หายได้ พวกเขาจะเจริญรุ่งเรืองไปทั้งชีวิต

แต่พวกเขากลับคาดคิดไม่ถึง ถ้ารักษาไม่หายก็ต้องตาย

รู้เช่นนี้พวกเขาไม่มาหรอก ความรุ่งโรจน์อะไรกันล่ะ

หมออีกคนเดินมาออกมาอย่างตัวสั่นงันงก เขาจับชีพจรของเยี่ยจิ่งหาน ซึ่งเยี่ยจิ่งหานถลึงตาใส่เขา

หมอพากันอกสั่นขวัญแขวน

กลิ่นอายที่แสนแก่กล้า

ชายที่บาดเจ็บสาหัสเพียงนี้ ทำไมถึงรู้สึกถึงแรงกดดันได้ขนาดนี้

ต่อให้พวกเขาจะโง่เขลาเพียงใด ชายที่มีกลิ่นอายสูงศักดิ์ผู้นี้ ไม่อาจถูกดูหมิ่นได้ เขาไม่เหมือนคนธรรมดาทั่วไป

ถ้าในวันปกติ เขาคงไม่กล้าจับชีพจรตรวจร่างกายแน่

แต่ตอนนี้…..

เขาทำได้เพียงแค่ฝืนให้จับชีพจร

เมื่อจับชีพจรเสร็จ หน้าเขาซีดเผือด กระทั่งทรุดตัวลงพื้น อ้อนวอน “ใต้เท้า เขา…เขาบาดเจ็บเกินไป มีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ช่างปาฏิหาริย์ยิ่งนัก แต่…..แต่ต่อจะไม่สามารถ……..”

“เอาตัวออกไป”

“ใต้เท้าโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ใต้เท้าโปรดไว้ชีวิตข้าด้วย”

“ในเมื่อรักษาไม่หาย คิดจะเปิดโปงเชื้อพระวงศ์ เสียเวลาเปล่า”

คนที่เหลือเริ่มตัวสั่น

หลังจากจับชีพจรแล้ว ก็เริ่มคุกเข่าทีละคน

ทั้งหมดถูกตัดศีรษะโดยไม่มีข้อยกเว้น

ตอนนี้เหลือเพียงกู้ชูหน่วนเท่านั้น

กู้ชูหน่วนหยิบกล่องยาและก้าวไปข้างหน้าเพื่อตรวจชีพจร