กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 894

ดีมาก

บาดแผลเช่นนี้เทียบได้กับเซี่ยวอวี่เซวียนแล้วกระมัง

โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บภายในนี้ อวัยวะภายในทั้งหมดแทบแตกสลาย

ไม่รู้ใครใช้กำลังภายในอันแข็งแกร่งช่วยยื้อชีวิตของเขาไว้ ไม่เช่นนั้นเขาคงไปเจอกับยมทูตนานแล้ว

ในขณะที่จ้องหน้ากัน เขามองเห็นเยี่ยจิ่งหานมีร่างกายสั่นสะท้านและดวงตาหรี่ลงเล็กน้อย

แสดงให้เห็นว่าจำนางได้

จำนางไม่ได้ยังดีเสียกว่า

จำนางได้ สองมือสองเท้าของเยี่ยจิ่งหานสะบัดอย่างรุนแรง ข้อมือที่ถูกมัดด้วยโว่เหล็กมีเลือดไหลออกมา

กู้ชูหน่วนเห็นได้จากข้อมือที่มีบาดแผลของเขาก็สามารถรู้ได้ว่า

เขาพยายามมาแล้วหลายครั้ง

กระทบกระทั่งเบียดเสียดจนเผยให้เห็นกระดูกโผล่ออกมา

เพียงแต่ไม่เท่าลั่วอิ่งที่ดูรุนแรงเช่นนั้น

“หากเจ้าก็ไม่สามารถรักษาได้ เช่นนั้นเจ้าก็ไปพบยมทูตพร้อมกับพวกเขาเถอะ” ไป่หนิงกล่าวอย่างเย็นชา

“รักษาได้ เพียงแต่บาดเจ็บสาหัสเหลือเกิน จำเป็นต้องใช้เวลา”

“นานเพียงใด?”

กู้ชูหน่วนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “สามารถลุกจากเตียงได้ละก็ อย่างต้องใช้เวลาหนึ่งเดือน”

นางไม่ได้กำลังพูดโกหก

จากอาการบาดเจ็บของเยี่ยจิ่งหาน สามารถลุกจากเตียงได้ในหนึ่งเดือนถือเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มากแล้ว

“นานเกินไป สามวัน ต้องให้เขาลุกจากเตียงได้ในสามวัน”

“เช่นนั้นเจ้าตัดศีรษะของข้าเลยเถอะ” กู้ชูหน่วนผายมือออก โดยไม่เกรงกลัวความตายเฉกเช่นเดียวกับหมอคนอื่นๆ

ขันทีที่อยู่ข้างๆ อดเสียวสันหลังแทนนางไม่ได้

ช่างไม่เกรงกลัวอะไรเลยจริงๆ

ที่นี่คือวังหลวง คำพูดของใต้เท้าไป่หนิงเพียงคำเดียวสามารถเอาชีวิตของนางได้ แต่นางกลับกล้าบังอาจถึงเพียงนี้

ในที่สุด ดวงตาที่เยือกเย็นของไป่หนิงหรี่ลงและสำรวจไปยังกู้ชูหน่วน

กู้ชูหน่วนปล่อยให้เขาสำรวจอย่างเปิดเผย

“ทางที่ดีเจ้าควรจะคิดให้ละเอียดรอบคอบ ตัดศีรษะข้าเป็นเรื่องง่าย แต่หากตัดศีรษะของข้าไปแล้ว คนโลกนี้จะไม่มีใครสามารถรักษาเขาได้อีก”

“เจ็ดวัน”

“บอกว่าหนึ่งเดือนก็คือหนึ่งเดือน หากรอไม่ได้ก็ไปเชิญผู้มีความสามารถคนอื่น”

“บังอาจ หากคนอื่นสามารถรักษาได้ ฝ่าบาทจะออกราชโองการออกไปตามหาหมอเก่งๆ ที่มีชื่อเสียงหรือ?”

“รอหนึ่งเดือนและคืนชีวิตของคนคนหนึ่งให้เจ้า หรือรอให้เขาตาย”

ไป่หนิงกำหมัดแน่นไว้ข้างหลัง แววตาของนางจับจ้องไปยังกู้ชูหน่วนโดยไม่ละสายตา ราวกับต้องการมองทะลุผ่านตัวนาง

“ตามที่เจ้าพูด เวลาหนึ่งเดือน หลังจากครบหนึ่งเดือนหากเจ้ายังไม่สามารถรักษาเขาให้หายดีได้ ถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่ตัดศีรษะของเจ้า แต่ตระกูลของเจ้าทั้งเก้าชั่วโคตรจะถูกตัดศีรษะไปด้วย”

กู้ชูหน่วนไม่ได้สนใจนาง แต่กลับหมกมุ่นกับการค้นหีบยาของตัวเอง เพื่อหาเข็มเงิน มีดผ่าตัดและอื่นๆ

ขันทีคนหนึ่งเข้ามาด้วยความรีบร้อน และกล่าวกระซิบข้างหูของไป่หนิงอยู่ครู่หนึ่ง

ไป่หนิงขมวดคิ้วและออกคำสั่งกับขันทีอีกฝั่งหนึ่ง “ดูนางเอาไว้ หากนางต้องการอะไรก็ทำตามความต้องการของนาง” จากนั้นเดินออกไป

ดวงตาของกู้ชูหน่วนกลิ้งกลอกไปมาครู่หนึ่ง

“ไปตัดต้นไผ่มาสักสองสามต้น ตัดเป็นปล้อง ด้านหนึ่งเปิดและอีกด้านหนึ่งปิด เหมือนกับรูปทรงแก้ว จากนั้นใช้น้ำเดือดราดเพื่อทำความสะอาด”

“ท่านหมอ ท่านต้องการปล้องไม้ไผ่เพื่ออะไรหรือ?”

“จะทำอะไรได้ เพื่อการรักษาน่ะสิ”

“ขอโทษ ใต้เท้าไป่หนิงให้พวกข้าจับตามองท่าน พวกข้าไม่สามารถออกไปจากที่ได้”

“นางยังพูดอีกไม่ใช่หรือว่า ข้าต้องการอะไร พวกเจ้าก็ต้องทำตามด้วยไม่ใช่หรือ?”

“เอ่อ……”

“สำหรับข้าไม่มีปัญหา แต่หากไม่สามารถรักษาเขาให้หายได้ ข้ายังมีพวกเจ้าที่ต้องสังเวยชีวิตไปพร้อมกับข้า ถึงตอนนั้นตายไปคงไม่เดียวดายเท่าไรนัก”

“เอ่อ……ท่านหมอได้โปรดให้อภัยด้วย ข้าน้อยจะรีบไปจัดการเดี๋ยว”

“ข้าจำเป็นต้องใช้สภาพแวดล้อมที่เงียบสงบในการฝังเข็ม หากไม่มีคำสั่งของข้า ห้ามใครเข้ามาโดยเด็ดขาด”

“เอ่อ……คงไม่เป็นการดีกระมัง……”

“ทำไมหรือ หรือว่าเจ้ากลัวว่าข้าจะหนีไปอย่างนั้นหรือ ที่นี่คือวังหลวง ข้าจะหนีไปได้หรือ?”

“ข้าน้อยไม่ได้หมายความเช่นนั้น ข้าน้อยจะรีบปฏิบัติตามที่สั่งขอรับ” ขันทีไม่ไว้วางใจ

แต่ที่นี่คือวังหลวง ต่อให้นางมีปีกก็ไม่สามารถบินหนีออกไปได้ จากนั้นทุกคนจึงออกไป

เรือนดาบขนาดใหญ่นี้ เหลือเพียงเยี่ยจิ่งหานและกู้ชูหน่วนเพียงสองคนเท่านั้น

บรรยากาศเงียบสงบผิดปกติ

เยี่ยจิ่งหานหันศีรษะไปทางอื่น โดยไม่ยอมหันไปมองสีหน้าท่าทางของกู้ชูหน่วน

ในชีวิตของเขา มีน้อยครั้งมากที่ต้องมีสภาพน่าอดสูเช่นนี้

กู้ชูหน่วนปลดผ้าในปากของเขาออกและเล่นกับเข็มเงินในมือ จากนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เยี่ยจิ่งหาน ดูเหมือนยังเป็นท่านอ๋องที่น่ารังเกียจคนหนึ่งอีก อืม ข้าเข้าใจแล้ว……”

“เจ้าเข้าใจอะไร?”

เดิมทีเยี่ยจิ่งหานไม่ต้องการใส่ใจนาง

แต่คำพูดของนางช่างเหน็บแนมเหลือเกิน

โดยเฉพาะคำสุดท้าย

“ยังจะมีอะไรอีก ก็เข้าใจเส้นทางการเป็นท่านอ๋องของท่านยังไงล่ะ”

“บังอาจ ข้าเป็นคนเช่นนั้นหรือ?”

“ใช่ๆๆ ท่านไม่ใช่คนเช่นนั้น”

ปากนางบอกว่าใช่ แต่ในใจกลับไม่เชื่อแม้แต่คำเดียว

เดิมทีเยี่ยจิ่งหานเป็นคนที่ภาคภูมิใจในตัวเอง

และเป็นคนที่รักเกียรติหน้าตาของตัวเอง

กู้ชูหน่วนพูดล้อเล่นเช่นนี้ รวมไปถึงภูมิหลังของเขา ทำให้เยี่ยจิ่งหานยิ่งรู้สึกลึกๆ ในใจ

เมื่อเห็นกู้ชูหน่วนกำลังจะปลดเสื้อผ้าของเขา ทำให้เขาหายใจเร็วขึ้นเล็กน้อย

“เจ้าจะทำอะไรน่ะ?”

“จะทำอะไรได้ แน่นอนว่ากำลังจะฝังเข็มให้เจ้ายังไงล่ะ”

“ไม่ต้อง”

“ไม่ต้องแล้ว หรือว่ากลัวว่าข้าจะเห็นสิ่งที่ไม่ควรเห็นเข้า”

ในระหว่างที่กู้ชูหน่วนพูดออกมาก็ได้สังเกตสีหน้าท่าทางของเยี่ยจิ่งหานไว้ทั้งหมดแล้ว

“ทำอย่างกับว่าข้าไม่เคยเห็น วางใจได้ ข้าไม่มากไปด้วยกิเลสตัณหาอย่างจักรพรรดินีเช่นนั้นหรอก ที่เห็นผู้ชายก็โถบตัวเข้าหา”

“มู่หน่วน……อะแอ่ม……”

น้ำเสียงที่อ่อนแรงของเยี่ยจิ่งหานดังขึ้น

ไม่รู้ว่ากระทบไปโดยบาดแผลหรือไม่ที่ทำให้เขาไอออกมา จากนั้นมุมปากของเขาก็มีเลือดไหลออกมา

กู้ชูหน่วนหยิบผ้าขาวขึ้นมาอีกครั้งและใส่เข้าไปในปากของเขาใหม่

“บาดเจ็บสาหัสเช่นนี้แล้วยังมีแรงตะโกนเสียงดังอีก”

หลังจากบ่น……

กู้ชูหน่วนทำการเปิดผ้าห่มของเขา

ไม่ผิดไปจากที่นางคิดไว้ เยี่ยจิ่งหานภายใต้ผ้าห่มปิดคลุมนั้นเย้ายวนชวนมองเหลือเกิน

ลั่วอิ่งก็เย้ายวนมากพอแล้ว

เยี่ยจิ่งหานกลับยิ่งเย้ายวนกว่านั้น

อย่างน้อยลั่วอิ่งยังใส่ผ้าบางๆ ปกปิด

แต่เขา……

แม้แต่เสื้อผ้าสักชิ้นก็ไม่มี

เปลือยเปล่าตั้งแต่หัวจรดเท้า

ไม่แปลกที่เยี่ยจิ่งหานกังวลมากเช่นนั้น

หากเป็นคนอื่น ก็คงกังวลกันทุกคน

กู้ชูหน่วนกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ “รูปร่างไม่เลวเลย กล้ามเนื้อนี่ช่างดึงดูดให้คนกระทำความผิดเสียเหลือเกิน”

“อืม……”

เยี่ยจิ่งหานพยายามสะบัด

อดไม่ได้ที่คิดอยากจะฉีกผู้หญิงตรงหน้าให้ละเอียดเป็นชิ้นๆ

แต่มือและเท้าของเขาถูกมัดเอาไว้

ปากก็ถูกปิด

แม้ว่าต้องการจะปกปิดตัวเองก็ไม่สามารถทำได้

คิดอยากจะตะโกนด่าออกมาก็ยังทำไม่ได้

ทำได้เพียงจ้องมองกู้ชูหน่วนด้วยความอำมหิต

แววตาในการจ้องสังหารนั้น เห็นแล้วอดขนหัวลุกไม่ได้

แต่กู้ชูหน่วนกลับไม่สนใจในแววตาอำมหิตของเขา

แต่กลับก้มหน้าลงมองรูปร่างของเขา

นับว่าเรือนร่างของเขานั้นดีมาก ถือเป็นสิ่งล้ำค่าบนโลกใบนี้ ไม่มีจุดไหนที่น่ารังเกียจเลยสักนิด

นอกจากขาทั้งสองข้างนั้น

รวมไปถึงกองเลือดขนาดใหญ่ที่หน้าท้องของเขา

ที่เป็นกองเลือดเช่นนั้น เพราะถูกฝ่ามือขนาดใหญ่ทุบเข้าอย่างรุนแรง

ถึงแม้ว่าจะจัดการพันแผลแล้ว ลำไส้ก็ไม่โผล่ออกมาให้เห็น

แต่แผลรอยเลือดที่หน้าท้องนั้นมีขนาดใหญ่มาก หากไม่ทำการเย็บแผล เช่นนั้นก็ยากที่จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

พันแผลไว้เช่นนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย

นางไม่รู้ว่าวันนั้นเยี่ยจิ่งหานเจอยอดฝีมือเช่นไร ที่ทำให้ถูกคนอื่นเข้ามาใกล้ร่างกายและทำร้ายให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ได้ ไม่เพียงแค่หน้าท้องมีกองเลือดไหลออกมา แม้แต่อวัยวะภายในและเส้นเอ็น เส้นชีพจรบางส่วนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นเดียวกัน

บริเวณหน้าท้องนั้นเห็นแล้วก็เป็นที่น่าตกตะลึง แต่ก็ไม่ใช่บาดแผลที่ถึงกับเอาชีวิต

เส้นเลือดและเส้นเอ็นได้รับความเสียหาย แต่โชคดีที่ไม่ขาด