กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 895

สิ่งที่ยากก็คืออาการบาดเจ็บภายในของเขา

กู้ชูหน่วนใช้วิธีการฝังเข็มเพื่อทำการห้ามเลือดให้กับเขาก่อน

จึงทำให้ค่อยๆ คลายผ้าพันแผลที่ท้องของเขาออก

นางทำอย่างมือเบา ราวกับกำลังถือสมบัติล้ำค่าเพียงชิ้นเดียวในโลก เพราะกลัวว่าหากมือหนักไป เยี่ยจิ่งหานจะแตกสลายราวกับตุ๊กตาตัวน้อยที่น่าทะนุถนอม

โยี่ยจิ่งหานโกรธจนหัวใจเต้นแรงมาก

เขารอให้กู้ชูหน่วนพูดจาเหน็บแนมใส่เขา เยาะเย้ยเขา

แต่รออยู่นานกู้ชูหน่วนก็ไม่เอ่ยปากออกมาเลยสักนิด

เยี่ยจิ่งหานมองไปยังกู้ชูหน่วนและกะพริบตาถี่หลายครั้ง แต่กลับเห็นว่ากู้ชูหน่วนยังคงจดจ่อกับการช่วยเขาจัดการบาดแผลบริเวณหน้าท้อง

แววตาของเขาสะท้อนให้เห็นถึงบาดแผลของเขาทั้งหมด โดยไม่มีสิ่งอื่นปนเปื้อน

และไม่มีสายตาแห่งความกิเลสตัณหาเหมือนก่อนหน้านั้นเลย

เยี่ยจิ่งหานยังสามารถรับรู้ได้ถึงความมือเบาของนาง ที่เกรงกลัวว่าจะทำให้เขาเจ็บ

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เขารู้สึกว่าจังหวะลมหายใจของกู้ชูหน่วนเปลี่ยนไปอย่างมาก

มีกลิ่นอายของความโศกเศร้าไปทั่วร่างกายของนางโดยไม่รู้ตัว

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนในตระกูลของนางถูกฆ่าตายไปหมดหรือไม่

เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ตระกูลมู่ถูกฆ่าตายอย่างอนาถ เยี่ยจิ่งหานก็รู้สึกสงสารนางขึ้นมาเล็กน้อย

ล้วนเป็นญาติสนิทและคนใกล้ชิด แต่กลับต้องเห็นทุกคนตายไปต่อหน้าต่อตา มีเพียงไม่กี่คนหรอกที่รับได้

แต่นางไม่พูดถึงเลยสักคำ

และไม่แสดงทีท่าโศกเศร้าเสียใจเลยแม้แต่นิดเดียว

ยิ่งเป็นเช่นนี้ ยิ่งทำให้รู้สึกไม่สบายใจ

ความโกรธของเยี่ยจิ่งหานเบาลงมาก เพียงแต่ยังคงมีสีหน้าแดงก่ำ

เขาไม่คุ้นชินกับการเปลือยร่างกายต่อหน้าผู้หญิง และถูกนาง……เช่นนี้

“บาดแผลใหญ่เหลือเกิน ข้าจำเป็นต้องเย็บแผล อาจจะเจ็บเล็กน้อย เจ้าอดทนไว้นะ”

“ซี๊ด……”

เยี่ยจิ่งหานขมวดคิ้ว

ผู้หญิงคนนี้ใช้เข็มในการเย็บแผลให้เขา

เขาเป็นเสื้อผ้าหรือ?

เยี่ยจิ่งหานเหงื่อไหลออกมา แต่เขากัดฟันอดทนไว้

ไม่รู้เวลาผ่านไปนานมากเพียงใด กู้ชูหน่วนไม่เพียงช่วยเย็บแผลเสร็จ แต่ยังฝังเข็มให้เขาเรียบร้อยแล้วด้วย

เวลาที่ผ่านพ้นไป เยี่ยจิ่งหานหายใจโรยราอ่อนล้า

ขันทีกลับเข้ามาพร้อมกับปล้องไม้ไผ่

เมื่อเห็นปล้องไม้ไผ่เหล่านั้น เยี่ยจิ่งหานก็รู้สึกตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง

นี่คือ……

วิชาการครอบแก้ว?

หลายปีก่อน อาหน่ววนก็เคยใช้ปล้องไม้ไผ่ในการครอบแก้วให้กับเขา เพื่อดูดพิษในร่างกายออกมา ในการรักษาขาทั้งสองข้างของเขา……

วิชาการครอบแก้วนั้น บนโลกนี้มีเพียงอาหน่วนเท่านั้นที่ทำเป็น

นางทำได้ ได้อย่างไร?

หรือว่าอาหน่วนจะอยู่ในร่างกายของนาง ทักษะวิชาที่อาหน่วนเป็น นางล้วนทำเป็นทุกอย่าง

“วางใจได้ ในร่างกายของเจ้ามีพิษ ข้าจะใช้วิชาการครอบแก้วเพื่อดูดพิษในร่างกายของเจ้าออกมา ไม่เจ็บหรอก”

ดวงตาของเยี่ยจิ่งหานจับจ้องไปที่กู้ชูหน่วน

มองดูท่าทางของนางอย่างเชี่ยวชาญ ทั้งในการฆ่าเชื้อ ดูดความร้อน ไล่ความร้อน และสุดท้ายครอบแก้วลงไป ปล่อยเลือด……

แม้แต่กิริยาท่าทางก็เหมือนกันไม่มีผิด……

สิ่งเดียวที่ไม่เหมือนกันก็คือ ตอนนั้นถึงแม้ว่าอาหน่วนจะใช้วิชาการครอบแก้วในการรักษาอาการบาดเจ็บให้เขา แต่สายตาของนางเต็มไปด้วยความโกรธ เต็มไปด้วยการเหน็บแนมและอดไม่ได้ที่อยากจะให้เขาทรมานจนตายทั้งเป็น

แต่นาง……

ถึงแม้ว่าดวงตาคู่นั้นจะเหมือนกับอาหน่วนอย่างมาก แต่กลับมีความสดใสน้อยกว่า

“เสร็จแล้ว”

กู้ชูหน่วนถอนหายใจยาวและวางมีดที่เต็มไปด้วยเลือดสีดำในมือลง

จากนั้นเยี่ยจิ่งหานจึงดึงสติกลับมาได้

เมื่อมองไปด้านข้าง มีถึงไม้อยู่หลายถังวางอยู่ข้างเตียง

ในถังไม้เหล่านั้นเต็มไปด้วยเลือดสีดำ

ขาและร่างกายของเขาถูกฟันไปไม่น้อย เลือดพิษนั้นก็ออกมาจากร่างกายของเขา

“พิษบางชนิดนั้นติดมาตั้งแต่ตอนที่เจ้าเป็นทารกอยู่ในครรภ์มารดา ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะมีคนเคยจัดการกับพิษนี้ให้กับเจ้า แต่……เจ้าทำตัวเองที่ปล่อยให้พิษเหล่านั้นกลับเพิ่มความรุนแรงเป็นเท่าทวีคูณ ทำให้เส้นเลือดและเส้นลมปราณถูกสกัดกั้นและส่งผลให้เกิดการทำงานในร่างกายที่แย่ลง”

“พิษที่ขาทั้งสองข้างของเจ้ามีมากเกินไปและหมุนเวียนไปทั่วทั้งร่างกาย การจะกำจัดพิษทั้งหมดออกไปทีเดียวนั้นเป็นเรื่องยาก แต่ข้าจะพยายาม”

“เหตุใดเจ้าจึงรู้ทักษะวิชาการรักษาโรคมากมายเช่นนี้?”

“ไม่รู้ อาจจะเป็นเพราะข้าเกิดมาพร้อมกับสิ่งนี้กระมัง”

เยี่ยจิ่งหานกลับมามีความหวังขึ้นเล็กน้อย

อาหน่วนทำได้ นางล้วนต่างก็ทำได้เช่นกัน

เช่นนั้นแล้วมีวิธีใดบ้างที่สามารถปลุกวิญญาณในร่างกายของนางออกมา?

เพื่อให้เขาและอาหน่วนได้เจอกันสักครั้ง?

“เยี่ยจิ่งหาน เจ้ากับจักรพรรดินีทำเช่นนั้นด้วยกันแล้วจริงหรือ?”

กู้ชูหน่วนทำท่าทางด้วยภาษามือและมองอย่างคลุมเครือ

ความโกรธของเยี่ยจิ่งหานเพิ่มขึ้นมาทันทีทันใด

กู้ชูหน่วนใช้ผ้าขาวยัดปากของเขาก่อนที่เขาจะอ้าปากต่อว่านาง

เยี่ยจิ่งหานหันหน้าไปทางอื่นเพื่อแสดงให้เห็นถึงการต่อต้าน

ยิ่งเขาปฏิเสธ กู้ชูหน่วนยิ่งพูดหยาบคายใส่เขา

“ต่อให้เจ้ามีความสัมพันธ์กับจักรพรรดินีแล้ว ก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องเสียหาย พระนางเป็นถึงจักรพรรดินี ดูทรงพลังกว่าเสือกระดาษอย่างเจ้าเยอะเลย”

“อืม……”

เยี่ยจิ่งหานแทบอยากจะบีบคอของนางให้ตาย

อะไรคือเสือกระดาษ?

บอกว่าใครเป็นเสือกระดาษ?

“บนหุบเขาหัวสุนัข เกิดอะไรขึ้นหลังจากที่เจ้าส่งพวกข้าออกไป ใครเป็นคนทำให้เจ้าต้องบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้?”

เยี่ยจิ่งหานหลับตาลงและปฏิเสธที่จะตอบคำถามของนาง

“เซี่ยวอวี่เซวียนล่ะ เจ้าส่งเขาไปที่ไหนหรือ?”

เยี่ยจิ่งหานขยับตัวเล็กน้อยและยังคงไม่พูดอะไร

กู้ชูหน่วนมองไปยังผ้าขาวในปากของเขา จากนั้นจึงยอมเอาผ้าขาวออก

และหลังจากที่เอาผ้าขาวออกก็มีเสียงตะโกนด่าอันอ่อนล้าไร้เรี่ยวแรงของเยี่ยจิ่งหานดังออกมา “หากเจ้ายังกล้าพูดจาเหลวไหลอีก เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะตัดลิ้นของเจ้าทิ้ง”

“ข้าจะเป็นคนตัดลิ้นเจ้า หรือเจ้าตัดลิ้นข้า?”

กู้ชูหน่วนเหลือบมองเยี่ยจิ่งหานที่เปลือยเปล่าและดวงตาของนางเต็มไปด้วยรอยยิ้มจางๆ

เพียงแต่หากมองอย่างละเอียดก็สามารถเห็นได้ว่า ภายใต้รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความหนักใจ ราวกับใจของนางไม่ได้อยู่ที่นี่

“มัวคิดอะไรอยู่ ยังไม่รีบหาเสื้อผ้ามาใส่ให้ข้าอีก”

“หอดาบมีเสื้อผ้าด้วยหรือ? ร่างกายที่กำยำน่าชื่นชมเช่นนั้น หากปกปิดไว้คงเสียดายแย่”

เยี่ยจิ่งหานโกรธจนไอออกมาเป็นขณะ

เขามีบาดแผลภายใน

ไม่สามารถกระทบต่ออารมณ์โกรธได้

ยิ่งกระทบอารมณ์โกรธจะยิ่งทำให้รักษาได้ยาก

เขาก็ไม่มีแรงจะทะเลาะอะไรกับนางอีก

เขาหันหน้าไปทางอื่นและสาบานว่าไม่ว่ากู้ชูหน่วนจะพูดอะไร ตัวเขาเองจะไม่ตอบโต้อีก

แต่พยายามไม่สนใจกับเรื่องจริงที่ร่างกายของเขาต้องเปลือยเปล่าเช่นนี้

หากเป็นเมื่อก่อน กู้ชูหน่วนยังคงมีเวลาหยอกล้อเขา

แต่ตอนนี้นางกลับไม่มีอารมณ์นั้นเลยสักนิด

ในระหว่างที่ยกมือขวาขึ้นเบาๆ กู้ชูหน่วนดึงผ้าห่มขึ้นและห่มให้เขาอีกครั้ง

“ไม่มีเสื้อผ้า แต่ผ้าห่มสามารถปิดคลุมร่างกายของเจ้าไว้ได้”

เมื่อห่มผ้าปกปิดไว้ เยี่ยจิ่งหานจึงรู้สึกมีเกียรติกลับคืนมาบ้างเล็กน้อย

กู้ชูหน่วนไตร่ตรองก่อนจะกล่าวออกมา “เจ้ารู้จักคาถากู่หรือไม่?”

“ข้ารู้จักผู้ชายสองคน พวกเขาต่างก็ถูกคาถากู่ ทำให้วรยุทธ์ในร่างกายของพวกเขาถูกปิดผนึก ข้าจำเป็นต้องหาผู้ที่ลงคาถากู่และหาแม่กู่ให้เจอจึงจะสามารถทำลายคาถานี้ได้”

เยี่ยจิ่งหานหัวเราะออกและพูดเหน็บแนม “เป็นผู้ชายที่ถูกเจ้าปลดเสื้อผ้าออกไปล่ะสิ”

“ทำไมหรือ หรือว่าเจ้าหึงหวง?”

“เหลวไหล เจ้านะหรือทำให้ข้ารู้สึกหึงหวง อ่ะแอ่ม……”

“กลิ่นเปรี้ยวเหลือเกิน ข้าว่าใครบางคนไม่เพียงแค่หึงหวงเท่านั้น แถมยังติดใจและมีความสุขไปด้วย”

“อ่ะแอ่ม……หยิบ……หยิบกระจกส่องดูตัวเองเถอะ”

“อย่างน้อยก็ไม่เคยถูกจักรพรรดินีกระทำขืนใจมาก่อน”

“ข้ากับพระนางบริสุทธิ์ใจไม่มีอะไรเกิดขึ้น” เพราะน้ำเสียงที่ร้อนรน ทำให้เยี่ยจิ่งหานไอจนหน้าแดงก่ำ

“บริสุทธิ์ใจ? เสื้อผ้าก็ต่างปลดออกหมดแล้ว ยังจะบริสุทธิ์ใจอีกหรือ? เจ้าคิดว่าจักรพรรดินีเป็นหลิ่วเซี่ยฮุ่ยอย่างนั้นหรือ?”

“หลิ่วเซี่ยฮุ่ยคือใครกัน?”

กู้ชูหน่วนหยุดชะงัก

นางก็ไม่รู้ว่าใครคือหลิ่วเซี่ยฮุ่ย

เพียงแค่จู่ๆ ก็พูดออกมา

เยี่ยจิ่งหานกล่าว “ปลดเสื้อผ้าออกเพียงแค่รักษาบาดแผล เก็บความคิดสกปรกของเจ้าทิ้งไปเสีย”

“จริงหรือ ไม่รู้ว่ารักษาน้องชายของเจ้าอย่างไรบ้าง”

สายตาของกู้ชูหน่วนกวาดไปเบื้องล่างของเขา

เยี่ยจิ่งหานกัดฟันกรอด ความโกรธปะทุขึ้นมาเต็มที่

“เก็บรัศมีความโกรธแค้นของเจ้าเถอะ ที่นี่ไม่มีคนอื่น เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก เราสองคนเจ้าช่วยข้า ข้าช่วยเจ้า และไม่ติดค้างอะไรต่อกันนานแล้ว แต่ครั้งนี้ถือว่าข้าช่วยเจ้า เพื่อเห็นแก่ที่ข้ารักษาบาดแผลอย่างเหน็ดเหนื่อยให้เจ้า เช่นนั้นเจ้าก็ควรตอบอะไรบางอย่างกับข้า”

“ข้าไม่ต้องการให้เจ้าช่วยข้า”

“จริงหรือ เจ้าแน่ใจหรือว่าบาดแผลของเจ้าหากไม่มีข้าแล้ว คนธรรมดาจะรักษาให้หายได้อย่างนั้นหรือ? ข้ารู้ว่าเจ้าไม่กลัวตาย แต่หากเจ้าตาย เช่นนั้นก็จะไม่มีใครค้นหาดวงวิญญาณทั้งหมดของภรรยาเจ้าแทนเจ้าได้อีกแล้ว เรื่องนี้ เจ้าน่าจะรู้ดีใช่หรือไม่”

คำพูดนี้กระทบกับจุดอ่อนของเยี่ยจิ่งหาน