ตอนที่ 707

The Divine Nine Dragon Cauldron

707 – โฉมหน้าสวรรค์พิโรธ

 

“สวรรค์พิโรธจะกลืนกินเจ้าถ้าหากต่อต้านสวรรค์”

 

เสียงอันเฉยเมยดังสะท้อนไปทั้งโลก

 

สายฟ้าหายไปพลังที่น่ากลัวถึงขีดสุดปะทุออกมาจากวายุ หอคอยเก่าแก่ลอยลงมา ผู้คนตกใจมาก

 

หอคอยเก่านี้ปล่อยแรงกดดันที่น่าขนลุกดูเหมือนว่าทุกสิ่งกำลังจะถูกทำลาย พวกเขาอึดอัดใจ

 

ชายหนุ่มนั่งอยู่บนเหนือหอคอยกระบี่ที่ดูลึกลับเสียบอยู่ที่พื้นหอคอยข้างๆเขา กระบี่นี้มีจิตสังหารที่ไม่มีสิ่งใดเทียบได้ กระบี่ราวกับจะล้างสังหารทุกสิ่งที่มีชีวิตบนโลก ทุกคนใจเต้นแรงเมื่อเห็นกระบี่

 

ภาพนี้ทำให้จ้าวคณะวิหคเพลิงเบิกตากว้างในงานชุมนุมวิหคเพลิงครั้งก่อน หอคอยนี้ปรากฏขึ้นมาขวางซือหยูเมื่อเขาต่อต้านสวรรค์และพยายามจะบ่มเพาะฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์

 

และตอนนี้มันปรากฏอีกครั้ง หอคอยนี้คือตัวแทนจากสวรรค์ โลกมนุษย์ และจิตวิญญาณของโลกที่ดูแลทุกสรรพสิ่ง ถ้าหากสวรรค์ต้องการให้ใครตาย คนผู้นั้นก็จะตายไม่ว่าจะด้วยเหตุใด

 

ลำแสงมรกตที่มีพลังสังหารได้ทุกสิ่งพุ่งออกมาจากหอคอยขนาดยักษ์ลำแสงนั้นมิได้ล้อมซือหยู แต่มันล้อมทั้งก้นบึ้งมังกร!

 

ผู้เฒ่าจิวชักสีหน้า

 

“ทุกคนรีบหนีออกจากเกาะเร็ว! มันอันตรายมาก”

 

ผู้เฒ่าจิวเตือนก็เพราะรู้สึกถึงภัยร้ายที่กำลังมาจากลำแสงแต่ลำแสงนี้เร็วมาก ไม่รู้เลยว่าคนบนเกาะจะหนีทันหรือไม่…

 

“เข้าไปที่ตำหนัก”

 

ซือหยูโบกมือขวาแสงสีเขียวปรากฏออกมาพร้อมกับหญิงงามที่เยือกเย็น นางคือหวูอู๋ยี่

 

นางดูใจเย็นเมื่อนำเหล่าคนนับแสนเข้าไปยังตำหนักพันธมิตรผู้คุมสวรรค์พร้อมกันนั้นนางยังทุบสร้อยหยกเส้นหนึ่ง

 

หลังจากที่สร้อยหยกถูกทำลายม่านแสงขนาดยักษ์ได้ปกคลุมทั่วทั้งตำหนักพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ และลำแสงจากคอหอยก็ได้เข้ามาระเบิดมัน

 

ลำแสงอันน่ากลัวนี้มีเจตจำนงของโลกที่ต้องการจะทำลายล้างทุกสิ่งม่านแสงละลายหายไปราวกับหิมะ แม้แต่เหล่าวิหคก็หายไปไม่เหลือแม้แต่เศษซาก

 

พื้นบนเกาะไม่ต่างจากหิมะที่ละลายเมื่อเจอลำแสงทุกอย่างละลายหายไป ลำแสงลบทุกสิ่งในเส้นทาง ทุกคนกลั้นหายใจเมื่อมองดูสิ่งที่ลำแสงทิ้งเอาไว้

 

ก้นบึ้งมังกรที่อยู่มามากกว่าหมื่นปีถูกลบหายไปหมดแล้วมันไม่เหลือแม้แต่ส่วนของพื้นที่เลย

 

“พลังทำลายล้างอะไรกันถึงเป็นจ้าวเทวะก็อาจจะไม่รอด”

 

ผู้เฒ่าจิวตกใจอย่างมากเขาสีหน้าเศร้าหมอง

 

ถ้าเขาเจอกับลำแสงทำลายล้างนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีชีวิตรอดแต่เขาก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อพบว่าม่านแสงเหนือเกาะก้นบึ้งมังกรที่เพิ่งหายไป

 

ตำหนักพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ไม่เกิดความเสียหายใดเลยผู้คนที่อยู่ในม่านแสงก็ไม่ได้บาดเจ็บเช่นกัน

 

และซือหยูกับเซี่ยนเอ๋อก็ยังคงคำนับต่อกันราวกับว่าลำแสงมิได้ส่งผลต่อทั้งคู่แม้แต่น้อย เมื่อซือหยูกับเซี่ยนเอ๋อเงยหน้า พิธีคำนับก็ได้จบลง

 

“พิธีคำนับจบแล้ว…”

 

ผู้เฒ่าเฉินตะโกนเสียงดังซือหยูกับเซี่ยนเอ๋อนับว่าเป็นสามีภรรยาอย่างเป็นทางการ

หลังจากแปดปีทั้งคู่ได้กลับมาจัดการแต่งงานให้ลุล่วง เสียงสายฟ้าปะทุดังก้องเพราะสวรรค์ไม่พอใจอย่างยิ่ง เพราะพวกเขาได้ต่อต้านสวรรค์และดำเนินงานแต่งจนจบ แม้ว่าจะต้องเจอกับลำแสงทำลายล้าง!

 

“พี่ซือหยู”

 

เซี่ยนเอ๋อตื่นเต้นเป็นอย่างมากนางตัวสั่นเบาๆและเข้าไปในอ้อมกอดของเขา

 

“ข้าไม่ได้ฝันไปใช่ไหม?”

 

ซือหยูยิ้มและกอดนางขณะที่มองดูผู้คน

 

“ขอบคุณทุกท่านที่มาที่นี่เพื่อเป็นสักขีพยานในงานแต่งงานของพวกเรา”

 

เขาพูดเสียงดัง

 

“ตอนนี้พวกท่านโปรดถอยไปก่อนข้าต้องเผชิญหน้าสิ่งที่กำลังจะมาถึงเพียงลำพัง”

 

ครืน!

 

พื้นใต้ตำหนักที่เคยเป็นก้นบึ้งมังกรได้เปิดออกมันเผยให้เห็นถ้ำมืด

 

ผู้เฒ่าจิวเบิกตากว้างเขาถามด้วยความตกใจ

 

“ก้นบึ้งมังกรเรอะ?”

 

ก้นบึ้งมังกรอยู่ในถ้ำนี้อย่างไม่น่าเชื่อและมันเต็มไปด้วยหินลาวาที่เย็นตัวลงตั้งแต่ครึ่งปีก่อน พลังวิญญาณที่หนาแน่นกว่าในโลกสิบเท่ากระจายออกมา มันเทียบได้กับพลังวิญญาณของแหล่งเก็บสมบัติของอาณาจักรทมิฬเลยทีเดียว

 

ถ้าหากมองให้ดีก็จะพบว่ามันเต็มไปด้วยทรัพยากรและสมบัติวิญญาณมากมายและมันยังมากพอที่จะให้คนแสนคนนี้อยู่รอดไปหลายร้อยปี

 

ผู้เฒ่าจิวมองมันด้วยความตกใจอีกครั้งบอกได้เลยว่านี่เป็นสิ่งที่ซือหยูเตรียมการไว้ล่วงหน้า ทุกคนเริ่มดีใจและบินลงไปเพื่อเลี่ยงสวรรค์พิโรธบนนภา

 

ไม่นานคนเกือบแสนคนก็จากไป เหลืออยู่เพียงไม่กี่คนเท่านั้น

 

“ท่านเจ้าพันธมิตรหน่วยกวาดล้างจะอยู่กับท่าน”

 

ลั่วซวงนำหน่วยกวาดล้างตามหลังซือหยู

 

ผู้เฒ่าจิวก็ยังอยู่เช่นกันเขาไปยืนอยู่ข้างซือหยูกับจ้าวหนึ่ง จ้าวคณะวิหคเพลิง และฉีหงซื่อ

 

พวกเขายืนเคียงข้างซือหยูมองหอคอยที่ปล่อยแรงกดดันจนแทบหายใจไม่ออกซือหยูมองพวกเขาและพบกับความกลัวและความเด็ดเดี่ยวในแววตา

 

เขาหัวเราะเบาๆ

 

“ข้ามีความสุขจริงๆที่พวกท่านยินดีจะอยู่ที่นี่กับข้าแต่นี่คือศึกของข้า พวกท่านไปที่ก้นบึ้งมังกรเถอะ อีกไม่นานข้าจะปิดผนึกมัน จะไม่มีใครจากโลกภายนอกเปิดมันได้ทั้งนั้น ต่อให้ทั้งทวีปถูกทำลาย พวกท่านก็จะปลอดภัย”

 

ผู้เฒ่าจิวสับสน

 

“เจ้าหนูเจ้าคิดจะทำอะไร?”

 

ซือหยูถอนหายใจตอบ

 

“ข้าเห็นลางร้ายตั้งแต่ก่อนต่อสู้ในก้นบึ้งมังกรแล้วข้ารู้ว่าภัยพิบัติของจริงยังไม่มาถึง ข้าแอบเตรียมการมาตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา”

 

เขาพูดต่อ

 

“ข้าเก็บทรัพยากรทั้งหมดไว้ในก้นบึ้งมังกรมันมากพอที่จะเกื้อหนุนยอดฝีมือที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกเราไปหลายร้อยปี ข้าเพียงแค่ใช้งานแต่งงานบังหน้าเพื่อรวมทุกคนมาอยู่ที่นี่เพื่อที่จะปกป้องพวกเขาได้ ถึงข้าจะปกป้องทุกคนในทวีปไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็เป็นพวกท่าน”

 

ทุกคนที่นี่ตกใจเมื่อได้ยินเขาพวกเขาตกอยู่ในภวังค์เมื่อรู้ว่าซือหยูเริ่มเตรียมการศึกครั้งนี้มาตั้งแต่ครึ่งปีก่อน และโลกยังเกิดศึกอย่างที่เขาคิดไว้ว่ามันจะเป็น

 

“ถ้าอย่างนั้นแล้วเรื่องลำดับเหล่านั้นเล่า?”

 

ผู้เฒ่าจิวตกตะลึงเพราะม่านแสงที่ซือหยเตรียมไว้นั้นแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ

 

“เราต้องขอบคุณสามศักดิ์สิทธิ์ข้าได้ตำราหายากมาจากเขา และยี่เอ๋อก็เรียนรู้วิธีใช้มัน”

 

ซือหยูพูดถึงหวูอู๋ยี่ที่ยืนด้านหลังเขาอย่างเงียบๆ

 

หวูอู๋ยี่นั้นมีความรู้กว้างขวางและประสบการณ์มากมายนางค่อนข้างรอบรู้ในเรื่องลำดับ นางศึกษามันอย่างอดทนในตำราเพื่อช่วยซือหยู และซือหยูก็มีทรัพยากรอยู่มากมาย ซือหยูกับนางเลยสร้างลำดับขึ้นมาสองลำดับได้

 

ผู้เฒ่าจิวนิ่งราวกับขอนไม้

 

“ชักช้าไม่ได้แล้ว!รีบไปเร็ว! ข้าต้องจัดการมันคนเดียว…”

 

ซือหยูพูดอย่างเย็นชาเมื่อมองไปยังหอคอย

 

“พวกมันแข็งแกร่งเกินไปพวกท่านช่วยอะไรข้าไม่ได้หรอก พวกท่านจะเป็นตัวถ่วงข้ามากกว่า รีบไปซะ! อย่าทำให้สิ่งที่ข้าทำไปสูญเปล่า”

 

ผู้คนเริ่มลังเลแต่พวกเขาก็ต้องทำตามเพราะซือหยูยืนกรานที่จะให้พวกเขาหนี แม้แต่ผู้เฒ่าจิวก็ลงไปในก้นบึ้งมังกรกับพวกเขา ท้ายสุดก็มีแค่คนเดียวที่ไม่คิดจะไปไหน

 

“เซี่ยนเอ๋อข้าไม่อยากให้เจ้าเป็นอะไร ได้โปรดไปกับพวกนั้นด้วยเถอะ…”

 

ซือหยูพูด

 

เซี่ยนเอ๋อส่ายหน้าใบหน้าของนางไร้ซึ่งความกลัว นางกลับยิ้มอย่างสดใสและจับมือซือหยูแน่น

 

“ข้าอยากให้พวกเราแก่เฒ่าไปด้วยกันถ้าพี่ตาย ข้าก็ไม่มีเหตุผลให้มีชีวิตอีกแล้ว”

ซือหยูยิ้มด้วยความยินดี

 

“ก็ได้”

 

เขาดึงนางเข้ามากอด

 

เซี่ยนเอ๋อดีใจเช่นกันนางกำหมัดพร้อมกับดวงตาที่มุ่งมั่น แต่ทันใดนั้นนางก็รู้สึกเจ็บและชาที่คอ นางหมดสติไปในไม่นาน

 

นางเกือบจะรู้ตัวไม่ทันว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่นางจะหมดสติไปซือหยูหลอกนาง!

 

“ขอโทษนะเซี่ยนเอ๋อข้าต้องไปคนเดียว”

 

ซือหยูอุ้มเซี่ยนเอ๋อไปที่ก้นบึ้งมังกรและส่งนางให้กับหวูอู๋ยี่

 

“ปกป้องนางด้วย”

 

หวูอู๋ยี่พยักหน้า

 

“นายน้อยอย่าประมาทนะ”

 

ซือหยูพยักหน้าและบินออกไปเขากำหมัดเรียกใบไม้สีทองจำนวนมหาศาลออกมาจากชุด ใบไม้เหล่านั้นปกปิดทางเข้าของก้นบึ้งมังกรเอาไว้

 

ผู้เฒ่าจิวสับสนไปครู่หนึ่งแต่เขาก็ตะโกนออกมาด้วยความตกใจในภายหลัง

 

“ใบไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์!”

 

ไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์คือไผ่เทวะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของจิวโจวเขารู้จักมันเพราะความล้ำค่าอันเลื่องลือ

 

เขาตกตะลึงที่มันคือสมบัติที่แม้แต่อสูรเนรมิตรที่อยากได้มันก็หามันไม่ได้แต่ซือหยูกลับมีมันกับตัว! และถ้าดูจากจำนวนใบทั้งหมดที่ได้เห็นก็บอกได้เลยว่าซือหยูมีมันอยู่เป็นจำนวนมาก

 

“ไอ้หนูนี่ซ่อนมันเอาไว้ดีจริงๆ!”

 

ผู้เฒ่าจิวตกใจมากเพราะซือหยูทำให้เขาต้องอ้าปากค้างหลายต่อหลายครั้ง!

เป็นไปไม่ได้เลยที่จ้าวเทวะจะทำลายผนึกที่สร้างจากไผ่เทวะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเช่นนี้มันคือของล้ำค่าที่จะทำให้พวกเขาปลอดภัยไปตลอดกาล เป็นไปไม่ได้เลยที่มันจะเปิดออกนอกจากมีคนเปิดจากภายใน

 

หลังจากปิดผนึกก้นบึ้งมังกรเรียบร้อยซือหยูไม่กังวลถึงความปลอดภัยของผู้คนอีกแล้ว เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกในที่สุด ซือหยูเงยหน้ามองหอคอย

 

“ข้ารอเจ้ามานานเหลือเกินสุดท้ายก็ถึงเวลาสะสางเรื่องราวแล้วสินะ จ้าวศักดิ์สิทธิ์?”

 

ซือหยูพูดเบาๆ

 

แม้ก้นบึ้งมังกรจะถูกปิดผนึกแต่คนข้างในก็เห็นว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นข้างนอก พวกเขาเงียบลงเมื่อได้ยินคำพูดของซือหยู

 

จ้าวศักดิ์สิทธิ์รึ?แม่ทัพที่กุมอำนาจสูงสุดของทัพเงาทมิฬน่ะรึ?

 

เขาคือชายหนุ่มที่เป็นตัวแทนของเจตจำนงสวรรค์หรอกรึ?

 

ผู้เฒ่าจิวไม่เชื่อหูตัวเอง

 

“จะเป็นไปได้ยังไง?หอคอยเป็นตัวแทนของโลกนี้ เป็นไปได้รึที่คนนั้นจะเป็นจ้าวศักดิ์สิทธิ์?”

 

ผู้เฒ่าจิวคิดต่อไป…

 

เขาปรากฏในงานชุมนุมวิหคเพลิงและถ้าหากนั่นคือจ้าวศักดิ์สิทธิ์…เช่นนั้นจะไม่หมายความว่าเขาอยู่ในเฉินหลงตั้งแต่ก่อนที่การรุกรานของต่างโลกจะเริ่มขึ้นหรอกรึ?

 

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงแล้วทำไมเขาไม่แสดงตัวออกมาเล่า? แล้วทำไมเขาถึงมาเป็นตัวแทนของสวรรค์พิโรธที่ชี้นำสรรพชีวิตอีก?

 

นี่มันเป็นไปไม่ได้…

 

“เจ้าเด็กกบฏสวรรค์เจ้าควรถูกประหาร”

 

ชายหนุ่มลืมตาขึ้นช้าๆเสียงของเขาดังออกมาแม้ปากจะไม่ขยับ คำพูดของเขาทำให้สิ่งรอบข้างและห่างไกลสั่นสะเทือน

 

ซือหยูยืนอยู่บนหลังคาตำหนักและมองท้องนภา

 

“ตัวแทนของสวรรค์พิโรธ…คำกล่าวอ้างเช่นนั้นจะหลอกใครก็ได้แต่ไม่ใช่กับข้า ตอนนั้นข้าใช้เจตจำนงกบฏเพื่อบ่มเพาะฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ ดวงตาข้าเสียหาย แต่ข้าก็ได้เห็นเจ้าชัดๆตั้งแต่ตอนนั้น”

 

แววตาของซือหยูเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

 

“สวรรค์พิโรธหาใช่ความโกรธแค้นของโลกมันก็แค่ฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ เจ้าก็เหมือนกับข้า เป็นเพียงผู้ที่บ่มเพาะฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ที่เรียกสวรรค์พิโรธออกมาได้ เจ้ามันก็แค่มนุษย์เท่านั้น”

 

ซือหยูเปิดโปงเขาผ่านคำพูด

 

เนตรสวรรค์ของซือหยูคือตัวแทนทัณฑ์สวรรค์มันมีพลังไม่ต่างกับสวรรค์พิเศษ มันเป็นกรณีเดียวกับชายหนุ่มที่อ้างตัวเองเป็นตัวแทนแห่งสวรรค์

 

อนิจจาเขาก็เป็นแค่มนุษย์ไม่ต่างกับซือหยู

 

“เจ้าไม่ควร…”

 

ชายหนุ่มพูดด้วยเสียงอันคมกริบ

 

แต่เขาถูกซือหยูพูดแทรกขึ้นมาด้วยเสียงที่ดังราวกับสายฟ้า

 

“หยุดแสร้งทำว่าเจ้ามาจากสวรรค์ได้แล้วเจ้ามันก็แค่เบี้ยบนกระดานที่ราชาเขตกลางส่งตัวมาไม่ให้เกิดยอดฝีมือในเฉินหลง”

 

ซือหยูพูดต่อ

 

“เป็นเพราะเจ้าวิบัติที่คนเฉินหลงต้องเจอในการเป็นภูติถึงอันตราย!”

 

ตอนที่ผู้เฒ่าจิวหรือคนในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ต้องผ่านวิบัติสวรรค์แสงสายฟ้าสีทองอันน่ากลัวมักจะปรากฏหลังจากที่วิบัติอัสนีธรรมดาสามสายจบลง สายฟ้าเช่นนี้มิปล่อยให้ใครมีทางหนี

 

ซึ่งสายฟ้าสุดท้ายนั้นเกิดขึ้นเพราะต้องการจะสังหารคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องราวทั้งหมดก็คือชายหนุ่มที่แสร้งทำเป็นสวรรค์ผู้นี้!

 

“สวรรค์พิโรธมิอาจถูกเหยียดหยาม”

 

ชายหนุ่มพูดอย่างไม่แยแสลำแสงทำลายล้างก่อตัวขึ้นอีกบนหอคอย

 

ซือหยูยิ้มเยาะ

 

“แสดงต่อไปเถอะเดี๋ยวข้าจะกระชากหน้ากากเจ้าให้เป็นชิ้นๆ”