บทที่ 195
จดหมายเชิญ
มู่หรงเสวี่ยได้รับสายจากคุณปู่โม่และโม่อ้ายหลี่แต่เช้าตรู่เพื่อเชิญเธอให้ไปร่วมงานวันเกิดของคุณปู่โม่ตอนสองทุ่มด้วย
หลังจากที่วางสายไป เธอก็คิดได้ว่าตัวเองไม่ได้ไปเจอคุณปู่โม่ตั้งนานแล้ว ในช่วงที่ผ่านมามีเรื่องต่างๆมากมาย ครั้งที่แล้วเธอถึงกับปล่อยให้คุณปู่โม่คอยเก้อด้วย เมื่อนึกขึ้นได้ มู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกอับอายขึ้นมาเลย เธอต้องเตรียมของขวัญวันเกิดให้คุณปู่โม่ซะหน่อยแล้ว อีกอย่างมันก็มีปัญหาเรื่องคู่ควรที่จะต้องควงไปงานคืนนี้ด้วย เธอจะไม่ไปรบกวนพี่ชูอีกแล้วซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ยุติธรรมสำหรับเขาเลย…ในระหว่างนั้นเธอกำลังเดินไปออฟฟิศสหภาพนักศึกษาของมหาลัย ในทุกวันนี้เธอมีเรื่องมากมายที่ต้องจัดการ แน่นอนเธอเป็นรองประธานนักศึกษาจะมาทำตัวขี้เกียจไม่ได้
ทันทีที่เธอเดินเข้าไปที่ออฟฟิศ เธอก็เห็นสีหน้าซูบผอมของหลิวฮัวลี่ ในหัวใจเธอถอนหายใจเล็กน้อย ตอนนี้เธอช่วยอะไรไม่ได้ทั้งนั้น นอกจากนี้ฮวงเสี่ยวเฟ่ย…เธอไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี สำหรับเธอ ฮวงเสี่ยวเฟ่ยอาจจะเป็นเพื่อนที่ทรยศเธอแต่สำหรับหลิวฮัวลี่ เธออาจจะเป็นคนรักที่ดี ยกเว้นก็แค่เรื่องผิดพลาดเดียวแต่อย่างน้อยเธอก็รักหลิวฮัวลี่ แต่ตอนนี้ฮวงเสี่ยวเฟ่ยหายตัวไป
ตั้งแต่วันนั้นที่บาร์ เธอก็ไม่ได้เห็นฮวงเสี่ยวเฟ่ยอีกเลย เธอราวกับว่าระเหยหายไปในอากาศ แม้แต่ตอนที่ทางมหาลัยติดต่อไปที่ครอบครัวของฮวงเสี่ยวเฟ่ย ครอบครัวของเธอก็บอกว่าไม่ได้เจอฮวงเสี่ยวเฟ่ยเลย ตอนนี้ตำรวจเข้ามาทำการสืบสวนเรื่องนี้แล้วและแม้แต่มู่หรงเสวี่ยเองก็ถูกสอบสวนไปด้วย
มู่หรงเสวี่ยนั่งอยู่ในตำแหน่งของประธานนักศึกษา เปิดอ่านเอกสารและพร้อมที่จะจัดการงานตรงหน้า
หลิวฮัวลี่มองมาที่มู่หรงเสวี่ยและถามออกมาด้วยน้ำเสียงแหบเล็กน้อย “เสี่ยวเสวี่ย เธอไม่ได้ข่าวจากเสี่ยวเฟ่ยจริงๆงั้นเหรอ?” เขานอนไม่หลับมาหลายวัน หลังจากที่ได้คุยกับ มุ่หรงเสวี่ยวันนั้น เขาก็ตามหาไปทั้วมหาลัยแต่ก็ไม่เจอ ฮวงเสี่ยวเฟ่ยเลย เขาติดต่อเธอไม่ได้เลย วันต่อมาเขาก็ต้องไปโรงพยาบาลเพราะคุณปู่ของเขาไม่สบาย ทำให้เขาพลาดช่วงเวลาที่จะได้ตามหาฮวงเสี่ยวเฟ่ย จนวันที่สามฮวงเสี่ยวเฟ่ยก็หายไปจากมหาลัยแล้ว
ตอนนี้เขาไม่คิดถึงเรื่องว่าเกิดอะไรขึ้นกับพวกเขาแล้ว เขาเพียงแค่อยากที่จะรู้ว่าตอนนี้เธอปลอดภัยหรือไปเจอเรื่องอันตรายอะไรหรือเปล่า การคิดเรื่องพวกนี้ทำให้เขานอนไม่หลับและหัวใจของเขาก็รู้สึกกลัวขึ้นมา
เมื่อเห็นสายตาอ้อนวอนของเขา มู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกจนปัญญา “รุ่นพี่ ฉันไม่ได้เป็นเพื่อนกับฮวงเสี่ยวเฟ่ยแล้ว…งั้นฉันจะไม่ถามอะไรเรื่องของเธออีกแล้วและจะไม่สนใจเรื่องนี้อีกแล้ว…”
“ทำไมล่ะ?” ดูเหมือนว่าเขาจะไม่คิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะพูดอะไรแบบนี้ หลิวฮัวลี่ถามกลับมา
“ฉันจะไม่บอกว่าทำไม! นี่เป็นเรื่องระหว่างฉันกับเธอ! แต่รุ่นพี่ ร่าเริงหน่อยสิ! ฉันว่าไม่ว่าฮวงเสี่ยวเฟ่ยจะอยู่ที่ไหน มันก็เป็นเพราะเธอเลือกเอง…” ฮวงเสี่ยวเฟ่ยดูจะสนิทกับพวกที่บาร์อย่างมาก ที่นั้นไม่น่าจะมีอันตรายอะไร ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมเธอถึงหายตัวไป มู่หรงเสวี่ยคิดไม่ออกเลยว่าทำไมเธอถึงหายตัวไป โดยปกติแล้วคนจากสถานีตำรวจจะต้องเป็นคนที่รับผิดชอบเรื่องพวกนี้ เธอไม่อยากที่จะตามหาคนที่อยากจะฆ่าเธอหรอก
สิ่งที่ทำให้เธอกังวงอยู่นิดหน่อยคือสภาพของหลิวฮัวลี่ แต่บางทีการหายตัวไปของฮวงเสี่ยวเฟ่ยอาจจะเป็นเรื่องที่ดีสำหรับหลิวฮัวลี่ก็ได้ หัวใจของฮวงเสี่ยวเฟ่ยบิดเบี้ยวไปหมดงั้นเธออาจจะพาหลิวฮัวลี่ลงนรกไปด้วย…แต่สำหรับเรื่องความสัมพันธ์ของพวกเขา เธอจะไม่เข้าไปยุ่งด้วย มีเพียงแค่เรื่องที่เกี่ยวกับเธอเท่านั้นที่จะพูดได้ เหมือนกับที่เธอไม่พูดในตอนนี้ รวมทั้งเรื่องเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงเลิกคบกับฮวงเสี่ยวเฟ่ย
เมื่องหลงเหมยจิ่งเดินเข้ามาในออฟฟิศของสหภาพนักศึกษา เธอก็เห็นมู่หรงเสวี่ยที่กำลังก้มหัวอ่านเอกสารทีอยู่ตรงหน้าอย่างจริงจังแต่ก็ยังดูสวยเป็นบ้า เธอกัดฟันกรอด เมื่อเธอเห็นมู่หรงเสวี่ย เธอก็รู้สึกรังเกียจมากเป็นพิเศษ เธอคือคนที่เธอเกลียดมากที่สุดในโลก เด็กสาวจากบ้านนอก, รุ่นน้องที่ขโมยตำแหน่งรองประธานนักศึกษาและยังฉายาดอกไม้งามแห่งมหาลัยไปจากเธออีก
อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอมองไปที่จดหมายเชิญในมือ เธอก็รู้สึกพอใจขึ้นมาทันที ถึงแม้มู่หรงเสวี่ยจะกลับมาโด่งดังอีกครั้ง แต่เธอก็ยังเกลือกกลั่วอยู่ในชนชั้นต่ำอยู่ดี ตัวอย่างเช่น มู่หรงเสวี่ยคนที่มาจากจังหวัด A คงไม่มีโอกาสที่จะได้ร่วมงานใหญ่แบบนั้นของเมืองหลวงหรอก
เธอจงใจเปิดจดหมายเชิญที่อยู่ในมือแล้วก็พูดออกมาด้วยเสียงอันน่ารำคาญ “แหม คืนนี้ฉันจะได้ไปร่วมงานปาร์ตี้ของตระกูลโม่ด้วย ไม่รู้เลยว่าจะใส่สร้อยคอหยกหรือเพชรไปดี” หลังจากนั้น เธอก็จ้องไปที่มู่หรงเสวี่ยที่ยังก้มหัวทำงานตรงหน้าอยู่
ในสหภาพนักศึกษา หลงเหมยจิ่งมักจะสนิทกับพวกสาวๆดังนั้นพวกเธอจึงเข้ามาล้อมรอบเธอในทันที “พระเจ้า ใช่งานเลี้ยงที่บ้านโม่ในเมืองหลวงหรือเปล่า?!”
“ว้าว เขาพูดกันว่าไม่ใช่ทุกคนนะที่จะได้ไปร่วมงานของตระกูลโม่น่ะ พวกคนที่ได้เข้าไปร่วมงานมีแต่พวกชั้นสูงเลยนะ…”
“เหมยจิ่ง ฉันอิจฉาเธอจริงๆเลย เธอทั้งสวยและก็มีพื้นฐานครอบครัวที่ดีขนาดนี้…”
“ใช่ไหมล่ะ? เหมยจิ่งเธอสวยขนาดนี้ จะใส่อะไรไปก็ได้ทั้งนั้นแหละ พวกเราเทียบเธอไม่ได้เลยสักนิด”
หลงเหมยจิ่งอิ่มใจไปกับคำชมของทุกคน เธอมองไปทางมู่หรงเสวี่ยและเห็นว่ามู่หรงเสวี่ยยังไม่มีท่าทีและยุ่งกับเรื่องงานอยู่เหมือนเดิม ไม่แม้แต่จะมองมาทางเธอด้วยซ้ำ
“ใช่แล้ว งานของตระกูลโม่ไม่ใช่ที่สำหรับทุกคนนะ!” หลงเหมยจิ่งเพิ่มระดับเสียงขึ้นไปอีก
อันที่จริง มู่หรงเสวี่ยได้ยินเรื่องที่หลงเหมยจิ่งพูดตั้งแต่ต้นแล้วแต่ในความคิดของเธอ นี่มันเป็นเรื่องเล็กเกินกว่าที่จะสนใจ ยังมีบุคคลสำคัญอีกมากมายที่จะไปร่วมงานของตระกูลโม่ในคืนนี้ เธอไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่อะไร อย่างไรก็ตามจิตใจของเด็กสาวเป็นอะไรที่น่าสนใจจริงๆ เมื่อนานมาแล้วเธอก็เคยผ่านช่วงเวลาแบบนี้เหมือนกันและตอนนั้นเธอก็ทำอะไรไม่ได้ จึงอดที่จะนึกถึงเรื่องนั้นไม่ได้ เอาแต่พร่ำบ่นกับตัวเองและอยากที่จะกลับไปแก้ไข
ในออฟฟิศ เด็กสาวหลายคนยังนั่งคุยกันเรื่องต่างๆ หลงเหมยจิ่งไม่ได้รับความสนใจจากมู่หรงเสวี่ยเลย ทำให้เธอหมดความสนใจและหันไปนั่งทำงานอย่างลวกๆ เด็กสาวที่ต้องการคำประจบสอพอเดินกลับไปนั่งที่ กัดปากกาและจ้องไปที่มู่หรงเสวี่ยอีกครั้ง
มู่หรงเสวี่ยเพียงแค่อยากที่จะทำงานให้เสร็จเพื่อที่จะกลับไปเตรียมตัวไปงานวันเกิดของคุณปู่โม่คืนนี้
ไม่มีผู้ชายที่จะไปกับเธอ มู่หรงเสวี่ยมองไปที่หลิวฮัวลี่ที่อยู่ข้างๆเธอและบอกให้หลิวฮัวลี่พักสักหน่อย มันก็คงดีกว่าปล่อยให้เขาทำตัวเป็นซอมบี้อยู่แบบนี้ ถ้าเขายังเป็นแบบนี้ เขาจะต้องถูกถอนตำแหน่งแน่ๆ
เธอพูดคำปลอบใจไปมากมายซึ่งไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไร ตอนนี้เธอได้เรียนรู้แล้วว่าผู้ชายและผู้หญิงควรที่จะเว้นระยะห่างจากกัน ในอดีตขอบเขตระหว่างเธอกับพี่ชูอยู่ห่างเกินไปจนสุดท้ายก็ทำลายมิตรภาพของพวกเขาไป
หลังจากที่ทำงานเสร็จ มู่หรงเสวี่ยก็มองไปที่หลิวฮัวลี่ที่กำลังเตรียมตัวจะออกไปแล้วพูดขึ้นมาว่า “รุ่นพี่ ว่างหรือเปล่า? มีเรื่องที่ฉันอยากจะคุยด้วยหน่อย!”
หลิวฮัวลี่เดินตรงไปที่ประตู หันกลับมาและถาม “มีอะไรเหรอ?” ตอนนี้เขาไม่อยากที่จะสนใจใครอีกแล้ว เขาไม่ได้สนใจเพื่อนๆที่เขาเคยสุงสิงด้วยมาหลายวันแล้ว เขาไม่มีอารมณ์เลยจริงๆ
มู่หรงเสวี่ยรีบเก็บเอกสาร วิ่งไปหาและพูดออกมา “คุยไปเดินไปก็ได้…”
หลิวฮัวลี่พยักหน้า สองคนเดินไปเงียบๆด้วยกันที่ถนนของมหาลัย
เวลาผ่านไปนาน มู่หรงเสวี่ยจึงเริ่มที่จะพูดออกมาช้าๆ “รุ่นพี่ คืนนี้ฉันจะไปงานปาร์ตี้ของตระกูลโม่ พี่อยากจะไปด้วยไหม?”
“ฉันไม่อยากไป!” หลิวฮัวลี่ปฏิเสธ ตอนนี้เขารู้สึกประหลาดใจกับตัวตนของมู่หรงเสวี่ย เขาไม่รู้เลยว่าเธอเป็นใคร จิตใจของเขามีแต่ฮวงเสี่ยวเฟ่ยและเขาก็เปลี่ยนใจไม่ได้ด้วย
เมื่อได้ยินคำตอบมู่หรงเสวี่ยก็ขมวดคิ้วแล้วจึงพูดออกมาเสียงเบา “ถ้าฮวงเสี่ยวเฟ่ยไม่โผล่ออกมาไปตลอดชีวิต แล้วพี่จะหมดสภาพแบบนี้ไปตลอดทั้งชีวิตหรือเปล่า?! ถ้าในอนาคตพี่ได้เจอเธอ พี่อยากจะให้เธอเห็นพี่ในสภาพแบบนี้งั้นเหรอ?! ถ้าพี่อยากจะไปงานด้วย ก็ช่วยโทรมาหาฉันก่อนทุ่มด้วยแล้วกัน…”
หลังจากนั้นมู่หรงเสวี่ยก็เดินไปโดยไม่รอคำตอบของ หลิวฮัวลี่ โอกาสเป็นเรื่องที่ต้องไขว่คว้าไว้ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามถึงแม้คืนนี้เธอจะพาหลิวฮัวลี่ไปด้วย เธอก็จะไม่ช่วยอะไรเขามาก เขาจะต้องเข้าไปอยู่ในวงสังคมโดยใช้ความสามารถของตัวเอง เธอเชื่อว่าหลิวฮัวลี่เองก็คงไม่แย่เท่าไร
ในฐานะเพื่อน เธอเข้าไปช่วยมากพอแล้ว หลิวฮัวลี่เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก เธอไม่อยากที่จะเห็นคนที่มีความสามารถต้องมาถูกทำลายก็เพราะฮวงเสี่ยวเฟ่ย เธอมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง
หลังจากที่กลับไปที่วิลล่า มู่หรงเสวี่ยก็กังวลเรื่องที่จะเอาอะไรไปให้คุณปู่โม่ อันที่จริงเธอยังอยากที่จะเอาโสมไปให้อีกเพราะมันให้ผลที่ดีกับคุณปู่โม่อย่างมาก และคุณปู่โม่ก็คงมีเครื่องเพชรมากมายแล้วด้วย อย่างไรก็ตามครั้งที่แล้วเธอก็เคยเอาโสมไปให้แล้วและมันคงไม่ดีเท่าไรที่จะส่งไปซ้ำอีก อีกอย่างการเอาโสมชั้นเลิศไปให้สองครั้งมันก็คงจะสร้างความน่าสงสัยให้กับพวกคนที่สนใจแน่ๆ หลังจากที่คิดเรื่องนี้อยู่นาน มู่หรงเสวี่ยก็ตัดสินใจที่จะเอาบัวหิมะพันปีไปให้คุณปู่โม่ มันขึ้นชื่อเรื่องบำรุงสมอง นอกจากนี้คุณปู่โม่ก็แก่มากแล้วด้วยดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องดีที่จะเอาไปฝากบ้าง
มู่หรงเสวี่ยเข้าไปในมิติลับและเจอบัวหิมะพันปีในสวนสมุนไพร เธอจึงค่อยถอนออกมาอย่างระวัง มู่หรงเสวี่ยกลัวว่าบัวหิมะจะตายหลังจากที่เอาออกมาจากมิติลับ ดังนั้นเธอจึงรดน้ำแห่งจิตวิญญาณลงไปที่บัวหิมะด้วย บัวหิมะกลายเป็นใสดั่งคริสตัลและสวยมากขึ้นมาทันที
มู่หรงเสวี่ยไม่ได้ทำความสะอาดดินที่รากแต่กลับใส่ลงไปในกล่องหยกเพื่อรักษามันไว้ หลังจากที่เตรียมทุกอย่างเรียบร้อย มู่หรงเสวี่ยก็ไปเลือกชุดยาวสีเขียวเข้มเปิดหลังสำหรับใส่ไปงานคืนนี้แล้วใส่ลงไปในกระเป๋าพร้อมทั้งขับรถไปที่ลิซซี่ พาวิลเลี่ยน
เธอควรจะให้ความสนใจกับเรื่องพื้นฐานของการไปร่วมงานเลี้ยง เรื่องหลักคือมู่หรงเสวี่ยเองก็อยากที่จะไปงานปาร์ตี้ของตระกูลโม่ เพื่อที่จะพัฒนาการที่จะต้องเผชิญหน้ากับศัตรูในอนาคต