บทที่ 554 ฮูหยินรองโดดลงน้ำ

องค์ชายวายร้ายอยากเป็นพ่อ

“ท่านย่า ท่านย่าช่วยด้วย…..”

จวินซือซือกล่าวพูดด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้าย ร้องไห้อ้อนวอน นางรู้ รู้ว่านี่เป็นโอกาสสุดท้ายของนางแล้ว

เพื่อจะมีชีวิตรอด จวินซือซือตะเกียกตะกายไปจับที่เท้าของฮูหยินรอง โอบกอดไว้แล้วร่ำไห้ สุดท้ายฮูหยินรองใจอ่อนยวบ

ราชครูจวินขมวดคิ้วมองฮูหยินรอง คล้ายดั่งว่ากำลังรอ

ฮูหยินรองกล่าวว่า “ในเมื่อได้เฆี่ยนตีนางแล้ว ไว้ชีวิตนางเสียเถิดนะ”

ฮูหยินรองก้มศีรษะลง กล่าวว่า”ข้า…..,”

“แจ้งข่าวลงไป ให้เป่าจวิ้นอ๋องกลับมา รีบทำการแยกทางแก่พวกเขา”

ราชครูจวินทอดถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ฮูหยินรองเดิมก็ไม่ได้มีการมอบความหวังอะไร เงยหน้าขึ้นมองราชครูจวินมีความรู้สึกที่งงงัน ราชครูจวินเลยกล่าวว่า “ในเมื่อแต่งตั้งเป็นฮูหยินใหญ่แล้ว แน่นอนว่าเรื่องของเรือนด้านหลังเจ้ามีสิทธิที่จะยุ่งเกี่ยวตัดสินใจ”

จวินซือซือรีบกอบกุมมือของฮูหยินรอง และกล่าวว่า”ท่านย่า ท่านย่าช่วยข้าด้วย”

จวินซือซือรู้ นี่นับว่านางได้รับความช่วยเหลือแล้ว

ฮูหยินรองก้มศีรษะมองจวินซือซือและกล่าวว่า “เจ้าทำร้ายข้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเจ้าอย่าเข้ามาที่ตระกูลจวินอีก หลีกเลี่ยงการทำลายชื่อเสียงของตระกูลจวิน สวรรค์มีความเมตตาไว้ชีวิตเจ้า เจ้าหยุดเท่านี้เถิด อย่าทำทำร้ายใครอีก

ตั้งแต่วันนี้เจ้ามิใช่คนของตระกูลจวินแล้ว อย่าไปพูดว่าเป็นคนตระกูลจวิน หลีกเลี่ยงการทำความวุ่นวาย”

จวินซือซือกอดฮูหยินรองแน่นแล้วร้องไห้อ้อนวอนว่า”ท่านย่า ท่านไว้ชีวิตข้าเถิด ข้ารู้ว่าทำผิดแล้ว ท่านย่า…ข้าผิดไปแล้ว”

ฮูหยินรองกล่าวพูดอย่างเด็ดขาดว่า”หากเจ้าอยากอ้อนวอน ข้าจะให้เจ้ามีชีวิตอยู่ หากเจ้ารับผิดพร้อมแก้ไข ก็ควรวางมือซะ แล้วรู้จักบุญคุณเสีย

เจ้ามีวันนี้ ได้ทำร้ายท่านแม่เจ้า หากไม่ยอมวางมือ ก็คือทำร้ายหญิงสูงอายุ”

จวินเจิ้งหนานรีบกล่าวว่า “ท่านแม่ ให้นางมีสถานที่พักอาศัยเถิดนะ”

สุดท้ายเป็นบุตรสาวของตนเอง จวินเจิ้งหนานใจแข็งไม่พอ เลยยังคงแอบมีความกล้าที่จะกล่าวพูดช่วยอยู่

ฮูหยินรองชำเลืองมองจวินเจิ้งหนานเล็กน้อย จากนั้นกล่าวว่า “ตระกูลจวินไม่สามารถรับเก็บนางที่เป็นหญิงเช่นนี้ไว้ได้ หากเจ้าเป็นเยี่ยงนี้ เช่นนั้นจงไปกับนางเสีย ตระกูลจวินไม่เก็บพวกเจ้าไว้หรอก

นางทำเรื่องเช่นนี้ ไว้ชีวิตแล้ว ยังต้องการความมั่งคั่งของตระกูลจวิน ไม่มีทางเสียหรอก!”

จวินเจิ้งหนานถอยหลังหนึ่งก้าว ฮูหยินรองกล่าวว่า“เจ้าไม่มีความรู้ทักษะใดๆ ยังมิสู้เมียของเจ้าเลย เจ้าทำให้คนผิดหวัง หากเจ้ามีความเฉลียวฉลาดเยี่ยงราชครูจวินเมื่อวัยหนุ่มสาว เจ้าก็มิคู่ควรที่จะอาศัยที่แห่งนี้

เสือจะลงจากภูเขา แม้แต่ปากภูเขาเจ้ายังออกมามิได้ เหตุใดเจ้าถึงได้ไร้ความรู้ทักษะเยี่ยงนี้?”

ฮูหยินของคุณชายคนรองได้ฟังที่แม่ของสามีกล่าวนางเหงื่อแตกทั้งตัวเลย

“ท่านแม่”

ฮูหยินของคุณชายรองรีบคุกเข่าลง กล่าวว่า “ไว้คุณชายรองสักคนเถิดเจ้าค่ะ”

ฮูหยินรองมองสะใภ้ จากนั้นกล่าวว่า “ประคับประคองชีวิตให้รอดเถิด ตระกูลจวินยิ่งใหญ่ มีพี่น้องสี่คน แต่ทว่าฮูหยินของคุณชายรองไร้ความสามารถ นอกนั้นต่อให้ระดับปานกลางก็ยังมีสิ่งที่รู้แจ่มแจ้ง แต่เขาแม้แต่สิ่งที่รู้ตัวเองแจ่มแจ่งนั้นไม่มีเลย

ต้นไม้ต่อให้ใหญ่อย่างไรต้องมีตอนที่แตกกิ่งก้านเสมอ เมื่อวันนี้ยังอยู่ด้วยกัน ประคับประคองก็ไม่มีสิ่งใด แต่พวกเจ้าไร้ความสามารถที่สุด ยังไม่คิดมุ่งแสวงหาความก้าวหน้า

ผู้ที่เป็นบุคคลทำเสื่อมเสียชื่อเสียงแก่ตระกูล เก็บนางไว้ทำสิ่งใดกัน?”

ฮูหยินขอคุณชายรองได้ฟังรีบกล่าวว่า “ท่านแม่ ลูกจะรีบจัดการนาง ไม่ให้นางกลับมาที่ตระกูลจวิน ท่านแม่โปรดระงับความโกรธเจ้าค่ะ”

ฮูหยินรองมองราชครูจวิน จากนั้นกล่าวว่า“ราชครู วันนี้ข้าให้นางมีชีวิตอยู่ เป็นข้าที่ไม่เหมาะสม ความรักใคร่สามีภรรยาข้ารู้สึกตื้นตันใจ วันนี้ข้าขอกราบลา! ”

ฮูหยินรองโค้งเอวลง

ราชครูจวินตาค้าง ขมวดคิ้วสูง เขาไม่ได้เอ่ยสิ่งใด ตามที่จริงได้คิดว่าต่อไปจะต้องทำอย่างไร

ก็ได้เห็นฮูหยินรองใช้เท้าถีบสบัดจวินซือซือออก และหันเดินออกไปทางด้านนอกแล้ว

เวลานี้ท้องฟ้ามืดมิด ฮูหยินรองเดินแล้วจากนั้นได้เดินจากไป

ฮูหยินของคุณชายรองรีบลุกตามออกไป ราชครูจวินก็เช่นกัน

พอออกมาราชครูจวินได้เห็นฮูหยินรองเดินมาที่ริมแม่น้ำ ตอนที่ราชครูจวินพบว่ามีความผิดปกติ ได้รีบเร่งตามไป แต่ฮูหยินรองได้กระโดดพุ่งลงน้ำแล้ว

ราชครูจวินตกใจจนต้องลงตามไป

ฮูหยินของคุณชายรองพอเห็นก็โดดเช่นเดียวกัน

ฉีเฟยอวิ๋นนั่งตัวสั่นคลอนอยู่ภายในรถม้า รถม้าได้หยุดลงสักครู่หนึ่ง หนานกงเย่ลืมตาขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นได้มองเขา

หนึ่งคืนไม่เจอหนานกงเยคล้ายดั่งไม่ได้เจอเป็นเวลานานหลายปีเลย ฉีเฟยอวิ๋นเข้าไปรถม้าและได้สวมกอดกัน

แม้ทั้งสองต่างมิได้ทำสิ่งใดกัน แต่ทว่ากลับกอดกันกันอยู่เช่นนั้นนาน

สักพักรถม้าได้หยุดตัวลง หนานกงเย่ลืมตาขึ้น ฉีเฟยอวิ๋นก็สัมผัสได้ว่ามีเรื่องราวอันใดแล้ว

อาอวี่กล่าวว่า “ท่านอ๋อง เกิดเรื่องแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ราชครูจวินช่วนฮูหยินรองขึ้นมาบนฝั่ง คนได้สลบแล้ว ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนอง ราชครูจวินเลยรีบสั่งคนไปตามหมอหลวง ฟ้ามืดแล้ว ผู้คนก็ไม่ได้มีสิ่งใดทำ ใครก็ไม่มีทางไม่อยู่ที่เรือนเวลานี้ ต่างได้วิ่งพากันออกมาดูความคึกครื้นกัน

ฮูหยินลงกระโดดลงไปคือน้ำเยือกเย็น เวลานี้น้ำสามารถทำคนแข็งตายได้ ก็ต่อให้ไม่ใช่จมน้ำตาย ก็ต้องแข็งตายแน่

ฮูหยินรองว่ายน้ำไม่เป็น ราชครูจวินทราบดี ฮูหยินรองไม่ยินยอมที่จะตายอยู่ตรงสถานที่แปดเปื้อน นางรู้สึกว่าในน้ำสะอาด ก็นั่นเป็นเพราะว่านางไม่เข้าใจเรื่องความลึกของน้ำ

“ท่านแม่…………….”

จวินเจิ้งหนานวิ่งมาคุกเขาลง ราชครูจวินตะคอกด้วยความเดือดดาลวา “ท่านแม่พวกเจ้าตาย พวกเจ้าก็อย่ามีชีวิตอยู่เลย จะต้องฝังศพเป็นเพื่อนท่านแม่เจ้าทุกคน!”

ตอนที่ฉีเฟยอวิ๋นมา เธอได้เห็นฮูหยินรองนอนอยู่ที่พื้น และราชครูจวินโอบกอดฮูหยินด้วยความเดือดดาลอยู่

ฉีเฟยอวิ๋นรีบวิ่งเข้าหา ดึงราชครูจวินออก กล่าวว่า “หลีกก่อนเถิด”

ราชครูจวินถูกผลักออก เขาไม่กล้าที่จะวุ่นวายมาก มองฮูหยินรองด้วยความกดดันตึงเครียด

ฉีเฟยอวิ๋นนำคนนอนราบ และเริ่มกด ไร้การตอบสนองเลยทำการปั๊มหัวใจผายปอด

คนบริเวณโดยรอบมองด้วยความแปลกประหลาดใจ แต่ทว่าในสายตาของหนานกงเย่กลับเป็นเรื่องปกติ

ฮูหยินรองไอกระแอมสำลัก แล้วมีน้ำทะลักหลั่งออกมา

ฉีเฟยอวิ๋นนั่งหอบแฮกอยู่อีกด้าน ฮูหยินรองลืมตาอย่างเชื่องช้า จ้องมามาที่ฉีเฟยอวิ๋น

“ข้าอยู่ที่แห่งใด ”ฮูหยินรองกล่าวด้วยความอิดโรย ฉีเฟยอวิ๋นลูบคลำบนตัว แล้วนำยาลูกกลอนส่งเข้าไปในปากของฮูหยินรอง

ตอนที่ฮูหยินรองเหม่อลอย ราชครูจวินได้เดินมาตรงหน้าของนาง โอบอุ้มฮูหยินรองต้องการอยากให้ลุกขึ้น

ฉีเฟยอวิ๋นรีบกล่าวรั้งไว้ว่า “ราชครู ทำเช่นนี้มิได้ ต้องยกถึงจะถูกได้ อีกทั้งต้องส่งเข้าไปในเรือนของข้า ข้าต้องการตรวจให้ฮูหยินรอง ฮูหยินรองสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง นางมีอาการของโรค ข้าเคยบอกว่าต้องรักษา อีกทั้งข้าเห็นร่างกายของนาง มีความเย็นหนาวเหน็บของน้ำเกรงว่าจะไม่ไหว”

เดิมแล้วราชครูจวินไม่สนใจฉีเฟยอวิ๋นเลย จึงได้อุ้มฮูหยินรองเดินจากไป

ฉีเฟยอวิ๋นก็เหนื่อยที่จะกล่าวเรียกเพราะไร้เรี่ยวแรง ลุกขึ้นมองคนแก่ที่ดื้อรั้นที่ยังมีความสั่นไหวโยกเยกอยู่

หนานกงเย่ประคองฉีเฟยอวิ๋นมาที่รถม้า และกลับไปจวนอ๋องเย่

ตอนที่เดินผ่านจวนราชครู ฉีเฟยอวิ๋นอยากลงรถม้าไปดู หนานกงเย่ได้รั้งไว้เธอก็ไร้หนทางที่จะไปเช่นกัน

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวต่อว่าหนานกงเย่ด้วยความหงุดหงิดว่า “เป็นเพราะท่าน ในเมื่อเรื่องผ่านไปแล้ว เหตุใดท่านต้องออกตัวแรง หากไม่ใช่เพราะท่าน ก็ไม่มีทางเกิดเรื่องกับฮูหยินรองหรอก”

“หรือว่าการที่จวินซือซือมาโจมตีโดยการดักซุ่มข้า เป็นความผิดของข้าหรือ? ข้าก็เป็นคนแผนซ้อนแผนนะ”หนานกงเย่กล่าวด้วยหลักการเหตุผล

ฉีเฟยอวิ๋นถึงกล่าวด้วยความแปลกใจว่า “ไม่ใช่ว่าท่านอ๋องต้องการจะคิดบัญชีกับราชครูจวินหรือพคะ?”

“ข้าเคยคิดจะคิดบัญชีกับราชครูจวิน แต่ไม่เคยคิดจะใช้กลอุบายเช่นนี้ เมื่อวาน ข้าออกไปทำภารกิจ ไท้พบกับท่านพี่รอง ท่านพี่องได้เชื้อเชิญข้าไปร่ำสุราที่เสาหลักนอกเมือง เชิญข้าจัดการภารกิจ

ตอนที่กลับมาพบว่ามีคนลักลอบสะกดรอยตามข้า นั่นก็คือจวินซือซือ ข้าอยากจะดูว่านางจะทำสิ่งใด นางได้ทำให้ข้าสลบ

ข้าก็รอ ใครจะไปรู้ว่านางจะประพฤติมิชอบแอบทำแผนชั่วกับข้า”

ฉีเฟยอวิ๋นกล่าวด้วยความตลกขบขันว่า “ท่านอ๋องผู้หล่อเหลาถูกคนจับจ้องเสียแล้ว”

“เชอะ!”

หนานกงเย่ออกแรงโอบกอดฉีเฟยอวิ๋น ฉีเฟยอวิ๋นอิงแอบเขา และกล่าวถามว่า“เช่นนั้นท่านอ๋องต้องการสั่งสอนราชครูหรือเพคะ?”

“ไม่หรอก แต่จวินซือซือทำเช่นนี้ ข้าจะยอมนางได้ที่ไหนกัน กับข้าก็มาพูดอะไรมากไม่ได้หรอก ถึงได้ไปพบราชครู

หากว่านางไม่ไปหาอวิ๋นอวิ๋น หากอวิ๋นอวิ๋นไม่ไปหาราชครู เรื่องนี้ก็ไม่สามารถจบได้ สรุปนั่นคือฟ้าลิขิต

ฉีเฟยอวิ๋นหมดคำจะพูด แบ่งแยกอย่างชัดเจนเพื่อการพิจารณาคำนวณอย่างถูกต้องแล้ว แต่ทว่ากลับเอ่ยคำพูดเช่นนี้

ก็นับว่าน่าสนใจมีความหมายเสียจริง!