“ตัดสินใจได้ฉลาดแล้ว!” เฉินเฉินชื่นชมในขณะที่เขาเปิดกรงของหูเซียงเอ๋อออกก่อนที่จะลุกขึ้น

 

“เจ้า….นี่เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะหนีหรอ?” หูเซียงเอ๋อค่อยๆออกมาจากกรง จากนั้นก็มองเฉินเฉิน

 

เฉินเฉินยิ้มในขณะที่ตอบกลับอย่างนิ่งเฉย “ถึงเจ้าหนี้ข้าก็ไม่ได้คิดจะห้ามอยู่แล้ว ถ้าเจ้าอยากหนีก็ไปได้เลย แต่ว่า ถ้าเจ้าออกจากสวนนี้แล้วถูกคนอื่นกำจัด ก็อย่ามาโทษข้าที่ไม่เตือนเจ้าก็แล้วกัน”

 

“เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะ…” ในขณะที่หูเซียงเอ๋อกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ ๆเธอก็สังเกตเห็นแสงวาบในมือของเฉินเฉิน ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ออร่าในร่างกายของเขาก็ถูกปลดปล่อยออกมาด้วย

 

“ระดับฝึกพลังปราณขั้นที่เจ็ด!” หูเซียงเอ๋ออุทาน ในเวลาแค่ไม่กี่วัน เฉินเฉินก็พัฒนาจากระดับฝึกพลังปราณขั้นที่สามไปจนถึงขั้นที่เจ็ดได้ แถมเขายังรู้วิธีจัดการกับปีศาจและอสูรอีก แล้วยังมีวิชาสายฟ้าด้วย

 

พลังระดับนี้ทำให้เธอกลืนคำพูดกลับไปในทันที และในตอนนี้เองเธอก็มีความเข้าใจเกี่ยวกับตัวเขาใหม่ เธอไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกแล้ว

 

นอกจากนี้ เขายังพัฒนาขึ้นไปได้เร็วมาก ด้วยสมบัติมากมายที่พึ่งค้นพบ ถ้าเธออยู่กับเขา มันก็มีความเป็นไปได้ว่าจะมีอนาคตที่สดใสรอเธออยู่

 

พอคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ทิ้งความคิดไร้สาระที่อยู่ในใจเธอออกไปจนหมด จากนั้นเธอก็พูด “เจ้านาย ท่านมีพรสวรรค์ที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ความหวังเดียวของข้าก็คงจะเป็นการที่ท่านไม่ลืมข้าในตอนที่ท่านประสบความสำเร็จในอนาคตเท่านั้นค่ะ”

 

“ฮ่าฮ่า นั่นก็ขึ้นอยู่กับศักยภาพของเจ้านะ”

 

เฉินเฉินรู้สึกมีความสุขเมื่อถูกเรียกว่า ‘เจ้านาย’

 

ในชีวิตก่อน เขาก็เลี้ยงสัตว์เหมือนกัน แต่มีแค่สัตว์เลี้ยงในเกมส์เท่านั้นที่สามารถพูดคุยกับเขาได้

 

 

หลังจากที่สยบหูเซียงเอ๋อได้แล้ว เฉินเฉินก็ไม่ได้ทำตัวว่างเพราะไม่นานนักเขาก็ออกจากสวนไปหาเซี่ยวอู่โยว

 

“อาจารย์ ท่านมีหนังสือเกี่ยวกับการทำยาไหมครับ?”

 

เซี่ยวอู่โยวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยในตอนที่ได้ยินเพราะเขาคิดไม่ถึงเลยว่าลูกศิษย์ของเขาจะใฝ่เรียนขนาดนี้

 

หลังจากตอบสนองกลับไปด้วยรอยยิ้ม เซี่ยวอู่โยวก็สะบัดมือของเขาด้วยท่าทีสบายๆแล้วหนังสือซึ่งมีความหนา 1 ฟุตก็ปรากฎขึ้นในมือของเขา

 

“หนังสือเล่มนี้เรียกว่าตำรับยา ข้าเคยพกมันไว้กับตัวในทุกๆที่ที่ข้าไป มันบันทึกสมุนไพรที่เป็นยาและพิษทั้งหมดที่เคยถูกพบในโลกนี้และคุณสมบัติเฉพาะของพวกมันเอาไว้ เจ้าลองเอาไปศึกษาดูเถอะ”

 

“ถ้าคิดว่ายังไม่พอ เจ้าสามารถใช้เหรียญของเจ้าในการเข้าห้องสมุดทั้งของสำนักภายในและภายนอกได้ เจ้าสามรถหยิบหนังสือที่ต้องการได้ทุกเล่มแต่ว่าเจ้าต้องจำเอาไว้นะ การทำยาและการฝึกตนนั้นไม่สามารถนำมาผสานกันได้ ความสนใจและแนวทางในการพัฒนาหลักของเจ้ายังควรเป็นการฝึกตน ตราบใดที่ระดับการฝึกตนของเจ้าสูงพอ แน่นอนว่าจะมีนักแปรธาตุที่ยินดีรับใช้เจ้า”

 

“เข้าใจแล้วครับ!” เฉินเฉินตอบพร้อมกับพยักหน้าอย่างจริงจังหลังจากที่ได้ฟังคำสอนของเซี่ยวอู่โยว

 

พอมองดูเฉินเฉินแล้ว เซี่ยวอู่โยวก็อดนึกถึงสิ่งที่หัวหน้าผู้อาวุโสพูดในวันนั้นไม่ได้

 

เฉินเฉินมาจากบ้านนอกและมีความรู้ที่จำกัด ซึ่งถือเป็นข้อเสียของเขาจริงๆ ถ้าเขาเดินทางไปที่พระราชวังทองคำในอีกสองเดือนข้างหน้า เขาก็อาจจะรู้สึกแปลกแยกได้

 

ถ้าเขากลายเป็นตัวตลก มันก็อาจจะเป็นบาดแผลในใจของเขา

 

เมื่อคิดได้แบบนี้ เซี่ยวอู่โยวก็ถอนหายใจเล็กน้อยแล้วพูดกับเฉินเฉิน “ลูกศิษย์ ในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าเจ้าจะต้องออกเดินทางไปกับข้านะ”

 

“เอ๊ะ? พวกเราจะไปไหนกันหรอครับ?” เฉินเฉินค่อนข้างประหลาดใจ ‘เขาบอกว่าความสามารถของฉันสูงเกินไปและฉันจะถูกอีกฝ่ายเจอตัวได้ถ้าออกไปข้างนอกไม่ใช่หรอ? ทำไมเขาถึงอนุญาตให้ฉันออกไปแล้วหล่ะ?’

 

“มีมังกรปีศาจที่อยู่ขั้นจุดสูงสุดของแก่นทองคำปรากฎตัวขึ้นที่ชายแดนของโยวโจวและจี่โจว ข้าได้ทำการนัดแนะกับหัวหน้าสำนักโยวฉุ่ยของโยวโจวเอาไว้ รวมทั้งเหล่าผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับแก่นทองคำคนอื่นๆว่าจะไปที่นั่นในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าและสังหารมังกรปีศาจซะ”

 

“ท่านอาจารย์ แต่ด้วยระดับการฝึกตนของข้าในตอนนี้ข้าคงจะช่วยอะไรท่านไม่ได้นะครับ แบบนั้นข้าก็เหมือนส่งตัวเองไปตายไม่ใช่หรอ?” เฉินเฉินถามด้วยสีหน้าอึดอัดใจ ถึงแม้ว่าระดับของเขาจะพัฒนาขึ้นมาอย่างก้าวกระโดด แต่เขาก็คงไม่สามารถไปถึงระดับสูงสุดของแก่นทองคำได้ในเวลาหนึ่งเดือน….

 

หลังจากได้ฟังคำพูดของเฉินเฉิน เซี่ยวอู่โยวก็ยิ้มแล้วตอบกลับ “ไม่ต้องคิดมากไปหรอก ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้าช่วยเหลือพวกเรา ข้าแค่อยากให้เจ้ายืนอยู่ห่างๆแล้วสังเกตดูการต่อสู้ จุดประสงค์หลักที่ข้าพาเจ้าไปที่นั่นด้วยก็เพื่อเปิดโลกทัศน์ของเจ้าให้กว้างขึ้น”

 

เฉินเฉินรู้สึกตื้นตันเมื่อได้ยินคำพูดของอาจารย์ ไม่เพียงแค่อาจารย์ของเขาจะเอาใจใส่เรื่องการฝึกตนของเขา แต่อาจารย์ยังพัฒนาจิตใจของเขาด้วย อาจารย์คนนี้ต้องการให้เขาพัฒนาขึ้นรอบด้าน

 

หลังจากที่ครุ่นคิดเกี่ยวกับมัน เฉินเฉินก็อุทานขึ้นมาด้วยสีหน้าจริงจัง “ไม่ต้องห่วงครับอาจารย์ ข้าจะไม่ทำตัวให้เป็นภาระของท่านอย่างแน่นอน!”

 

 

หลังจากที่บอกลาเซี่ยวอู่โยว เฉินเฉินก็ได้เดินทางไปที่ห้องสมุดของสำนักภายนอกเพื่อยืมหนังสือมาเพิ่มก่อนที่จะกลับไปที่สวนของเขา

 

“เอานี่ หูเซียงเอ๋อ นับจากนี้ไปเจ้าจะต้องศึกษาเรื่องพวกนี้และการฝึกตนด้วย”

 

เมื่อเห็นหูเซียงเอ๋อที่แปลงเป็นร่างคนกำลังเข้าญาณโดยใช้สวนสมุนไพรอยู่ เขาก็รีบโยนหนังสือให้เธอสองเล่ม

 

หูเซียงเอ๋อมองดูหนังสือแล้วใบหน้าที่น่ารักของเธอก็ดูเคร่งเครียดขึ้นมาในทันที

 

“หนังสือตำรับยา”

 

“เคล็ดลับการปลูกและการดูแลสมุนไพร”

 

‘ให้ตายเถอะ ข้าต้องคุ้มครองบ้าน ทำอาหาร และเป็นคนสวนพร้อมกันเลยหรอเนี่ย!’

 

‘นี่เขากะใช้ประโยชน์จากข้าให้คุ้มเลยสินะ!’

 

“หูเซียงเอ๋อ เจ้ารู้จุดแข็งของตัวเองรึเปล่า? ข้าจะบอกให้ก็แล้วกัน จุดแข็งของเจ้าคือสติปัญญา ไม่ใช่ระดับการฝึกตนของเจ้า ถ้าข้าแค่อยากได้คนเฝ้าบ้าน ข้าไปหาหมามาซักตัวอาจจะดีกว่า ถ้าข้าแค่อยากได้นักสู้ ข้าก็สามารถไปหาสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้ ไม่ใช่วิญญาณจิ้งจอกอย่างเจ้า เข้าใจที่ข้าจะสื่อใช่ไหม?”

 

สีหน้าของเฉินเฉินจริงจังจนทำให้หูเซียงเอ๋อพูดไม่ออก

 

แน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือว่าประสิทธิภาพในการเรียนรู้ของเขานั้นต่ำมากๆ ดังนั้นเขาจึงลากหูเซียงเอ๋อมาร่วมทุกข์ร่วมโศกกับเขาด้วยเพื่อให้รู้สึกดีขึ้น

 

ด้วยเหตุนี้เอง ในคืนนี้พวกเขาทั้งสองจึงเริ่มอ่านหนังสือที่สวนอย่างตั้งใจ ฉากนี้ทำให้เฉินเฉินนึกถึงชีวิตก่อนของเขาช่วงที่อ่านหนังสือยันดึกดื่น

 

ฟู่ ฟู่ ฟู่ ฟู่ ฟู่!

 

ในเวลากลางดึก มีเสียงแปลกๆดังก้องขึ้นในสวนอย่างกะทันหัน ทำให้เฉินเฉินตื่นจากการงีบหลับ

 

“เกิดอะไรขึ้น?”

 

ด้วยสีหน้าสับสน เฉินเฉินก็มองหูเซียงเอ๋อที่ผล็อยหลับไปข้างๆเขา

 

พูดตามตรง การเรียนเป็นสิ่งที่น่าอัศจรรย์จริงๆเพราะมันส่งผลให้มีอาการง่วงซึมทั้งกับเซียนและปีศาจจนน่าประหลาดใจ

 

ฟู่ ฟู่ ฟู่ ฟู่ ฟู่!

 

เสียงแปลกๆดังก้องขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้เฉินเฉินมั่นใจว่าเขาไม่ได้ฝันไป เขารีบลุกขึ้นมาแล้วค่อยๆตรงไปหาต้นเสียง ซึ่งมันก็ใช้เวลาไม่นานก่อนที่เขาจะไปถึงริมสุดของสวนสมุนไพร

 

ฟู่ ฟู่ ฟู่ ฟู่ ฟู่!

 

เฉินเฉินมองเจ้าดอกผักบุ้งที่อยู่ตรงหน้าโดยไม่พูดอะไร ดอกผักบุ้งเริ่มส่งเสียงแล้ว หลังจากที่อยู่ในสวนสมุนไพรแค่ไม่กี่วัน!

 

“เจ้าผักบุ้งน้อย เจ้ากำลังท้าทายสวรรค์อยู่หรอ!?”

 

ในทันทีที่เฉินเฉินพูดจบ ลำต้นของผักบุ้งก็ยืดออกมาอย่างกะทันหันแล้วพันรอบมือของเขาเหมือนกับกำลังอ้อนอยู่

 

เฉินเฉินรู้สึกตกตะลึง เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะได้เห็นเจ้าผักบุ้งน้อยทำอะไรที่มันดูน่ารัก

 

เขาลูบกลีบดอกผักบุ้งอย่างอ่อนโยนในขณะที่เอาน้ำวิญญาณใบไม้ผลิออกมาจากแหวนเก็บของแล้วใช้มันลดผักบุ้ง

 

ในตอนที่เด็กทำอะไรน่ารักๆ พวกเขาก็ควรได้รับขนม ในตอนที่ดอกผักบุ้งทำแบบเดียวกัน มันก็ควรจะได้รับน้ำ

 

ฟู่ ฟู่ ฟู่ ฟู่ ฟู่!

 

เจ้าผักบุ้งส่งเสียงแปลกๆออกมาอีก

 

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้มันแตกต่างจากก่อนหน้านี้เล็กน้อยเพราะดูเหมือนว่ามันจะแฝงไปด้วยพลังเวทย์แปลกๆที่ทำให้อาการง่วงของเฉินเฉินหายไป

 

ฟู่ ฟู่ ฟู่ ฟู่ ฟู่!

 

เสียงของเจ้าดอกไม้ค่อยๆผ่อนคลายขึ้น และก้านดอกไม้ก็เริ่มเต้น ภายใต้แสงจันทร์ทอประกายฉากนี้มันดูน่าสนใจมากๆ

 

หลังจากนั้นในทันที สิ่งที่น่าอัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ในตอนนี้ สมบัติส่วนนึงในสวนสมุนไพรกำลังโตขึ้นด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ดอกไม้กำลังบานและออกผลเหมือนกับว่ามันได้รับจิตวิญญาณ

 

สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าก็คือวิญญาณดินที่อยู่กลางสวนสมุนไพรเริ่มกลิ้ง หลังจากนั้นผ้าที่พันแผลของมันเอาไว้ก็หลุดออก

 

มันคือวิญญาณดินเหลือง 10,000 ปีที่เฉินเฉินพึ่งจะเอามาฝังไว้!