บทที่ 476: หวังชูเหรินกลับมาแล้ว

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน

Dual Cultivation บทที่ 476: หวังชูเหรินกลับมาแล้ว

 

“ท่านผู้นำนิกายโหว คงต้องทำอะไรสักอย่างเรื่องศิษย์หญิง หลังจากที่ซูหยางมาถึงนับตั้งแต่วานนี้ พวกเธอก็พากันบ้าคลั่ง”

 

เช้าวันถัดมาเหล่าผู้อาวุโสนิกายต่างก็พากันเข้าไปหาโหวเยินเจียพร้อมกับร้องเรียนในเรื่องสถานการณ์

 

โหวเยินเจีมองดูใบหน้าที่โกรธเกรี้ยวและหมดเรี่ยวแรงตรงหน้าเขาด้วยรอยยิ้มขื่นขม ถึงแม้ว่าพวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากเขา แต่ก็ไม่มีอะไรที่เขาจะสามารถทำได้ในสถานการณ์นี้จริงๆนอกจากจะรอให้หวังชูเหรินกลับมา ซึ่งไม่ใช่ว่าพวกเขาจะสามารถเตะซูหยางออกจากนิกายเพียงเพราะว่าเป็นที่นิยมในหมู่หญิงสาวเกินไปได้สักหน่อย

 

“พวกเจ้าต้องทนต่อไปนับแต่บัดนี้ เขาจักจากไปในอีกสามวันเป็นอย่างมาก” โหวเยินเจียกล่าวกับผู้อาวุโสนิกายที่ไม่พึงพอใจ

 

“ข้ามิสามารถทนยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้อีกแม้สักชั่วโมง อย่าว่าแต่สามวัน”

 

“ทำไมเรามิเพียงแค่ยอมให้ศิษย์เหล่านี้ไปพบกับซูหยางล่ะ นั่นจะทำให้ชีวิตของพวกเราง่ายขึ้น”

 

“แล้วก็เพิกเฉยต่อกฏของนิกายนะรึ มีเพียงแต่คนที่มีคุณค่าเท่านั้นที่ยอมให้เข้าไปในเขตกลาง และก็เป็นเช่นนี้มาตลอดหลายร้อยปีแล้ว อุกอาจเกินไปแล้ว”

 

“กฏสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีโอกาสพิเศษที่ยอมให้ศิษย์ทั่วไปเข้าไปในเขตกลาง พวกเราเพียงแค่ทำให้มันเป็นเหมือนกับว่าสถานการณ์ในปัจจุบันของเราเป็นกรณีพิเศษ”

 

“ท่านผู้นำนิกาย ท่านคิดว่าเราควรทำอย่างไรดี พวกเราควรทำให้นี่เป็นโอกาสพิเศษหรือไม่”

 

สุดท้ายผู้อาวุโสนิกายก็หันไปดูโหวเยินเจียเพื่อหาคำตอบ

 

“มีพวกเจ้าอยู่สิบเอ็ดคนในที่นี้ ทำไมพวกเจ้ามิลงคะแนนโดยปกปิดตัวตนล่ะ” เขาแนะนำ

 

ผู้อาวุโสนิกายพยักหน้าและตัดสินใจลงคะแนนในเรื่องนี้โดยไม่เปิดเผยตัวตน

 

“เช่นนั้นเราจักลงคะแนนว่าเราควรยอมให้ศิษย์เหล่านี้พบกับซูหยางดีหรือไม่”

 

สองสามนาทีหลังจากนั้น ผลลัพธ์ก็ออกมา

 

ห้าคนลงคะแนนขัดกับการตัดสินใจนั้นในขณะที่หกคนลงคะแนนเห็นด้วยกับการตัดสินใจนั้น

 

“ตัดสินได้แล้ว เราจักยอมให้ศิษย์เข้าไปในเขตกลางเพื่อพบกับซูหยาง แต่ทว่าถ้าพวกเขาเดินสะเปะสะปะ พวกเราจักลงโทษพวกเขาทันที”

 

ครั้นเมื่อตัดสินใจได้แล้ว ผู้อาวุโสนิกายก็ประกาศข่าวให้กับศิษย์

 

เมื่อได้ยินข่าวนี้ ศิษย์หญิงหลายร้อยก็ตรงเข้าไปยังที่พักของซูหยางอย่างรวดเร็ว สร้างความงงงันให้กับทั่วทั้งนิกาย

 

“ก-เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่” หลินเชาชางร้องออกมาดังๆเมื่อเธอเห็นภาพด้านนอกหน้าต่างในตอนเช้าตรู่

 

มีแถวของศิษย์นับไม่ถ้วนต่อคิวกันจากตรงหน้าประตูบ้านซูหยาง และพวกเธอทั้งหมดหากไม่เป็นศิษย์ในก็เป็นศิษย์นอก

 

“เกิดอะไรขึ้นมีแต่ศิษย์หลักกับผู้อาวุโสนิกายที่ยอมให้อยู่ภายในเขตกลางมิใช่รึ”

 

หลังจากนั้น ศิษย์อวี้ก็ปรากฏตัวขึ้นที่บ้านของเธอและอธิบายสถานการณ์ให้เธอฟัง

 

“ผู้อาวุโสนิกายตกลงยอมให้เหล่าศิษย์พบกับซูหยางงั้นรึ”

 

หลินเชาชางพึมพัมด้วยสีหน้าสับสน

 

“นี่เป็นสถานการณ์ที่มิเคยมีมาก่อน” ศิษย์อวี้ถอนหายใจ “ข้าดีใจที่ข้าได้พบกับซูหยางเมื่อคืน”

 

“…”

 

หลินเชาชางพูดไม่ออก ในเมื่อเธอไม่รู้ว่าควรจะตอบสนองต่อคำพูดเช่นนั้นอย่างไร

 

ในเวลานั้นภายนอกบ้านของเธอ ซูหยางกำลังวุ่นวายอยู่กับการเซ็นลายเซ็นให้กับเหล่าศิษย์

 

“ท่านสามารถจับมือกับข้าได้ไหม พี่ชายซูหยาง” หนึ่งในบรรดาศิษย์ถามเขาด้วยดวงตาอ้อนวอน

 

ซูหยางพยักหน้าและยื่นมือของเขาออกรับรู้ถึงผิวอ่อนนุ่มของศิษย์คนนั้นในเวลาต่อมา

 

และแม้ว่าจะมีน้อยมาก แต่ก็ยังมีศิษย์ชายสองสามคนในแถว พวกเขาคิดว่าถ้าพวกเขาได้ลายเซ็นของซูหยาง พวกเขาก็จะสามารถใช้มันในการจีบหญิงอื่นในอนาคต

 

“พี่ชายซูหยาง ท่านสามารถเซ็นชื่อตรงนี้ได้ไหม” หนึ่งในศิษย์หญิงพลันยกชายผ้าขึ้นและชี้ไปยังกางเกงในสีขาวของเธอ สร้างความงงงันให้กับเหล่าศิษย์ที่อยู่เบื้องหลังเธอ

 

เห็นเช่นนั้น ซูหยางก็ยังยิ้มและพยักหน้า

 

ศิษย์วัยรุ่นนั้นจึงหันบั้นท้ายไปหาเขาและก้มตัวลง

 

โดยไม่ลังเล ซูหยางก้มตัวลงและจับบั้นท้ายของเธอด้วยมือของเขาจนทำให้ศิษย์คนนั้นร้องครางออกมาด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่เขาจะเริ่มเขียนชื่อตนเองลงบนกางเกงในของศิษย์คนนั้น

 

“ข-ขอบคุณพี่ชายซูหยาง ข้าจักมิซักกางเกงในตัวนี้อีกเลย” ศิษย์วัยรุ่นขอบคุณเขาด้วยใบหน้าแดงก่อนที่จะรีบวิ่งจากไป ปล่อยให้ผู้คนที่อยู่ที่นั่นพูดไม่ออก

 

ครั้นเมื่อซูหยางเสร็จสิ้นคำขอเจ้าปัญหาแรกจากศิษย์คนนั้น ศิษย์คนอื่นๆต่างก็เริ่มพากันขอให้เขาเซ็นชื่อในที่ซึ่งไม่ใช่ผ้าเช็ดหน้าหรือกระดาษของตนเอง

 

อย่างไรก็ตามเมื่อเหล่าศิษย์ปรากฏตัวมากยิ่งขึ้น คำขอก็ยิ่งอุกอาจยิ่งขึ้นจนกระทั่งคาบลูกคาบดอก

 

“พี่ชายซูหยาง ท่านพอจะช่วยเซ็นตรงนี้ได้ไหม”

 

หนึ่งในเหล่าศิษย์พลันดึงด้านหนึ่งของชุดของเธอลง เผยให้เห็นอกข้างหนึ่งของเธอและบราสีแดงที่รองรับมันไว้

 

“แน่นอน” ซูหยางเซีนลงไปด้วยรอยยิ้มสงบบนใบหน้า ราวกับว่าเขาทำเช่นนี้มาหลายครั้งก่อนหน้านี้แล้ว

 

เวลาหลายชั่วโมงผ่านไปนับตั้งแต่ซูหยางเริ่มเซ็นลายเซ็นให้กับบรรดาแฟนหญิงของเขา แต่ก็แถวด้านนอกบ้านของเขาก็ยังคงไม่มีวี่แววที่จะซาลง โชคยังดีที่เขายังไม่มีอะไรทำจนกว่าหวังชูเหรินจะกลับมา ดังนั้นเขาจึงเดินหน้ายอมเสียเวลาทำให้เหล่าศิษย์ของนิกายดอกบัวเพลิงมีความสุข

 

“ข้ามิอยากเชื่อ มันเหมือนกับมีละครสัตว์สร้างขึ้นด้านนอกบ้านข้า” หลินเชาชางพยายามนับครั้งไม่ถ้วนที่จะหาความสงบและฝึกวิชา แต่เธอก็ตระหนักในไม่ช้าว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกโดยมีความวุ่นวายอยู่ด้านนอก ดังนั้นเธอจึงยอมยกเลิกการฝึกทั้งหมดและได้แต่จ้องมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยใบหน้างุนงง คิดสงสัยในใจอย่างเงียบๆว่าเมื่อไหรทั้งหมดนี้จะจบสิ้นเสียที

 

สองวันหลังจากนั้นสุดท้ายหวังชูเหรินก็กลับมายังนิกาย และเธอก็พลันได้รับการต้อนรับจากโหวเยินเจียและผู้อาวุโสนิกายหลายคน

 

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมพวกท่านทั้งหมดจึงดูหมดเรี่ยวแรง” หวังชูเหรินถามพวกเขาด้วยใบหน้างงงัน

 

ผู้อาวุโสนิกายทำการอธิบายให้หวังชูเหรินฟังถึงสถานการณ์ แต่เมื่อรู้ว่าซูหยางได้รอเธอกลับเป็นเวลาสามวันแล้ว ใบหน้าเธอก็ซีดเผือด

 

“ทำไมพวกท่านมิเรียกข้ากลับมาเร็วกว่านี้” เธอตวาดใส่พวกเขาอย่างรวดเร็ว

 

“ต-แต่ท่านสั่งพวกเราอย่างเคร่งครัดว่าห้ามติดต่อท่านนอกจากว่ามันเป็นเรื่องเร่งด่วน…” หนึ่งในผู้อาวุโสนิกายกล่าวด้วยใบหน้าตกตะลึง

 

“ถ้าซูหยางมาเองที่นี่เพื่อหาข้า นั่นหมายความว่านั่นเป็นเรื่องเร่งด่วน บ้าชิบ” หวังชูเหรินไม่สนใจพวกเขาอีกต่อไปและรีบมุ่งหน้าไปยังเขตกลาง ที่ซึ่งซูหยางได้รอคอยอยู่