หลังจากที่กลับสู่นิกายและรู้ว่าซูหยางรอคอยเธออยู่ หวังชูเหรินรีบมุ่งหน้าไปยังเขตกลาง
แต่ทว่าเมื่อเธอไปถึงที่นั่น เธอก็ต้องงุนงงกับฉากตรงหน้าเธอ
มีศิษย์หลายสิบ— หลายร้อยคนยืนอยู่ข้างนอกที่พักของซูหยาง ดูเหมือนว่าทั้งหมดรอคอยที่จะพบกับเขา
“เกิดอะไรขึ้นที่นี่”
เมื่อเหล่าศิษย์สังเกตเห็นร่างของหวังชูเหรินตรงเข้าไปหาพวกเขา พวกเขาทั้งหมดต่างก็โน้มตัวลงทักทายเธอ
“ศิษย์ผู้นี้ขอทักทายผู้อาวุโสหวัง”
“ผู้อาวุโสหวัง”
“ยินดีต้อนรับกลับ ผู้อาวุโสหวัง”
อีกชั่วขณะหลังจากนั้นเมื่อหวังชูเหรินไปถึงด้านหน้า ซูหยางก็มองดูเธอและยิ้ม “พักหนึ่งแล้ว ชูเหริน ข้าได้แต่คอยเจ้ากลับมา รู้ไหม”
“ซ-ซูหยาง ข้า–”
ก่อนที่เธอจะทันพูด ซูหยางก็ส่ายหน้าและกล่าวว่า “เราไปพูดกันด้านในเถอะ”
หวังชูเหรินพยักหน้าและเข้าไปในอาคารในเวลาถัดไป
“ข้าขอโทษ แต่ข้าจักกลับมาในภายหลัง” ซูหยางกล่าวกับเหล่าศิษย์ที่รอคอยอยู่ด้านนอกก่อนที่จะปิดประตูใส่พวกเขา
“ข้าต้องขอโทษเป็นอย่างมากที่ทำให้ท่านรอข้า ซูหยาง ถ้าท่านบอกข้าล่วงหน้า ข้าจะชะลอธุระทั้งหมดของข้า—”
“มีมีปัญหา ข้ามาที่นี่โดยไม่ได้ประกาศแค่นั้น” เขาตัดบทเธออีกครั้ง “ทำไมเรามิไปนั่งและพูดเกี่ยวกับแผนของเราล่ะ”
“ช-ใช่แล้ว นี่เป็นเหตุผลที่ทำไมข้าจึงออกจากนิกายไปสองสามวัน นับตั้งแต่การค้นพบโอสถสู่ปฐพี ข้าก็ได้ติดต่อเกือบทุกตระกูลใกล้เคียงที่มีขุมกำลังในทวีปตะวันออก” หวังชูเหรินอธิบาย
“พวกเขาสองสามตระกูลต้องการจ้างข้าเป็นนักปรุงยาให้กับพวกเขา แต่ว่าพวกเขาส่วนใหญ่เพียงแค่ต้องการซื้อโอสถสู่ปฐพี แน่นอนว่า ข้าได้บอกพวกเขาเกี่ยวกับการประชุม และพวกเขาทั้งหมดก็ตกลงด้วย”
“ในตอนนี้ พวกเรามีทั้งหมด 69 สำนักและ 121 ตระกูลที่จะเข้าร่วมในการประชุมที่ท่านต้องการให้ข้าจัดขึ้น ข้าได้จัดการจับจองสถานที่เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นเราเพียงแค่ต้องการรู้ว่าเมื่อไหร่ที่จะจัดการประชุมขึ้น”
“เดือนหน้า” ซูหยางพลันพูด “การประชุมนี้จะเกิดขึ้นหลังจากวันนี้ไปอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า”
“ด-เดือนหน้ารึ เช่นนั้นข้าจักแจ้งให้สำนักและตระกูลที่จะเข้าร่วมทันทีเกี่ยวกับข่าวนี้” แม้ว่าเธอไม่คาดคิดว่าการประชุมจะเกิดขึ้นเร็วนัก หวังชูเหรินก็ตอบสนองอย่างยินดีโดยไม่สนใจอะไร
ซูหยางพูดต่อว่า “มันจักเกิดขึ้นหลังจากการรับศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม พวกเราจักมิพูดเกี่ยวกับโอสถสู่ปฐพี”
“ท่านหมายความว่าอย่างไรเช่นนั้น ซูหยาง เหตุผลเดียวที่ผู้คนสนใจก็เพราะว่าโอสถสู่ปฐพี นอกจากว่าพวกเรามีอย่างอื่นที่น่าตกใจยิ่งกว่าเม็ดยานั่นไปแสดงให้พวกเขาเห็น พวกเขาย่อมมิสนใจมันแน่”
ซูหยางไม่ได้ตอบเธอในทันที เพียงแค่นำเอาแหวนมิติออกมา
อีกไม่กี่วินาทีให้หลัง ม้วนคัมภีร์หลายม้วนก็วางลงบนโต๊ะเบื้องหน้าพวกเขา
“นี่คืออะไร” หวังชูเหรินมองดูม้วนคัมภีร์ด้วยความสนใจ
“ตำรับยา ให้ถูกต้องก็คือพวกมันทั้งหมดเป็นยาที่ไม่ได้ปรากฏในโลกนี้ในตอนนี้”
หวังชูเหรินจ้องมองเขาด้วยดวงตาเบิกกว้างหลังจากที่ได้ยินคำพูดเช่นนั้น และเธอก็อดไม่ได้ที่จะถาม “ท่านเป็นใครกันแน่ ซูหยาง”
ซูหยางยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าซื่อสัตย์ต่อข้ามากในช่วงเวลากว่าสองสามเดือนมานี้ ดังนั้นข้าจักบอกกับเจ้าสักเล็กน้อยเกี่ยวกับตัวข้าถือเป็นรูปแบบการขอบคุณอย่างหนึ่ง”
“ข้าชื่อซูหยาง แต่เจ้ารู้จักอยู่แล้ว แต่ทว่าสิ่งที่เจ้ายังไม่รู้ก็คือข้าในตอนนี้ใช้ชีวิตที่สองอยู่ และนั่นทำให้ข้ามีความทรงจำของชีวิตก่อน”
“อ-อะไรนะ… ความทรงจำของชีวิตก่อนรึ” หวังชูเหรินจ้องมองเขาด้วยสีหน้าว่างเปล่า ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความไม่เชื่อ
“ข้าเป็นเซียนในชีวิตก่อน และข้ามีชีวิตอยู่ในที่แห่งใดแห่งหนึ่งห่างออกไปไกลมากจากที่แห่งนี้ แต่น่าเสียดายเพราะว่าสถานการณ์บางอย่างจึงทำให้ข้าเกิดขึ้นมาในโลกนี้”
“เจ้าอาจจะไม่เชื่อคำพูดของข้าในตอนนี้ แต่ครั้นเมื่อเจ้าเห็นตำรับยาเหล่านี้ เจ้าจักรู้ว่าข้าพูดเรื่องจริง” ซูหยางกล่าวพร้อมรอยยิ้ม ดูราวกับว่าเขาสามารถอ่านใจเธอได้
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของเขา หวังชูเหรินก็ไม่ยอมเสียเวลา มองดูม้วนคัมภีร์บนโต๊ะ
“เม็ดยาระดับสวรรค์ โอสถรวมปราณ… กินเม็ดยานี้จักเพิ่มประสิทธิภาพการฝึกวิชาเป็นสองเท่าเป็นเวลา 12 ชั่วโมง มีประสิทธิภาพกับผู้ที่อยู่ต่ำกว่าเขตอัมพรวิญญาณ”
“เม็ดยาระดับสวรรค์ โอสถร้อยทิวา เมื่อกินเม็ดยานี้แล้ว พลังการฝึกปรือจักเพิ่มขึ้นราวกับว่าได้ฝึกฝนมาเป็นเวลาร้อยวัน สามารถกินได้เพียงหนึ่งครั้งทุกสี่ปี”
“เม็ดยาระดับสวรรค์ โอสถคืนสวรรค์พิภพ… กลืนกินเม็ดยานี้จักฟื้นคืนพลังปราณไร้ลักษณ์ที่สูญเสียไปทั้งหมดของทุกคนในทันทีแม้ว่าจะเป็นจอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณก็ตาม”
“เม็ดยาระดับราชันย์ โอสถเหนือสวรรค์… ตราบใดที่คนใดคนหนึ่งที่อยู่ในระดับสูงสุดของเขตปฐพีวิญญาณกินยานี้ พวกเขาจักมีโอกาส 100% ที่จะทะลวงเข้าสู่เขตอัมพรวิญญาณ”
“ซ-ซูหยาง… ตำรับยาเหล่านี้คือ…”
หวังชูเหรินอ่านตำรับยาด้วยมือที่สั่นระริก ความตกใจของเธอเพิ่มขึ้นในทุกม้วนคัมภีร์ที่เธอหยิบขึ้นมา
“พวกนี้เป็นเพียงยาสองสามชนิดที่มิได้ปรากฏในโลกนี้แต่เป็นสิ่งที่ธรรมดาอย่างยิ่งในสถานที่ซึ่งข้าได้จากมา” ซูหยางกล่าวกับเธอด้วยใบหน้าสงบราบเรียบ
“ท-ทำไมท่านจึงแสดงตำรับยาเหล่านี้ให้ข้า ซูหยาง… ข้าย่อมเชื่อท่านถึงแม้ว่าท่านมิได้แสดงพวกมันให้แก่ข้า ท่านเคยคิดบ้างไหมว่าพวกมันมีค่ามากน้อยเพียงไหน…” หวังชูเหรินมองดูเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง ดูมึนงงอย่างมากกับการกระทำของเขา
“แม้ว่าพวกมันดูเหมือนจะมีค่ามหาศาลในสายตาของเจ้า แต่มันมิมีความสลักสำคัญอะไรในสายตาของข้า ถ้ามิใช่เพราะความจริงที่ว่าเจ้ามิอาจจะปรุงยาที่แรงกว่านี้ ข้าก็จักให้ตำรับยามากกว่านี้”
“ส่วนที่ว่าทำไมข้าจึงแสดงตำรับยาเหล่านี้ให้แก่เจ้า นั่นง่ายดายมากก็เพราะว่าข้าต้องการให้เจ้าได้มันไว้ มันเป็นของขวัญจากข้าก่อนที่ข้าจะจากโลกนี้ไปและกลับคืนสู่โลกเดิมของข้า”
“ด-เดี๋ยวก่อน… ท่านกำลังจะจากที่แห่งนี้ไปรึ เมื่อไหร่ที่ท่านจะไป และแท้จริงแล้วที่แห่งนั้นอยู่ไกลแค่ไหน”
“ข้าจักจากไปในอีกสองปี แต่กระทั่งข้าเองก็มิรู้ว่ามันไกลแค่ไหน” ซูหยางตอบพร้อมรอยยิ้ม “และเมื่อยามที่ข้าจากไป ข้าต้องการให้เจ้าปกป้องนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยแทนข้าในกรณีที่มีความต้องการ”
“…”
หวังชูเหรินพูดไม่ออก และเธอก็ใช้เวลาอีกสองสามนาทีในการย่อยข้อมูลใหม่ทั้งหมดนี้อย่างเงียบๆ