ตอนที่ 504 : 7 เขต

บ่ายวันต่อมา เจี้ยนเฉินได้นั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ตั้งอยู่ในพระราชวัง โดยทั้งสองข้างของเขามีผู้คนยืนอยู่มากมายทั้งฉินหวู่หมิง, ฉินหวู่เจี้ยน, คาเฟอร์, เย่หมิง,และผู้ที่เข้าถึงระดับเซียนสวรรค์อีกหลากหลายคน ที่ด้านล่างมีทหารตั้งแถวเป็น 2 แถวซึ่งทหารพวกนี้นั้นมาจากกองทัพเทพดาบตะวันออก ทหารแต่ละคนที่ยืนอยู่นั้นมีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับเซียนปฐพีทุกคน

ในตอนนั้นเองมีที่ปรึกษาจักรพรรดิจากอาณาจักรฉินหวงหลายคนเดินเข้ามาพร้อมกับผู้ที่มีความแข็งแกร่งระดับเซียนสวรรค์ 7 คนซึ่งมาจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์ พวกเขาหยุดที่ตรงกลาง ผู้ปรึกษาจักรพรรดิทั้ง 10 คนนั้นยืนอยู่ด้านหลังของเซียนทั้ง 7 คน ความแข็งแกร่งของทั้ง 7 คนนั้นแผ่ออกมาจนผู้คนรอบ ๆ ข้างรู้สึกได้

มีเซียนสวรรค์กว่า 20 คนมารวมกันที่พระราชวังแห่งนี้ แต่ไม่มีผู้ใดปริปากออกมาเลยแม้แต่คนเดียว ความเงียบเข้าปกคลุมพระราชวังแห่งนี้ แสดงให้เห็นถึงความกดดันอันมหาศาล

แม้ว่าชายทั้งเจ็ดจากอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นจะถูกลดโทษให้เป็นนักโทษ แต่พวกเขาก็ยังถือว่าเป็นผู้ที่เข้าถึงระดับเซียนสวรรค์อยู่ดี ความแข็งแกร่งที่พวกเขามีนั้นแผ่ออกมาจนผู้อื่นรู้สึกได้ แต่ละคนนั้นเชิดหน้าสูง พวกเขาจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยสีหน้าอันสับสน

จากการที่เขาได้พูดคุยกับฮูป้าซึ่งเป็นคนจากนิกายพยัคฆ์มังกร ซึ่งเป็นผู้ที่ได้เปิดเผยตัวตนของเจี้ยนเฉินให้ทุกคนได้รับรู้ เหล่าเซียนสวรรค์ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่นั้นได้เข้าใจถึงฐานะของเจี้ยนเฉิน แต่มันก็เป็นการยากที่ผู้ใดจะยอมรับความจริงข้อนี้ได้

เจี้ยนเฉินมองไปที่เซียนสวรรค์ทั้งเจ็ด เขาไม่ได้แผ่พลังใด ๆ ออกมาจากร่างกายเขา เขาดูเหมือนคนธรรมดาที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ และหลังจากนั้นสักพักเขาก็ได้พูดขึ้นมาทำลายความเงียบในท้องพระโรงแห่งนี้

“จากเซียนสวรรค์ทั้ง 15 คนของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ มีเพียงพวกเจ้าทั้ง 7 คนที่เหลือรอดอยู่” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น

เซียนทั้ง 7 คนไม่ตอบสิ่งใดกลับมา ที่พวกเขามาเป็นนักโทษในที่แห่งนี้เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่อยากจะสูญเสียชีวิตของตนเอง ชดใช้ในสิ่งที่พวกเขาได้ทำในสงครามระหว่างอาณาจักรเกอซุนและอาณาจักรอินทรีสวรรค์ และการที่พวกเขาอยู่ในสถานะนักโทษทำให้พวกเขากลัวเกินกว่าจะพูดสิ่งใดออกมา ซึ่งถ้าสิ่งนั้นทำให้เจี้ยนเฉินโกรธแล้วละก็ พวกเขาอาจจะต้องตายลงก็ได้

ผู้พิทักษ์จักรพรรดิของอาณาจักรฉินหวงนั้นยิ่งใหญ่เกินกว่าที่พวกเขาจะทำให้ไม่พอใจได้ เขาเป็นเหมือนภูเขามหึมาที่พวกเขาไม่สามารถทำให้มันขยับได้ จากการที่ได้รับการช่วยเหลือจากนิกายพยัคฆ์มังกร ทำให้พวกเขามีความกล้าพอที่จะลุกขึ้นสู้กับอาณาจักรฉินหวง แต่เมื่อนิกายพยัคฆ์มังกรจากไป พวกเขาก็ไม่มีทางที่จะสู้อาณาจักรฉินหวงได้ สิ่งที่หลงเหลืออยู่จากการปะทะนั้นมีเพียงความตายเท่านั้น

เมื่อเห็นว่าไม่มีผู้ใดพูดสิ่งใดออกมา เจี้ยนเฉินก็ได้พูดต่อ “ทุกคนทราบหรือไม่ว่า ทำไมข้าถึงเรียกพวกเจ้ามาที่นี่ในวันนี้ ? “

“ท่านผู้พิทักษ์จักรพรรดิ โปรดจงอธิบาย ! ” หนึ่งในนั้นได้ป้องมือเข้าหากันและแสดงท่าทางออกมาซึ่งท่าทางนั้นไม่มีอาการไม่พอใจแม้แต่นิดเดียว

“อาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นถูกยึดครองได้โดยพวกเราแล้ว ข้าจะพูดความจริงให้เจ้าได้ฟัง อาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นจะไม่มีอีกต่อไป ชื่อนี้จำเป็นต้องเลือนหายไปจากทวีปเทียนหยุน เพื่อป้องกันการโดนยึดครองจากนิกายพยัคฆ์มังกร พวกเราจะทำการแบ่งแยกอาณาจักรอินทรีสวรรค์ซะ” เจี้ยนเฉินหยุดพูดสักครู่และรอการตอบกลับของคนทั้งเจ็ด

เซียนแต่ละคนใบหน้าซีดขาวลง พวกเขาได้มองหน้ากันพร้อมกับแสดงสีหน้ากังวลออกมาแต่ก็ยังไม่มีผู้ใดกล้าพูดสิ่งใดออกมา

“เจ้าทั้งเจ็ด เจ้าแต่ละคนนั้นควรมาจากฝ่ายที่แตกต่างกัน จากที่ข้าคาดเดา” เจี้ยนเฉินพูดขึ้น

ชายทั้งเจ็ดลังเลสักพักก่อนที่จะมีคนหนึ่งพูดขึ้น “ผู้พิทักษ์จักรพรรดิพูดได้ถูกต้อง พวกเราทั้งเจ็ดนั้นมาจากนิกายหรือตระกูลที่แตกต่างกัน”

“เอาล่ะ แล้วพวกเจ้าได้ตัดสินใจในสิ่งที่พวกเจ้าจะทำในอนาคตได้หรือยัง ? พวกเจ้าเลือกที่จะความตาย ? หรือว่ายังอยากมีชีวิตอยู่ ? ” เจี้ยนเฉินพูด

“พวกเราหวังว่าผู้พิทักษ์จักรพรรดินั้นจะชี้ทางสว่างให้แก่พวกเรา” หนึ่งในนั้นได้พูดขึ้นพร้อมกับคุกเข่าให้กับเด็กหนุ่มซึ่งอายุได้เพียง 20 ปี แม้การกระทำเยี่ยงนี้จะน่าละอายแต่เมื่อขึ้นอยู่กับความตายแล้วพวกเขาก็ยังต้องกระทำมัน

“ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าจะบอกพวกเจ้าถึงแผนการของข้า ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะเห็นว่ามันเหมาะสม” เจี้ยนเฉินหยิบแผนที่ออกมาจากแหวนมิติพร้อมกับมอบมันให้คนทั้งเจ็ด “ข้าจะแยกอาณาจักรอินทรีสวรรค์ออกเป็น 7 เขตสำหรับให้พวกเจ้าทั้ง 7 คนนั้นทำการดูแล แต่ละคนนั้นมีหน้าที่รับผิดชอบเขตของตนเอง และจากนี้ไปจะไม่มีอาณาจักรอินทรีสวรรค์อีก มันจะมีเพียงแค่เขตทั้งเจ็ดที่พวกเจ้าดูแลอยู่เท่านั้น”

เมื่อได้ยินแบบนั้นชายทั้งเจ็ดก็แสดงสีหน้าคาดไม่ถึงออกมา มีบางคนแสดงความดีใจ, บางคนรู้สึกสับสน, อีกทั้งบางคนยังรู้สึกสงสัยในแผนการนี้ พวกเขารู้ดีอยู่แล้วว่าอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นมีปัญหาหลายด้าน ถ้ามันแยกออกเป็น 7 เขตให้พวกเขาควบคุมจริง ๆ แล้วล่ะก็ พวกเขาจะได้สั่งสมกองกำลังของตนเองและเพิ่มอำนาจของตนเองอีกหลายเท่าตัว สำหรับพวกเขาแล้วนี่เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจที่สุด

แม้ว่าพวกเขาทุกคนจะเป็นคนของนิกายหรือตระกูลซึ่งถือว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรอินทรีสวรรค์ แต่ปัญหาที่พวกเขาดูแลอยู่นั้นไม่ถือว่าใหญ่เท่าใด ความจริงที่ว่าอาณาจักรอินทรีสวรรค์นั้นมีเซียนสวรรค์ 15 คน และเพราะโครงสร้างอันพิถีพิถันของอาณาจักรอินทรีสวรรค์ทำให้แต่ละตระกูลนั้นมีอำนาจแค่เพียงปกครองภูเขา 1 ลูกได้เท่านั้น และการจะเพิ่มอำนาจแต่ละตระกูลขึ้นมานั้นก็เป็นเรื่องยาก และด้วยข้อเสนอของเจี้ยนเฉินนั้นก็เปรียบได้ว่าเขาได้ส่งเนื้อมาให้พวกเขากินฟรี ๆ เพื่อเพิ่มอำนาจของตนเอง

แต่ทั้ง 7 คนนั้นมีประสบการณ์มากมาย พวกเขารู้อยู่แล้วว่าเจี้ยนเฉินจะไม่ปล่อยให้พวกเขาสั่งสมอำนาจเฉย ๆ เป็นแน่ พวกเขาคาดเดาว่าเจี้ยนเฉินต้องมีแผนการบางอย่าง

“ผู้พิทักษ์จักรพรรดิ ท่านจะให้พวกเราสาบานตนเป็นพันธมิตรของท่านเช่นนั้นหรือ ? ” หนึ่งในเจ็ดคนได้ถามขึ้นมา

เจี้ยนเฉินหัวเราะ “เจ้าพูดได้ถูกต้องแค่เพียงกึ่งหนึ่ง ด้วยผลประโยชน์มากมายเช่นนั้นข้าจะให้พวกเจ้าเฉย ๆ ได้อย่างไร โดยเฉพาะเจ้านั้นเป็นศัตรูของอาณาจักรฉินหวงด้วยแล้ว ? “

เจี้ยนเฉินหยุดสักพักซึ่งทำให้ทั้งเจ็ดสับสนกันอีกรอบ แต่ก่อนที่ทั้งเจ็ดคนจะได้พูดสิ่งใดออกมา เจี้ยนเฉินก็ได้พูดต่อ “ข้านั้นจะไม่ถือสาสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ข้าจะบอกถึงแผนการที่ข้าได้วางเอาไว้ คำขอของข้านั้นเป็นคำของ่าย ๆ ข้าหวังว่าพวกเจ้าทั้ง 7 คนจะทำงานอย่างหนักเพื่ออาณาจักรฉินหวงและสาบานว่าจะจงรักภักดีต่ออาณาจักรฉินหวง รวมถึงเข้าเป็นสมาชิกภายนอกของอาณาจักรฉินหวงด้วย เจ้าเห็นด้วยกับคำขอนี้หรือไม่ ? “

แม้ว่าเจี้ยนเฉินอยากให้พวกเขาทั้งเจ็ดสาบานตนต่อเขา แต่ด้วยความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ไม่สามารถคุกคามนิกายพยัคฆ์มังกรได้ การชักชวนทั้ง 7 คนนี้เข้าสู่อาณาจักรฉินหวงคงจะไม่ทำให้นิกายพยัคฆ์มังกรนั้นผลีผลามทำอะไรออกมา นอกจากนี้เขากลัวว่าจะมีคนจากนิกายพยัคฆ์มังกรเข้ามาแทรกแซงอาณาจักรอินทรีสวรรค์ด้วย

อีกอย่าง…การที่ทั้ง 7 คนจะสาบานตนต่ออาณาจักรฉินหวงหรือเจี้ยนเฉินนั้นล้วนไม่แตกต่างกัน เนื่องจากตำแหน่งผู้พิทักษ์จักรพรรดินั้นไม่ได้มีไว้เพื่อประดับเฉย ๆ ตอนนี้สำหรับนิกายพยัคฆ์มังกรแล้ว ความแข็งแกร่งของอาณาจักรฉินหวงนั้นดูสะดุดตายิ่งกว่าผู้พิทักษ์จักรพรรดิที่มีความแข็งแกร่งในระดับเซียนสวรรค์

“ข้าเห็นด้วย จากวันนี้เป็นต้นไป นิกายเมฆย้อนคืนขอสาบานว่าจะจงรักภักดีต่ออาณาจักรฉินหวงและจัดการกับเรื่องที่เกิดขึ้น”

“ตระกูลบูคาชาน่าก็ขอสาบานว่าจะจงรักภักดีต่ออาณาจักรฉินหวง”

“ตระกูลไห่โหลวขอสาบานว่าจะจงรักภักดีต่ออาณาจักรฉินหวง”

….

ครั้งนี้ไม่มีผู้ใดจากทั้ง 7 คนลังเล พวกเขารีบตอบกลับมาพร้อมกับสีหน้าที่ไม่อาจซ่อนความตื่นเต้นของตนเองได้ แม้ว่าพวกเขาจะรู้ดีว่าเจี้ยนเฉินนั้นหวังจะใช้วิธีนี้เข้าควบคุมอาณาจักรอินทรีสวรรค์ แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับพวกเขา สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเขาแล้วก็คือพวกเขาได้มีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่งคอยช่วยเหลืออยู่ นอกจากนี้การเข้าร่วมกับอาณาจักรฉินหวงเป็นสิ่งที่หลายอาณาจักรไม่สามารถทำได้แม้ว่าอาณาจักรเหล่านั้นจะพยายามมากเพียงใดก็ตาม