บทที่ 197
ช่วยพูดซ้ำเรื่องที่เพิ่งพูดอีกทีสิ
“อย่าฝันไปหน่อยเลย เธอคิดว่าจะมีใครออกมาแล้วพาเธอเข้าไปได้งั้นเหรอ?” หลงเหมยจิ่งพูดอย่างเหน็บแนม
“สาวสวย ถ้าขอฉันนะบางทีฉันอาจจะพาเธอเข้าไปได้นะ!” ลูกพี่ลูกน้องของหลงเหมยจิ่งพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มพร้อมเอื่อมมือออกไปแตะใบหน้าสวยๆของมู่หรงเสวี่ย
หลิวฮัวลี่ยื่นมือออกมาจับที่มือเขา “นายจะทำอะไร?! อย่ายื่นมือออกมาแบบนี้” มู่หรงเสวี่ยมองไปที่หลิวฮัวลี่และสุดท้ายการพาเขามาด้วยไม่สูญเปล่าจริงๆ
ท่าทางเจ็บปวดบนสีหน้าของเขาดูบิดเบี้ยวเล็กน้อย มืออีกข้างของเขากำหมัดแน่นและอยากที่จะชกไปหน้าที่ของ หลิวฮัวลี่ “ปล่อยมือ! รู้ไหมว่าฉันเป็นใคร? ถ้ายังไม่ปล่อยมือจากฉัน นายได้ตายแน่!”
โชคดีที่การ์ดของตระกูลโม่ห้ามพวกเขาไว้ได้ทัน หลังจากที่แยกพวกเขาแล้ว เขาก็ก้มหัวเล็กน้อยและพูดออกมา “ขอโทษนะครับแขกผู้มีเกียรติทั้งสอง ตระกูลโม่ไม่อนุญาตให้มีเรื่องชกต่อยกันนะครับ”
ลูกพี่ลูกน้องที่กำลังโกรธเกรี้ยวเองก็อยากที่จะวิ่งเข้าไปชกหลิวฮัวลี่แต่หลังจากที่ได้ยินคำว่าตระกูลโม่จากการ์ด ถึงแม้เขาจะไม่มีสมองแต่ก็กล้าที่จะท้าทายอำนาจของตระกูลโม่หรอก เขาจ้องไปที่หลิวฮัวลี่อย่างโกรธแค้น “ฝากไว้ก่อนเถอะไอ้เด็กตัวเหม็น เด็กใหม่ที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนายกล้าที่จะมาสู้กับฉัน!!! เดี๋ยวจะต้องได้เจอกันแน่ๆ!”
หลิวฮัวลี่ยืนอยู่ตรงหน้ามู่หรงเสวี่ยและไม่พูดอะไร มันเปล่าประโยชน์ที่จะพูดกับคนอันธพาลไร้เหตุผลแบบนี้
แล้วจู่ๆลูกพี่ลูกน้องก็เปลี่ยนท่าทางทันที “ตราบใดที่สาวสวยคนนี้ยอมไปกับฉันสักสองสามคืนนะ ฉันก็จะยกโทษให้กับความหยาบคายของนายเมื่อกี้…” เขามองหัวจรดเท้าไปที่เรือนร่างที่สวยงามของมู่หรงเสวี่ย ช่างเป็นผู้หญิงที่สวยจริงๆไม่อยากจะคิดเลยว่าเรือนร่างภายใต้นั่นจะมีเสน่ห์มากขนาดไหน
“มู่หรงเสวี่ย ลูกพี่ลูกน้องฉันไม่ค่อยมีความอดทนเท่าไรนะ เขาเป็นลูกชายของตระกูลหลิวแห่งเมืองหลวงเลยนะรู้ไหม? อยู่กับเขาเธอก็จะหาเงินได้ด้วย งั้นถ้าเธอเข้าไปกับลูกพี่ลูกน้องฉัน งั้นฉันก็จะเข้าไปกับหลิวฮัวลี่เอง…” หลงเหมยจิ่งไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายเท่านี้มาก่อนเลย ความโกรธที่ว่าเธอเวลาอยู่ที่มหาลัยเธอไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองดีเท่ามู่หรงเสวี่ยเลยแต่ตอนนี้ความรู้สึกนั้นมันหายไปแล้ว ในโลกนี้เธอจะทั้งสวยและมีความสามารถไปพร้อมๆกันได้ยังไง? ตอนนี้เธอจะต้องอับอายเพราะลูกพี่ลูกน้องของเธอ
หลงเหมยจิ่งที่เดิมทีมีรอยยิ้มภาคภูมิใจอยู่บนใบหน้า แต่กลับเปลี่ยนเป็นเผยรอยยิ้มอย่างเขินอายขึ้นมาทันทีที่เห็น โม่หลิวเฟิงที่กำลังเดินออกมา เธอถึงขนาดก้มหัวลงเพื่อตรวจดูชุดของตัวเองแล้วก็วางท่าอย่างดีที่สุด ในระหว่างนั้นเธอก็ดึงแขนเสื้อของลูกพี่ลูกน้องไปด้วย เพื่อบอกเป็นนัยๆบอกให้เขาสนใจคนที่กำลังเดินออกมา
มู่หรงเสวี่ยที่ไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบแวบประกายความสนุกขึ้นมา เธอยังเด็กมากจริงๆแต่ท่าทางที่อยู่ดีๆก็เปลี่ยนไปของเธอทำให้เธอสนใจ
“คุณชายใหญ่” คนเฝ้าประตูโค้งหัวลงเพื่อทำความเคารพโม่หลิวเฟิงที่เดินออกมานอกประตูด้วยความเคารพ
หลงเหมยจิ่งตั้งใจเดินมาที่มู่หรงเสวี่ยและบังร่างของ มู่หรงเสวี่ยเอาไว้ บนใบหน้าเธอมีรอยยิ้มที่แสนหวาน “คุณชายโม่ ฉัน…”
โม่หลิวเฟิงขมวดคิ้วและมองไปที่หลงเหมยจิ่งที่ทำตัวเหมือนพวกผู้หญิงบ้าบอพวกนั้น โดยไม่หยุดเขาเดินตรงเข้าไปหามู่หรงเสวี่ยและเผยรอยยิ้มสดใสออกมา
“เสี่ยวเสวี่ย ในที่สุดเธอก็มาจนได้นะ คุณปู่กำลังรอเธออยู่นานแล้วนะ…”
มู่หรงเสวี่ยเองก็เผยรอยยิ้มออกมาเช่นกัน “ฮ่าฮ่า ฉันก็ไม่เจอคุณปู่โม่มานานแล้วเหมือนกัน ฉันคิดถึงท่านจัง…”
ภาพทั้งสองคนที่ดูสนิทสนมกันทำให้สีหน้าของ หลงเหมยจิ่งและลูกพี่ลูกน้องซีดเผือดในทันที แต่ก็ยังรู้สึกไม่อยากที่จะเชื่อสายตาตัวเองอยู่ดี
ลูกพี่ลูกน้องเธอนึกถึงเรื่องที่เพิ่งจะพูดออกไปเมื่อกี้แล้วเขาก็รู้สึกตื่นตระหนกในหัวใจเล็กน้อย มันจบแล้ว เขาถึงขนาดเคยทำร้ายผู้หญิงส่วนใหญ่มาแล้วด้วย
“งั้นเข้าไปข้างในกันเถอะ แล้วคนนี้?” โม่หลิวเฟิงเห็น มู่หรงจับไปที่แขนของเด็กหนุ่มจึงถามออกมา
“นี่เพื่อนฉันเอง ฉันไม่มีแฟนก็เลย…พี่โม่คงไม่รังเกียจใช่ไหมที่ฉันพาเพื่อนมาด้วย” มู่หรงพูดออกมาอย่างซุกซน
ความไม่พอใจในสายตาถูกสายลมพัดผ่านไป “เพื่อนงั้นเหรอ?” หลังจากที่เขามองหัวจรดเท้าของหลิวฮัวลี่แล้วก็ดูเหมือนว่าเขาก็พอจะเดาได้
“คุณชายโม่ เป็นเกียรติมากที่ได้เจอคุณเป็นครั้งแรก ผมหลิวฮัวลี่!” หลิวฮัวลี่ยื่นมือขวาของเขาออกไป
โม่หลิวเฟิงเองก็ยื่นมือออกไปเช่นกัน ทั้งสองจับมือกันแบบสบายๆ “สวัสดีนะ ฉันโม่หลิวเฟิง!” เมื่อเขาปล่อยมือ เขาก็พูดออกมาว่า “เข้าไปข้างในก่อนเถอะแล้วค่อยคุยกัน”
“เดี๋ยวค่ะ!” มู่หรงเสวี่ยเดินไปที่หลงเหมยจิ่งและพูดออกมา “เธอช่วยพูดเรื่องที่พูดเมื่อกี้ซ้ำอีกทีได้ไหม?”
หลงเหมยจิ่งกำมือตัวเองแน่นพร้อมทั้งกัดฟันกรอด เธอไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เธอไม่มีความกล้าที่จะมีเรื่องกับตระกูลโม่หรอก หลังจากที่ได้ฟังบทสนทนาของพวกเขาแล้วเธอก็ไม่เข้าใจเลยว่าเธอพลาดตรงไหน คนที่ถูกคุณโม่เชิญมาเองจะต้องเป็นคนที่มีความสัมพันธ์ที่ดีด้วยมากแน่ๆ
“ฉันขอโทษนะ เมื่อกี้เป็นความผิดของฉันเอง ไม่ต้องสนใจเรื่องที่พูดเมื่อกี้หรอกนะ” ลูกพี่ลูกน้องของเธอก้มหัวลงและโค้งอยู่สักพัก เขาอยากที่จะเอาหน้าแทรกแผ่นดินจริงๆ ถึงแม้เขาจะกิน, ดื่มและเล่นการพนันอยู่ตลอดทั้งวัน แต่เขาก็รู้ดีว่าใครที่ไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง ตระกูลโม่สามารถจัดการตระกูลหลิวได้ในพริบตา
มู่หรงเสวี่ยแสยะ ไม่อยากที่จะสนใจสองคนนี้ “ไปกันเถอะพี่โม่!”
โม่หลิวเฟิงเองก็มองไปที่ทั้งสองคนอย่างเย็นชา ทำให้หลงเหมยจิ่งและพี่ชายของเธอที่เดิมก็หน้าซีดอยู่แล้วยิ่งซีดเผือดมากขึ้นไปอีกทันที
มู่หรงเสวี่ยและคนที่เหลือเดินยิ้มเข้าไปข้างในปล่อยให้อีกสองคนที่เหลือยืนนิ่งราวกับเป็นน้ำแข็งอยู่ที่หน้าประตู
“เธอบอกเองไม่ใช่เหรอว่าสองคนนั้นไม่มีชาติตระกูลน่ะ?” เมื่อโม่หลิวเฟิงและคนที่เหลือเดินห่างออกไปไกลแล้ว ลูกพี่ลูกน้องเธอก็พูดออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
หลงเหมยจิ่งก็โกรธมากพออยู่แล้ว ศักดิ์ศรีของเธอเพิ่งจะหายไป เธอถูกตีหน้าให้แตกเป็นเสี่ยงๆอีกแล้ว ทำไมมู่หรงเสวี่ยถึงได้ข้ามหัวเธอไปตลอดน่ะ แล้วเธอก็ยังสนิทกับตระกูลโม่อีกด้วย… “ใครจะรู้ว่าเธอจะใช้อะไรเพื่อที่จะไต่ขึ้นไปสนิทกับตระกูลโม่แบบนี้?” เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงบูดบึ้ง
ไม่ว่ายังไงก็ยังต้องเข้าไปในงานปาร์ตี้ นี่เป็นโอกาสที่เธอจะได้เปิดตัวเพราะเธอกับลูกพี่ลูกน้องต้องพยายามอย่างหนักกว่าที่จะได้จดหมายเชิญนี่มา
ถึงแม้เธอจะปีนขึ้นไปหาตระกูลโม่ไม่ได้ แต่ก็ยังมีตระกูลอื่นอีก ถ้าพวกเธอได้ขึ้นไปอยู่ในชนชั้นอันดับสองแค่นี้ก็ถือว่าคุ้มมากแล้ว เธอไม่กล้าที่จะนึกถึงตระกูลระดับสูงสุดอย่างตระกูลโม่หรอก
แค่นี้ก็โชคดีมากแล้วที่เมื่อกี้เธอไม่ถูกเตะออกมาจากงาน หลงเหมยจิ่งไม่คิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะปล่อยพวกเธอไปง่ายๆแบบนี้ เธอคิดว่ามู่หรงเสวี่ยจะต้องหาโอกาสแก้แค้นพวกเธอแน่ๆ
ถึงอย่างงั้นเธอก็จะไม่มีวันคิดว่ามู่หรงเสวี่ยดีไปกว่าเธอแน่ๆ ต้องเป็นคุณชายโม่แน่ๆที่เธอใช้ตัวเข้าแลกเพื่อที่จะไต่เต้าขึ้นไป ในเมื่อมู่หรงเสวี่ยทำได้ เธอก็ไม่เชื่อว่ามู่หรงเสวี่ยจะดีไปกว่าเธอ ในตอนนี้จิตใจของหลงเหมยจิ่งบิดเบี้ยวไปหมดแล้ว
“พี่โม่ อ้ายลี่อยู่ไหนคะ? ทำไมฉันถึงไม่เห็นเธอเลย?” มู่หรงเสวี่ยถาม
“เธอยังเตรียมตัวอยู่เลย คืนนี้คุณปู่บอกว่าท่านจะเปิดเผยตัวตนของเธอหลังจากที่ปกป้องเธอมานาน ดังนั้นมันถึงเวลาที่เธอจะต้องโตขึ้นแล้ว…” โม่หลิวเฟิงพูดพร้อมรอยยิ้ม “ตั้งแต่ตอนนั้นมันก็ผ่านมานานมากแล้วและคุณปู่เองก็บอกว่าท่านแก่มากแล้วด้วย”
“พี่โม่ ไม่ต้องห่วงนะ อ้ายลี่เข็มแข็งอย่างมาก” มู่หรงเสวี่ยพูดพร้อมรอยยิ้มเมื่อนึกถึงเด็กสาวที่เข้มแข็งคนนั้น อันที่จริงเธอเห็นมาอย่างชัดเจนมากกว่าใครๆ เธอคิดว่าตัวเองจะต้องเป็นภาระของคนอื่นหลังจากที่เธอโตขึ้นจึงรีบเปลี่ยนแปลงตัวเองทันที
“ขอบคุณนะมู่หรง!” เขารู้สึกขอบคุณมู่หรงเสวี่ยอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเพราะเธอช่วยรักษาคุณปู่หรือเริ่มธุรกิจกับอ้ายลี่ก็ตาม เขารู้สึกขอบคุณเธออย่างมาก
“ฉันชินแล้วแหละ ไม่ต้องทางการกับฉันมากหรอก” มู่หรงเสวี่ยเผยรอยยิ้มกว้าง
“ไปกันเถอะ ไปหาคุณปู่กันก่อน” โม่หลิวเฟิงพูด
มู่หรงพยักหน้า เธอเองก็คิดแบบนั้นไว้เหมือนกัน เธอมองไปที่หลิวฮัวลี่ที่อีกฝั่งและถามด้วยสายตา
“ฉันจะไปลงทะเบียนของขวัญทางนั้นก่อนแล้วกัน เธอไปเถอะ” หลิวฮัวลี่ไม่อยากที่จะไปเจอเขา
คำตอบของหลิวฮัวลี่ทำให้ดวงตาของโม่หลิวเฟิงแวบประกายพอใจ ถึงแม้การพาเขาไปด้วยมันจะเป็นเรื่องที่ไม่เสียหาย แต่มันก็คงจะไม่ค่อยเหมาะเท่าไร
มู่หรงเสวี่ยเองก็คิดถึงจุดนี้ด้วยเหมือนกัน เธอต้องรับผิดชอบก็แค่เพียงการพาเขาเข้ามาที่นี่ส่วนเรื่องที่ต่อไปเขาจะทำยังไงมันเป็นเรื่องความสามารถของหลิวฮัวลี่เองทั้งหมด
“รุ่นพี่เชิญตามสบายนะคะและถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันได้เลยนะ!” ถึงแม้จะไม่มีใครกล้าที่จะสร้างปัญหาในงานปาร์ตี้นี้ แต่ถ้าเผื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น มู่หรงเสวี่ยก็ยังไม่ลืมว่าเธอเป็นคนที่พาเขาเข้ามาในงานดังนั้นเธอก็ต้องให้ความสนใจเขาหน่อย
“ได้เลย!” หลิวฮัวลี่ยิ้มและหันเดินไปทางอื่นที่เป็นจุดลงทะเบียนของขวัญของแขกคนอื่นๆ
มู่หรงเสวี่ยยังถือกล่องของขวัญอยู่ เธอต้องเป็นคนที่ยื่นของขวัญให้คุณปู่โม่เอง ยังไงซะมันก็ไม่ใช่ของขวัญธรรมดา
ทันทีที่โม่หลิวเฟิงและมู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไปในงานเลี้ยง พวกเธอก็ดึงดูดความสนใจของคนได้มากมาย
แสงไฟในฮอลล์กำลังส่องแสงและการประดับคริสตัลหลายชุดนั้นงดงามและน่าตื่นตาอย่างมาก ชายและหญิงในเสื้อผ้าที่สวยงามต่างก็ยืนกันอยู่ในท่วงท่าสง่างามในห้องโถง กำลังกระซิบ, ทำปากและยิ้ม ผู้คนทุกหนทุกแห่งมีความสง่างามที่ดึงดูดสายตาของผู้คนได้มากมาย
ยังไงซะนี่ก็เป็นงานเลี้ยงระดับเฟิร์สคลาสของเมืองหลวงที่ผู้คนต่างก็ยิ้มแย้มและให้ความรู้สึกสบายใจ
ทันใดนั้นดวงตาของมู่หรงเสวี่ยก็เบิกกว้าง ภายในงานเธอเห็นคนที่คุ้นเคยมากมาย งานเลี้ยงนี้เชิญคนดังทั่วทั้งเมืองหลวงมาหมด เธอเห็นชางกวนโม่, ชางกวนหลิน, ไป๋เสวี่ยหลี่, ชูอี้เสิ่น, ครอบครัวของจางหลินหลี่ รวมทั้งฉินเมิ่งหยาและ ชูหลิงหลิงที่เคยมีเรื่องกันมาก่อนหน้านี้ด้วย รวมทั้งคนที่เธอเกลียดที่สุดในชีวิตฟางฉีฮัวก็มาด้วย
โม่หลิวเฟิงดูเหมือนจะสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของมู่หรงเสวี่ย เขาถามออกมาด้วยเสียงเบา “มู่หรงเสวี่ย มีอะไรหรือเปล่า?”
มู่หรงส่ายหัวและเผยรอยยิ้มผ่อนคลาย “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่เจอคนรู้จักหลายคนเลย…”
โม่หลิวเฟิงมองตามสายตาของมู่หรงเสวี่ยไปและเห็นชางกวนโม่และคนอื่นๆ ดวงตาของเขาก็แวบประกายแล้วจึงพูดออกมา “คุณปู่อยู่ทางนี้ ไปกันเถอะ!”
“คุณปู่โม่!” มู่หรงจับแขนโม่หลิวเฟิงและเดินเข้าไปหาคุณปู่ของเขา
“หนูมู่หรง เข้ามาหาปู่โม่หน่อยสิ!” โม่ฉางเฟิงเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของมู่หรงเสวี่ยพร้อมทั้งเดินกอดแขนหลานชายของเขาเข้ามาอีกด้วย
มู่หรงเสวี่ยเดินเข้าไปพร้อมรอยยิ้มและพูดออกมาอย่างยิ้มแย้ม “สุขสันต์วันเกิดนะคะคุณปู่โม่ หนูขอให้คุณปู่มีความสุขมากๆ สุขภาพร่างกายแข็งแรง ร่ำรวย อายุยืนหมื่นๆปีไปเลยนะคะ”
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า โอเค โอเค!” โม่ฉางเฟิงหัวเราะ “มาเถอะหนูมู่หรง เดี๋ยวปู่แนะนำให้รู้จักนะ สองคนนี้เป็นเพื่อนรักของปู่เอง นี่คือนายใหญ่ของตระกูลชูและนี่คือนายใหญ่ของตระกูลฉิน!”
มู่หรงเสวี่ยเพิ่งจะเคยเจอคนแก่สองคนที่มีกำลังแข็งแรงเหมือนกับคุณปู่โม่ แต่เธอก็ไม่รู้จักตัวตนของพวกเขา แต่เธอก็ยังเอ่ยปากทักทายพวกเขาออกไปอย่างสุภาพ “คุณชูและคุณฉิน เป็นเกียรติของฉันมากที่ได้เจอพวกคุณเป็นครั้งแรก” มู่หรงโค้งทักทายตามธรรมเนียมของผู้ที่เด็กกว่า
“ตาแก่โม่ ไปรู้จักเด็กสาวสวยแบบนี้ได้ยังไงกัน? น่ารักมากจริงๆ!” คุณปู่ฉินพูดออกมาอย่างสบายๆ ท่าทางของมู่หรงทำให้เขาพอใจอย่างมาก
ถึงแม้มู่หรงเสวี่ยจะไม่ใช่สมาชิกของตระกูลในเมืองหลวง แต่เธอก็เป็นลูกสาวของตระกูลที่ร่ำรวยของจังหวัด A มารยาทของเธอก็ไม่น่าที่จะเลวร้าย
เธอสนใจเรื่องชื่อของพวกเขาเป็นพิเศษ สำหรับผู้ใหญ่ที่ไม่คุ้นเคย มันก็คงเป็นเรื่องที่ไม่สุภาพเท่าไรถ้าเธอจะเรียกพวกเขาออกมาตรงๆว่าคุณปู่ชูและคุณปู่ฉิน
“แม่หนู คงไม่ได้ลืมปู่ชูใช่ไหม?” ชูกล่าว
มู่หรงยิ้มอย่างโอบอ้อม “หนูจะลืมได้ยังไงคะ? คุณปู่ของหนูก็พูดถึงคุณอยู่บ่อยๆ”
“ตาแก่ชู อย่าพยายามมาแย่งความสนใจแม่หนูของฉันนะ ไปให้พ้นเลย!” โม่ฉางเฟิงกล่าว
“เสี่ยวเสวี่ยไปเป็นแม่หนูของนายได้ยังไง?” ชูพูดออกมาอย่างไม่พอใจ
ปู่ฉินมองเพื่อนทั้งสองที่สู้กับเพื่อแย่งชิงเด็กสาว สายตาของเขาแวปประกายแปลกใจ เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่ มู่หรงเสวี่ย
เด็กสาวเพียงแค่ยืนอยู่เงียบๆข้างๆเขา พร้อมกับรอยยิ้มเล็กน้อยที่มุมปาก สีหน้าของเธอดูตื่นๆเล็กน้อยแตกต่างจากลมหายใจที่นิ่งสงบ แต่ก็เพียงแค่ยืนอยู่เฉยๆ เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เธอ เธอช่างเป็นเด็กสาวที่สมบูรณ์แบบจริงๆแต่ก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกสาวของตระกูลไหนกัน?!
หลังจากนั้นไม่นาน ตาแก่โม่และตาแก่ชูที่กำลังเถียงกันอยู่ก็ถูกโม่หลิวเฟิงพูดขัดจังหวะขึ้นมา
ในตอนนี้มู่หรงก็ยื่นกล่องหยกที่อยู่ในมือให้กับคุณปู่โม่ “คุณปู่โม่ค่ะ นี่สำหรับคุณปู่ค่ะ หนูหวังว่าคุณปู่จะชอบนะคะ!”
คุณปู่โม่รับกล่องของขวัญไปและไม่ยอมวางลง เขาถือมันไว้ในมือ คนรับใช้ที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างก็มองเขาอย่างประหลาดใจแล้วก็รีบเดินหลบไป
คุณปู่ชูเองก็สังเกตเห็น จึงเปิดปากพูดออกมา “หนูมู่หรงให้อะไรมา ตาแก่โม่รีบเปิดให้พวกเราดูหน่อยสิ!” เมื่อเห็นว่าตาแก่โม่ถือกล่องไว้ในมือแน่น เขาก็รู้สึกสงสัยขึ้นมานิดหน่อย ถึงแม้จะชอบหนูมู่หรงมากขนาดไหนแต่ก็ไม่เห็นจะจำเป็นต้องกอดกล่องของขวัญไว้ในมือแบบนี้เลย
คุณปู่ฉินเองก็สนใจอยู่เหมือนกันจึงมองไปที่กล่องหยกที่อยู่ในมือของคุณปู่โม่ มันถูกมาในกล่องหยก ของที่อยู่ข้างในคงไม่ธรรมดาแต่เด็กสาวแบบนั้นจะมีของขวัญที่ล้ำค่ามากมายได้ยังไงกัน?!
แต่เมื่อเขามองไปที่หยกมรกตที่อยู่รอบคอมู่หรงเสวี่ย เขาก็เก็บความคิดที่เป็นไปไม่ได้กลับไป…แต่เขาจะจำลูกหลานของตระกูลแห่งเมืองหลวงที่เหมือนกับมู่หรงเสวี่ยไม่ได้ได้ยังไงกันล่ะ?