เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 520
ในเวลาเดียวกันนี้
ณ ห้องทำงานประธาน
“หนิงชิงเฉิง?”
ได้ยินคำรายงานของพนักงานต้อนรับ
เย่เมิ่งเหยียนขมวดคิ้ว
กับชื่อหนิงชิงเฉิงนี้ เย่เมิ่งเหยียนก็ไม่ใช่ไม่รู้จัก
พูดได้ว่า หนิงชิงเฉิงเป็นไออดอลของเย่เมิ่งเหยียนเสมอมา
ได้ยินมาว่าหนิงชิงเฉิง ก่อตั้งชิงเฉิงกรุ๊ปเมื่อตอนอายุยี่สิบปี
ใช้เวลาเพียงสั้นๆ ไม่ถึงหกปี
ก็เปลี่ยนชิงเฉิงกรุ๊ปจนกลายเป็นธุรกิจมหาอำนาจทางตอนเหนือ
และจากเธอคนธรรมดาก็กลายเป็นควีนแห่งวงการค้าทางตอนเหนือ
ไม่พูดไม่ได้ว่า นี่คือตำนานเรื่องหนึ่ง!
อีกทั้งเกี่ยวกับข่าวลือของหนิงชิงเฉิง ก็มากมาย
มีคนบอกว่าเธอคือ คุณหนูตระกูลหนิงผู้มั่งมีในจงโจว
และก็มีคนบอกว่าเธอคือ อัจฉริยะทางด้านธุรกิจคนหนึ่ง
บางคนก็บอกว่า เธอได้รับความช่วยเหลือจากผู้สูงศักดิ์ลึกลับ ถึงได้ประสบความสำเร็จในคราวเดียว!
สรุปแล้ว หนิงชิงเฉิงผู้นี้ มีความลึกลับอย่างมาก
วันนี้
ผู้ลึกลับ ควีนแห่งวงการค้าที่แข็งแกร่งเช่นนี้มาหาเธอ มีเรื่องอะไรกัน?
สิ่งนี้ทำให้เย่เมิ่งเหยียนงุนงงอย่างมาก
ในขณะเดียวกัน
ติ๊ง!
เพียงได้ยินเสียงดังขึ้น
ประตูลิฟต์ก็เปิดออก
หนิงชิงเฉิงและคนอื่นๆ ก็มาถึงชั้นบนสุดโดยตรง
ตึง! ตึง! ตึง!
ชั่วพริบตาเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ทำงานทั้งหมด สายตาก็รวมกัน
เมื่อผู้ชายเห็นหนิงชิงเฉิง แต่ละคนก็เบิกตาโพลง ด้วยความตกตะลึง!
เมื่อผู้หญิงเห็นหนิงชิงเฉิง แต่ละคนก็ก้มหน้าด้วยความอับอาย อิจฉาและหมั่นไส้
งดงาม!
หนิงชิงเฉิง สวยอย่างมากจริงๆ
โดยเฉพาะ ออร่าอันทรงพลังของเธอ
ด้วยนิสัยที่ของหญิงงามภูเขาน้ำแข็งที่เป็นธรรมชาติโดยสมบูรณ์ ทำให้เธอเสมือนกับราชินีผู้สูงส่งคนหนึ่ง!
ใครได้พบเห็น ก็อดไม่ได้ที่จะทำความเคารพ
กับสายตาของคนเหล่านี้
หนิงชิงเฉิงก็ไม่ได้แสดงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ
เธอเคยชินกับทุกสิ่งทุกอย่างนี้แล้ว
สวีโหย่วหรงที่อยู่ข้างๆ มีสีหน้าที่เหยียดหยาม
พวกบ้านนอกคอกนา ไม่เคยได้เจอโลก
เธอคว้าพนักงานชายที่อยู่ระหว่างทางเดินคนหนึ่งเอาไว้ แล้วกล่าวอย่างใช้อำนาจบาตรใหญ่ว่า: “เย่เมิ่งเหยียนอยู่ไหน?”
เผชิญหน้ากับการกระทำของสวีโหย่วหรงที่ไม่มีมารยาทเช่นนี้
พนักงานชายก็กล่าวด้วยความโมโหเดือดดาลว่า: “พวกคุณเป็นใคร?”
เพียะ!
สวีโหย่วหรงไม่พูดพร่ำทำเพลง ตบลงไปบนหน้าของพนักงานขายอย่างรุนแรง แล้วกล่าวอย่างเหยียดหยามว่า: “ไอ้พวกรนหาที่ตาย!”
“แก……”
ถูกตบไปหนึ่งฉาด พนักงานชายเดือดดาลขึ้นมาทันที
ขณะที่ต้องการจะตบคืน บอดี้การ์ดรูปร่างสูงใหญ่สองคนก็เดินเข้ามา ดวงตาทั้งคู่จ้องมองเขาอย่างโหดเหี้ยม
พนักงานชายจึงรับสารภาพ
เขารู้ว่า ผู้ช่วยคนนี้ไม่ควรไปยั่วโมโห
ไม่มีทางเลือก พนักงานชายจึงใช้นิ้วชี้ด้วยความสั่นไปยังห้องทำงานห้องหนึ่งที่อยู่ด้านในสุด
“หลีกไป!”
สวีโหย่วหรงปล่อยพนักงานชายคนนั้น
ทันใด
พนักงานชายตกใจจนฉี่ราด และรีบคลานหนีไป!
เชอะ!
เมื่อเห็นเช่นนี้
สวีโหย่วหรงความเหยียดหยามบนใบหน้า ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
พวกบ้านนอกคอกนาไม่เคยเปิดหูเปิดตา!
หลังจากนั้น
เธอก็เดินมายังตรงหน้าหนิงชิงเฉิง แล้วกล่าวอย่างเคารพนบนอบว่า: “คุณหนู ถามเสร็จเรียบร้อยแล้วค่ะ!”
หนิงชิงเฉิงพยักหน้า
สวีโหย่วหรงเดินนำหน้าไปทันที
ผ่านไปชั่วประเดี๋ยวเดียว
ทุกคนก็มาถึงหน้าประตูห้องทำงานของเย่เมิ่งเหยียน
โครม!
เสียงดังอย่างมาก
เท้าของสวีโหย่วหรง ถีบเข้าไปอย่างรุนแรง!
ประตูใหญ่ห้องทำงาน ถูกถีบจนเปิดออก
เย่เมิ่งเหยียนที่กำลังอยู่ในห้องทำงาน ตกใจจนแทบกระโดด
เธอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นหนิงชิงเฉิงและคนอื่นๆ เดินเข้ามา
เย่เมิ่งเหยียนขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า: “พวกคุณคือ…….”
ไม่รอให้เย่เมิ่งเหยียนพูดจบ
หนิงชิงเฉิงก็นั่งลงตรงหน้าของเธอโดยตรง
กลิ่นอายอันเยือกเย็น ส่งกระจายออกมาในรวดเดียว
และสวีโหย่วหรงก็เดินเข้ามา แสดงออกอย่างสูงส่งยโสโอหัง และกล่าวถามว่า: “คุณก็คือเย่เมิ่งเหยียนใช่ไหม?”
เย่เมิ่งเหยียนกล่าวด้วยสีหน้าที่เย็นชาว่า: “ฉันคือเย่เมิ่งเหยียน! พวกคุณเป็นใครกัน? ทำไมถึงไม่มีมารยาทเช่นนี้?”
ตุ๊กตาดินยังมีอารมณ์โกรธสามส่วน
ก็ไม่ต้องพูดถึงเย่เมิ่งเหยียน