เทพสงครามพิทักษ์โลก บทที่ 521
คนกลุ่มนี้บุกเข้ามาห้องทำงานของตนเอง

ยังมาซักถามตนเองอีก?

คิดว่าจะรังแกตนเองได้ง่ายๆ จริงๆ เหรอ?

สวีโหย่วหรงคาดไม่ถึงว่า เย่เมิ่งเหยียนจะกล้าตอกกลับ

เธอจึงกล่าวอย่างเดือดดาลว่า: “ตาบอดเหรอ! จะบอกคุณให้นะ นี่คือคุณหนิงชิงเฉิงประธานชิงเฉิงกรุ๊ปส่วนฉัน——”

“เป็นเลขาฯข้างกายของคุณหนิง!”

ขณะที่พูดถึงประโยคนี้

สวีโหย่วหรงก็เงยหน้า มองเย่เมิ่งเหยียนด้วยสีหน้าเหยียดหยาม

ราวกับว่าเย่เมิ่งเหยียนที่อยู่ตรงหน้าเธอ เป็นเพียงแค่มดที่ต่ำต้อยด้อยค่าตัวหนึ่งเท่านั้น!

เป็นอย่างนั้นจริงๆ!

ด้วยสถานะของสวีโหย่วหรงนี้ ปกติคนที่ประจบประแจงเธอ ล้วนบอกว่าเป็นคนร่ำรวย และมีเกียรติในทุกหนทุกแห่ง!

บริษัทเล็กๆ อย่างเฟิงเมิ่งกรุ๊ป ไม่ได้อยู่ในสายตาของเธอโดยสิ้นเชิง!

ยิ่งไปกว่านั้น

เธอกลายเป็นเลขาฯของหนิงชิงเฉิง ไม่ใช่คนไร้สมองพวกนั้น

เธอครุ่นคิดภายในใจ

ตนเองพูดจาไร้มารยาทหลายต่อหลายครั้ง ก็ไม่เห็นว่าหนิงชิงเฉิงจะห้ามปราม!

นี่ยิ่งทำให้เธอรู้ว่า

ความหมายของหนิงชิงเฉิง ก็คือต้องการให้เธอสั่งสอนเฟิงเมิ่งกรุ๊ป สั่งสอนเย่เมิ่งเหยียน

เวลานี้

เย่เมิ่งเหยียนก็เข้าใจแล้วว่า

คนเหล่านี้ ก็คือคนของชิงเฉิงกรุ๊ป

และสาวสวยเพริศพริ้งที่อยู่บนโซฟาตรงหน้า ไม่พูดจาแม้แต่คำเดียว

ก็คือประธานของชิงเฉิงกรุ๊ปที่มีชื่อเสียงโด่งดัง——หนิงชิงเฉิง!

หนิงชิงเฉิงนั่งอยู่บนโซฟา ค่อยๆ หยิบถ้วยชาบนโต๊ะขึ้นมา

เธอชงชาให้ตนเองถ้วยหนึ่ง แล้วดื่มอย่างช้าๆ

คล้ายกับว่า——

ไม่สนใจแม้แต่น้อย กับคำตำหนิของสวีโหย่วหรงต่อเย่เมิ่งเหยียน

อีกฝ่าย

ช่างเป็นแขกที่แย่เสียจริงๆ!

“หึหึ!”

ทันใดนั้น

เย่เมิ่งเหยียนก็หัวเราะเยาะ แล้วกล่าวอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อยว่า: “นี่พวกคุณก็คือคนของชิงเฉิงกรุ๊ปใช่ไหม? ฉันยังคิดว่า ในฐานะที่ชิงเฉิงกรุ๊ปเป็นกรุ๊ปที่ใหญ่อันดับหนึ่งในจงโจว แล้วคนภายในจะมีคุณสมบัติครบถ้วน”

“คาดไม่ถึงเลยว่า เลขาฯที่เอาแต่ใจคนหนึ่ง จะกล้ามาตำหนิฉัน หรือคิดว่าเฟิงเมิ่งกรุ๊ปของฉันน่ารังแกเหรอ? เชื่อไหมล่ะว่าฉันสามารถให้ร.ป.ภมาไล่พวกคุณออกไปได้!”

เวลานี้

เย่เมิ่งเหยียนก็เผด็จการขึ้นมาอย่างหาได้ยาก!

คำพังเพยได้กล่าวเอาไว้ว่า

ม้าดีโดนคนขี่ คนดีโดนคนแกล้ง

สวีโหย่วหรงผู้นี้ ไม่เห็นตนเองอยู่ในสายตา

ถ้าหากตนเองเป็นคนอ่อนแอ

บางทีเธอก็ยังคิดว่าตนเองน่ารังแก

“แก……..”

สวีโหย่วหรงโมโหเดือดดาล

เธอเป็นเลขาฯข้างกายของประธานชิงเฉิงกรุ๊ปผู้สง่าผ่าเผย

เดินไปทางไหน คนอื่นต่างก็เคารพนบนอบ

แต่เย่เมิ่งเหยียนที่อยู่ตรงหน้า เป็นแค่ประธานบริษัทเล็กๆ คนหนึ่ง กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับตนเอง?

หรือว่าเธอรนหาที่ตาย!

“พอได้แล้ว!”

ขณะที่สวีโหย่วหรงกำลังจะโมโห

ในที่สุดหนิงชิงเฉิงก็เอ่ยปาก

“คุณหนู!”

สวีโหย่วหรงมีสีหน้าร้อนใจ

หนิงชิงเฉิงขมวดคิ้ว แล้วกล่าวอย่างเย็นชาว่า: “คุณได้ยินคำพูดของฉันไหม? ถอยออกไป!”

“ค่ะ!”

ถึงแม้ภายในใจจะไม่ยินยอม

แต่สวีโหย่วหรงก็ถอยไปอยู่ด้านข้างอย่างเชื่อฟัง

สุดท้าย

ก็ยังคงจ้องมองเย่เมิ่งเหยียนอย่างโหดเหี้ยม

เมื่อเย่เมิ่งเหยียนเห็นเช่นนี้

ก็แอบคิดภายในใจว่า เจ้าของแบบไหน ก็มีสุนัขแบบนั้นจริงๆ

หนิงชิงเฉิงผู้นี้

ความหยิ่งผยองมาจากในใจ และธาตุแท้

เพราะความเย่อหยิ่งของเธอ จึงได้มีสวีโหย่วหรงผู้โอหัง คอยเป็นหมาบ้าที่เห่าอย่างคลุ้มคลั่ง

เวลานี้

หนิงชิงเฉิงจึงเงยหน้าขึ้น ชำเลืองมองเย่เมิ่งเหยียน แล้วด้วยน้ำเสียงอันเป็นผู้เหนือชั้นกว่าว่า: “ฉันขอแนะนำตัวเองสักหน่อยนะ ฉันชื่อหนิงชิงเฉิง เป็นประธานของชิงเฉิงกรุ๊ปในจงโจว”

ได้ยินคำพูดของหนิงชิงเฉิงที่ยังนับว่ามีมารยาท

สีหน้าของเย่เมิ่งเหยียน ก็คลี่คลายลงมาเล็กน้อย

เธอจึงกล่าวแนะนำตัวเองขึ้นมา

“สวัสดีค่ะ ฉันคือเย่เมิ่งเหยียนประธานของเฟิงเมิ่งกรุ๊ปค่ะ”

ขณะที่เธอพูด หนิงชิงเฉิงก็พิจารณาเย่เมิ่งเหยียนอย่างละเอียด

ไม่พูดไม่ได้ว่า

เย่เมิ่งเหยียนเป็นสาวสวยที่หาได้ยาก

ในตงไห่ ก็นับว่าเป็นสาวสวยคนแรก

แต่เมื่อเทียบกับตนเองแล้ว ก็ยังค่อนข้างห่างชั้นอยู่ไม่น้อย