ตอนที่ 466 คิดที่จะหย่าภรรยา / ตอนที่ 467 ความรู้สึกสลดใจ

หวนแค้นชะตารัก

ตอนที่ 466 คิดที่จะหย่าภรรยา

 

 

ขณะที่จูอวี้ซิ่วกลับไปถึงจวนซิ่นอ๋อง ใบหน้าของนางทำแผลเรียบร้อยแล้ว มีผ้าขาวบางพันใบหน้าไว้ ถ้าแผลหาย ก็ยังทิ้งรอยแผลเป็นน่าเกลียดบนใบหน้า

 

 

จูอวี้ซิ่วไม่กล้ามองกระจก นางให้คนย้ายกระจกสัมฤทธิ์ออกไปจากห้อง นางนอนบนเตียง รอฟู่อี้หานมาเยี่ยม

 

 

ตามเหตุผล ฟู่อี้หานน่าจะได้ข่าวแล้ว แต่ฟู่อี้หานไม่มา

 

 

ยิ่งรอยิ่งสลดใจ ฟู่อี้หานไม่ได้มาดูนางจริงๆ

 

 

หลังจากฟ้ามืดในที่สุดฟู่อี้หานก็มา มีฟู่เยว่อี้ตามหลัง

 

 

พอเห็นฟู่อี้หาน จูอวี้ซิ่วก็มีความหวังทันที นางรู้ว่าสามีของนางยังเอาใจใส่นาง แต่พอประสานสายตาเย็นชาของฟู่อี้หาน นางก็รู้สึกเหมือนหัวใจโดนกระแทกอย่างแรง

 

 

“เกิดอะไรขึ้นอีกแล้ว? ข้าได้ยินว่าเจ้าอาละวาดที่วัดเหยียนหัว เจ้าคิดว่ายังขายหน้าไม่พอหรือ? อยู่ในวัดยังบังอาจเอะอะโวยวาย ให้ตระกูลมู่เห็นเจ้าเป็นตัวตลกอีก”

 

 

ฟู่อี้หานไม่ได้ปลอบใจนางแม้แต่คำเดียว ได้แต่ดุด่าต่อว่า น้ำเสียงรำคาญเต็มที ราวกับว่าจูอวี้ซิ่วทำให้เขาอับอายขายหน้า

 

 

จูอวี้ซิ่วนึกไม่ถึงว่าพอฟู่อี้หานเห็นหน้าก็ดุด่านางอย่างนี้ ในใจทั้งน้อยใจและโกรธเกรี้ยว “ท่านพี่ ใบหน้าข้าโดนซูจิ่วซือกรีดจนเป็นอย่างนี้ ท่านพี่ไม่ห่วงข้าเลยหรือ?”

 

 

“เป็นเพราะเจ้าไร้ปัญญา แค่ซูจิ่วซือตัวเล็กๆ ยังจัดการเจ้าได้ นังหมูโง่

 

 

ทำไมโง่เง่าอย่างนี้ ซูจิ่วซือวางกับดัก เจ้าก็กระโดดลงไปง่ายๆ กระโดดลงไปไม่เป็นไร ยังทำอับอายต่อหน้าตระกูลมู่ ทำให้จวนซิ่นอ๋องขายหน้าจนไม่มีอะไรเหลือแล้ว คนอย่างเจ้ามีเป็นชายาได้หรือ”

 

 

เสียงร้องไห้คร่ำครวญของจูอวี้ซิ่วทำให้ฟู่เฉินหรงยิ่งไม่พอใจ น้ำเสียงดุดันขึ้นอีก ในใจคิดจะเปลี่ยนภรรยาใหม่ วันหลังนางเสียโฉมจริงๆ คงพาออกหน้าไม่ได้ จะเป็นที่เย้ยหยัน

 

 

ให้คนอย่างนี้เป็นชายาได้อย่างไร ดูแล้วเขาควรหาผู้หญิงที่หน้าตาคล้ายจูอวี้ซิ่ว แต่สุภาพเรียบร้อยมาเป็นชายา

 

 

จูอวี้ซิ่วเป็นคนดึงดัน พอได้ยินอย่างนี้ ขอบตาแดงทันที พูดโพล่งออกมา “ท่านพี่หมายความว่าอย่างไร จะหย่าข้าหรือ?

 

 

ข้าแต่งงานกับท่านพี่ห้าปีแล้ว ห้าปีมานี้ข้ามีลูกให้ท่านพี่สองคนชายหญิง ทุ่มเทดูแลการงานในจวนซิ่นอ๋อง

 

 

เวลานี้ข้าถูกคนข่มเหง ท่านพี่ไม่ช่วยข้าแก้แค้น ยังบอกว่าข้าเป็นชายาไม่ได้ ทำไมท่านพี่ไร้น้ำใจอย่างนี้”

 

 

“เจ้ายังกล้ามาเถียง? เรื่องทั้งหมดเป็นหน้าที่ที่เจ้าต้องทำ หลายปีมานี้ข้าก็ดูแลเจ้าอย่างดี เมื่อก่อนข้ารู้สึกว่าเจ้าใช้ได้ เวลานี้เจ้าทำตัวโง่เง่าที่สุด แค่ซูจิ่วซือเจ้ายังรับมือไม่ได้ ไม่ดูว่าตัวเองมีความสามารถแค่ไหนแล้วรู้จักหยุด จนเกิดเรื่องอับอายขายหน้า”

 

 

ฟู่อี้หานยิ่งพูดยิ่งโกรธ รู้สึกว่าจูอวี้ซิ่วโง่เหมือนหมู แพ้ซูจิ่วซืออย่างย่อยยับ

 

 

“พี่ใหญ่ พูดเกินไป พี่สะใภ้บาดเจ็บ เวลานี้กำลังเสียใจ ผู้หญิงคนไหนบ้างไม่รักสวยรักงาม พี่ใหญ่ควรจะปลอบใจพี่สะใภ้บ้าง”

 

 

ฟู่เยว่อี้อยู่ข้างๆ พูดขอร้องแทนจูอวี้ซิ่ว

 

 

จูซูจิ่วซือนึกถึงวันนั้นที่ฟู่เยว่อี้แย่งคนจากมือนาง พอเห็นฟู่เยว่อี้ จึงพูดด้วยน้ำเสียงกระด้าง “เจ้าหุบปาก ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาเสแสร้งขอร้องแทนข้า ข้าเป็นอย่างนี้ เจ้าคงดีใจที่สุด!”

 

 

“พี่สะใภ้ …”

 

 

ฟู่เยว่อี้ขมวดคิ้ว ท่าทางน้อยใจ

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 467 ความรู้สึกสลดใจ

 

 

“เจ้ายังบังอาจมาว่าเยว่อี้ วันหลังการงานของจวนซิ่นอ๋องมอบให้เยว่อี้จัดการ เจ้าไม่ต้องมายุ่ง รักษาบาดแผลให้ดี อย่าออกไปทำขายหน้า”

 

 

พูดจบฟู่อี้หานก็หันหลังจากไป

 

 

จูอวี้ซิ่วโกรธจนเจ็บหน้าอก นางยื่นมือไปจับผ้าห่มบนตัว มองดูฟู่เยว่อี้ที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกไป ถลึงตาใส่ฟู่เยว่อี้ “ข้ารู้ว่าเจ้าอยากเห็นข้าเป็นตัวตลก ตอนนี้เจ้าก็เห็นแล้ว ไสหัวไปได้ ไม่ต้องมาเสแสร้งเอาใจใส่ข้า”

 

 

ฟู่เยว่อี้ขมวดคิ้ว สีหน้าเห็นใจ “พี่สะใภ้ ข้ารู้ว่าพี่สะใภ้อารมณ์ไม่ดี เราสองคนเป็นผู้หญิงเหมือนกัน ข้าเข้าใจความรู้สึกของพี่สะใภ้

 

 

แม้พี่สะใภ้ไม่ใช่ผู้หญิงสวย แต่ก็รักสวยรักงาม ซูจิ่วซือไม่ใช่คนมีเมตตา นางลงมือรุนแรงแน่

 

 

 

 

แผลเป็นบนใบหน้าคงลบไม่ออก ไม่รู้ว่าหลานทั้งสองพอเห็นพี่สะใภ้จะตกใจหรือไม่ ข้าจะช่วยปลอบใจหลานเอง พี่สะใภ้วางใจ”

 

 

จูอวี้ซิ่วเย้ยหยัน “ยินดีด้วย วันหลังการงานจวนซิ่นอ๋องเจ้าเป็นคนสั่งการ เจ้าคงขัดหูขัดตาข้าตั้งแต่แรก ฟู่เยว่อี้ ถึงเจ้าจะดูแลการงานจวนซิ่นอ๋องได้ แต่เจ้าจะทำไปตลอดชีวิตไม่ได้

 

 

เจ้าอายุไม่น้อยแล้ว อีกสองปีก็ถึงเวลาแต่งงาน พอถึงตอนนั้นการงานในจวนซิ่นอ๋องคงไม่เกี่ยวกับเข้า เจ้าเป็นองค์หญิงไม่ทำหน้าที่ของตัวเอง คิดแต่จะเข้ามายุ่มย่าม

 

 

ถ้าอยากเป็นเจ้าบ้านจวนซิ่นอ๋องจริงๆ ก็ให้ท่านพี่แต่งงานกับเจ้าผู้เป็นน้องสาวเสียเลย เจ้าจะได้อยู่จวนซิ่นอ๋องต่อไปอย่างเปิดเผย

 

 

คำพูดนี้เกินเลยไป ฟู่เยว่อี้เวลาอยู่ต่อหน้าคนอื่นจะร่าเริงน่ารัก เป็นที่ชื่นชอบของทุกคน

 

 

แต่คราวนี้สีหน้านางเปลี่ยนไป หลายปีมานี้นางอดทนกับจูอวี้ซิ่วเสมอ พอรู้ว่าจูอวี้ซิ่วไม่มีวันกลับมามีอำนาจอีก น้ำเสียงจึงเย็นชา “พี่สะใภ้ คำพูดนี้ถ้าพี่ใหญ่ได้ยินเข้า ตำแหน่งชายาคงไม่มั่นคงแน่ พี่สะใภ้พูดออกมาได้อย่างไร”

 

 

“เวลานี้ข้าไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ข้าอยากพัก ฟู่เยว่อี้ ถ้าเจ้าไม่มีธุระอะไรก็กลับไปเถอะ!”

 

 

“พี่สะใภ้ก็พักผ่อนเถอะ รักษาแผลให้ดี”

 

 

พูดจบฟู่เยว่อี้ก็หันหลังออกจากห้องของจูอวี้ซิ่ว พอพ้นห้อง สีหน้ายิ้มแย้มก็เลือนหายทันที จูอวี้ซิ่วหนอ คอยดูเถอะเจ้าจะอวดเก่งไปได้อีกกี่วัน ยังคิดว่าตนเองเป็นชายาอยู่หรือ

 

 

หลังจากฟู่เยว่อี้ออกไปแล้ว จูอวี้ซิ่วก็นอนเหม่ออยู่บนเตียง เฉี่ยวเชี่ยนซึ่งอยู่ข้างๆ เตือน “ชายา ไม่น่าลำบากพูดอย่างนี้ ควรจะพูดกับนายท่านกับองค์หญิงดีๆ”

 

 

“พูดดีแล้วจะเป็นอย่างไร นายท่านไม่คิดจะมาดูข้า ไม่อย่างนั้นคงปลอบใจข้าบ้าง เฉี่ยวเชี่ยน เจ้ายังดูไม่ออกหรือ? ข้าคงเป็นชายาต่อไปได้ไม่นาน”

 

 

จูอวี้ซิ่วทั้งโกรธและไม่ยอมแพ้ “ซูจิ่วซือทำกับข้าอย่างนี้เพราะความแค้น นายท่านเป็นสามีข้า แต่กลับไร้น้ำใจกับข้าอย่างนี้

 

 

ฟู่เยว่อี้นั่นอีก ปกติข้าก็ดีกับนาง แต่นางคิดจะเข้ามาแทนที่ข้า จวนซิ่นอ๋องน่าสลดใจจริงๆ เมื่อก่อนข้าพยายามดูแลการงานของจวนซิ่นอ๋อง ถือจวนซิ่นอ๋องเป็นบ้านของตัวเอง น่าหัวเราะ ข้ายังไม่ตายก็โดนทิ้งเสียแล้ว”

 

 

“ชายา อย่าพูดอย่างนี้ ชายายังมีคุณชายกับคุณหนูอยู่”

 

 

นึกถึงลูกทั้งสอง จูอวี้ซิ่วยิ่งปวดร้าว “หน้าตาข้าเป็นอย่างนี้จะไปดูหน้าลูกได้อย่างไร”

 

 

“เรื่องนี้ต้องโทษซูจิ่วซือ นางทำร้ายชายาอย่างนี้”

 

 

จูอวี้ซิ่วกัดฟันกรอด “คนที่ทำร้ายข้าก็คือนาง แต่คนที่ทำให้ข้าสลดใจก็คือคนจวนซิ่นอ๋อง ถ้าไม่ใช่ซูจิ่วซือ จนถึงเดี๋ยวนี้ข้าคงไม่รู้ว่าคนจวนซิ่นอ๋องไร้น้ำใจอย่างนี้

 

 

พวกนี้ไม่เคยถือว่าข้าเป็นคนในครอบครัว ครอบครัวนี้โหดเ**้ยมเหมือนกันหมด