ตอนที่ 685 ชื่นชอบอันหลิงเกอ
ดังนั้นหลิงเอ๋อจึงเริ่มขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง เดิมทีนางคิดว่ามู่จวินฮานอาจมาหาบ้างแต่เขาก็ไม่มา มิหนำซ้ำยังไม่ได้สนใจนางแม้แต่น้อย
ส่วนมู่จวินฮานรู้ว่าอันหลิงเกอไม่มีทางทำอันใดหลิงเอ๋อ ตรงกันข้ามหากมีอันหลิงเกอคอยปกป้อง ชีวิตของหลิงเอ๋อก็จะดีขึ้น แต่หลิงเอ๋อคิดเพียงว่าเป็นเพราะอันหลิงเกอจึงถูกมู่จวินฮานตีตัวออกห่าง
เมื่อความคิดแง่ลบหยั่งรากลึกในใจจนยากที่จะสั่นคลอน และด้วยความคิดนี้ความแค้นที่มีต่ออันหลิงเกอจึงฝังอยู่ในใจเสียแล้ว แม้นางอายุยังน้อยแต่ก็มีความรู้สึกริษยาเหมือนที่เหล่าสตรีพึงมี
ความรู้สึกเช่นนี้ได้ก่อให้เกิดความหึงหวงขึ้นมา นี่เป็นสิ่งที่อันหลิงเกอคาดมิถึง เพราะมิเคยคิดว่าสตรีที่อายุยังน้อยจักมีความกล้าและทะเยอทะยานมากเพียงนี้
ตอนที่อันหลิงเกอกลับมาและเดินผ่านเรือนของหลิงเอ๋อจึงนำข้าวในกระบอกไม้ไผ่ไปให้หลิงเอ๋อด้วย เพราะอยากดูแลเด็กสาวที่น่าสงสารผู้นี้และเพื่อเป็นการชดเชยให้แก่อีกฝ่าย
อันหลิงเกอรู้ว่ามู่จวินฮานมิอาจให้ความรักเช่นที่หลิงเอ๋อต้องการได้จึงใช้วิธีนี้เพื่อชดเชยให้ อันหลิงเกอเคาะประตูเล็กน้อย หลังได้ยินเสียงจึงเดินเข้าไปด้านใน
ตอนนี้หลิงเอ๋อกำลังนั่งศึกษาตำราหมากล้อมอยู่ริมหน้าต่าง หลังอันหลิงเกอได้เห็นภาพนั้นก็ได้แต่ส่ายหน้าโดยมิได้เอ่ยสิ่งใด หญิงสาวคนนี้เริ่มซึมซับความซับซ้อนของโลกเสียแล้ว ใช่ว่าการเรียนสิ่งเหล่านี้มิดีเพียงแต่อันหลิงเกออยากให้อีกฝ่ายใช้ชีวิตด้วยใจบริสุทธิ์ต่อไปมากกว่า
ทันทีที่อันหลิงเกอเข้ามาหลิงเอ๋อก็ได้กลิ่นหอมหวานลอยมาแตะจมูก ท่าทางที่หลิงเอ๋อทำจมูกเช่นนั้นทำให้อันหลิงเกออดหัวเราะออกมามิได้ หลิงเอ๋อเห็นเพียงอันหลิงเกอยกจานใบหนึ่งเข้ามาแต่มิรู้ว่าในจานนั้นคือสิ่งใด
อันหลิงเกอเห็นท่าทีของหลิงเอ๋อก็เปิดฝาครอบจานกระเบื้องออก กลิ่นหอมหวานของข้าวในกระบอกไม้ไผ่จึงลอยออกมาจนหลิงเอ๋อเผยรอยยิ้มที่มีความสุขโดยมิรู้ตัว เมื่อก่อนท่านพ่อท่านแม่ก็เคยทำให้นางทานและนางก็ชื่นชอบมันเป็นอย่างมาก
ตอนนี้ไร้ซึ่งบิดามารดาจึงไม่มีให้ทานอีกแล้ว ทุกวันนางเพียงอาศัยอยู่ในห้องที่ว่างเปล่าและเป็นทุกข์ยิ่งนัก ยามนี้เมื่อได้กลิ่นที่คุ้นเคยจากอาหารบนจานที่อันหลิงเกอถือเข้ามา จู่ ๆ น้ำตาของนางก็ไหลริน
บางทีอาจเพราะความใจแคบของตนก่อนหน้านี้หรืออาจเพราะความใจดีของอันหลิงเกอจึงทำให้นางอดที่จะร้องไห้มิได้
อันหลิงเกอเห็นหลิงเอ๋อร้องห่มร้องไห้ก็ทำตัวมิถูกจึงรีบวางจานลงก่อนจะช่วยซับน้ำตาให้
“เจ้าเป็นอันใด ? ”
การกระทำของอันหลิงเกอกลับทำให้หลิงเอ๋อร้องไห้หนักกว่าเดิมจนอันหลิงเกอรู้สึกสงสารยิ่งนัก เด็กสาวที่คล้ายกับตนเช่นนี้ปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าราวกับเป็นน้องสาวก็มิปาน แล้วจักมิให้เป็นห่วงได้เยี่ยงไร
มิว่าอันหลิงเกอปลอบอย่างไรหลิงเอ๋อก็ไม่หยุดร้อง จนเวลาผ่านไปเนิ่นนานเสียงร้องของนางจึงหยุดลง อันหลิงเกอเห็นท่าทางของหลิงเอ๋อก็รู้ว่าคงหิวเป็นแน่จึงหยิบข้าวในกระบอกไม้ไผ่ส่งให้นาง
กลิ่นหอมของข้าวที่ผสมกับกลิ่นหอมสดชื่นของไผ่ทำให้หลิงเอ๋อรู้สึกท้องร้องขึ้นมาก่อนจะก้มหน้าลงด้วยความเขินอาย อันหลิงเกอเห็นท่าทางน่ารักและไร้เดียงสาก็อดยิ้มอย่างเอ็นดูมิได้
ตอนนี้ทั้งสองคนเหมือนว่าลืมเรื่องราวที่เกิดขึ้นวันนั้นจนหมดสิ้น ภายในใจของหลิงเอ๋อก็มิได้รู้สึกเป็นศัตรูกับอันหลิงเกออีก นางตามอันหลิงเกอมาที่ห้องและยอมให้อันหลิงเกอสอนหมากล้อม
ฝีมือการเดินหมากของอันหลิงเกอยอดเยี่ยม หลิงเอ๋อจึงได้เรียนรู้มากมาย การได้อยู่ด้วยกันเช่นนี้ทำให้หลิงเอ๋อรู้สึกถึงเสน่ห์ของอันหลิงเกอที่เป็นสตรีงดงามทั้งยังฉลาดถึงเพียงนั้น ทำให้หลิงเอ๋อรู้สึกว่าตนช่างต่ำต้อยยิ่งนัก
อันหลิงเกอเห็นสีหน้าของหลิงเอ๋อเช่นนั้นก็รู้ว่าภายในใจของนางกำลังคิดอันใดอยู่
“เจ้ายังเด็ก ต่อไปเจ้าต้องโดดเด่นกว่านี้แน่นอน” อันหลิงเกอมิรู้ว่าเหตุใดยามที่คุยกับเด็กสาวคนนี้ก็มักจะอ่อนโยนด้วยเสมอ มิได้เย็นชาอย่างแต่ก่อนเลย
ปกติแม้แต่กับมู่จวินฮานแล้วน้ำเสียงของอันหลิงเกอก็ยังฟังเย็นชาอยู่บ้าง แต่เวลาพูดกับสาวน้อยผู้นี้น้ำเสียงของนางก็อ่อนโยนโดยมิรู้ตัว
เมื่อได้ยินอันหลิงเกอกล่าวเช่นนี้ หลิงเอ๋อจึงได้แต่พยักหน้าและทำให้รู้สึกผิดพร้อมละอายใจต่อความคิดชั่วร้ายของตนกว่าเดิม เวลานี้ในสายตาของนางเห็นอันหลิงเกองดงามมาก มิหนำซ้ำยังดูแลตนราวกับพี่สาวแท้ ๆ ก็มิปาน
ทว่าความรู้สึกในใจที่มีต่อมู่จวินฮานก็ยังคงอยู่ เพียงแต่มิรู้ว่าความรู้สึกที่มีต่อมู่จวินฮานนั้นเป็นเฉกเช่นพี่น้องเหมือนกับที่นางมีต่ออันหลิงเกอหรือเป็นความรู้สึกของชายหญิงกันแน่
เพราะหลิงเอ๋อถูกความรู้สึกบังตา ทำให้เหล่าที่ปรึกษาหลอกใช้นางเยี่ยงนี้ แม้อันหลิงเกอและมู่จวินฮานจะมองออกว่าความรู้สึกที่หลิงเอ๋อมีต่อมู่จวินฮานหาใช่ความรู้สึกระหว่างชายหญิงไม่
แต่ตัวของหลิงเอ๋อมิได้เข้าใจ ทั้งยังไม่รู้หัวใจของตนด้วยจึงทำให้ยึดติดและคิดว่าอันหลิงเกอเป็นศัตรูหัวใจ
ตอนนี้พวกนางยังมิได้รู้สึกถึงการมาเยือนของวันนั้นเพราะยังเดินหมากด้วยกันและการเดินหมากในวันนี้ทำให้อันหลิงเกอรับรู้ได้ว่าหลิงเอ๋อแม้ยังเด็กแต่ก็เฉลียวฉลาดยิ่งนัก
อีกทั้งหลิงเอ๋อยังมีความคิดเป็นของตนเอง หากโตขึ้นกว่านี้คงดื้อรั้นมิเบา การที่เหล่าที่ปรึกษาหลอกใช้นางก็คงเพราะเหตุนี้
หลิงเอ๋อแม้จะดูอ่อนแอแต่ความจริงแล้วใจแข็งเสียยิ่งกว่าผู้ใด
อันหลิงเกอมองหลิงเอ๋อที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็คิดว่าเด็กสาวคนนี้ช่างคล้ายตนในอดีตยิ่งนัก แม้ครั้งแรกที่พบกันจะรู้สึกว่าแตกต่างก็ตาม เพราะหลิงเอ๋อช่างไร้เดียงสาและอ่อนแอต่างจากตน
แต่ตอนนี้มองแล้วช่างคล้ายกับตนมาก มิว่ามองจากด้านไหนหลิงเอ๋อก็คล้ายอันหลิงเกอเป็นอย่างมาก ทั้งความเข้มแข็ง ความดื้อรั้นและจริงจังต่อความรักล้วนคล้ายกันแทบจะทั้งสิ้น
อันหลิงเกอมองหลิงเอ๋ออยู่เช่นนั้นจนใจลอยโดยมิรู้ตัว นางเหมือนมองเห็นเงาของตนในอดีตอยู่บนตัวหลิงเอ๋อ ทำให้เรื่องราวต่าง ๆ ที่ผ่านมาปรากฏอยู่ตรงหน้าชัดเจนและนางหวังเพียงเด็กสาวคนนี้จะมิเป็นเช่นตน อันหลิงเกอมิอยากให้หลิงเอ๋อต้องพบความทุกข์เช่นนางอีก
“พี่สาว ท่านเป็นอันใดไปเจ้าคะ ? ” หลิงเอ๋อสนิสนมกับอันหลิงเกออย่างมาก เมื่อเห็นอีกฝ่ายยกหมากขึ้นแต่มิยอมวางบนกระดานสักทีพร้อมมีท่าทีใจลอย หลิงเอ๋อจึงยื่นมือโบกไปมาที่ด้านหน้าของอันหลิงเกอเพื่อหวังให้ได้สติ
“ไม่มีอันใด พวกเราเล่นต่อเถิด” อันหลิงเกอเพิ่งรู้สึกตัวว่าเมื่อครู่เผลอใจลอยไปหน่อย เมื่อหันมองกระดานหมากล้อมอีกครั้งก็รู้สึกไม่อยากเล่นต่อ
เพราะตอนนี้นางเป็นห่วงหลิงเอ๋อมาก อีกฝ่ายไร้เดียงสาเพียงนี้จึงไม่เหมาะกับจวนอ๋องจริง ๆ
“พี่สาว…ข้ารู้สึกว่าความจริงพวกเราไม่เหมือนกันเลยเจ้าค่ะ” จู่ ๆ หลิงเอ๋อก็ยิ้มออกมาก่อนจะกล่าวกับอันหลิงเกอ
“หืม ? ” เพราะแม้แต่อันหลิงเกอก็ยังรู้สึกว่าพวกนางเหมือนกันราวกับแกะ
“ท่านงดงามกว่าข้าตั้งเยอะ ! ” น้ำเสียงจริงจังของหลิงเอ๋อทำให้อันหลิงเกออดยิ้มออกมามิได้
เด็กคนนี้ช่างน่าสนใจเสียจริง