หนึ่งในใต้หล้า 大主宰

บทที่ 717 สะกดคำสาป

บุ๋ม**!**

เมื่อมั่นถัวหลัวก้าวลงไปในบ่อน้ำสีดำเมื่อม เสียงกังวานของการเข้าสู่เวิ้งน้ำดังสะท้อนไปในโพรงถ้ำแห่งนี้ บ่อน้ำเดือดก็พลุ่งพล่านรุนแรงเกิดเสียงดังก้องต่อเนื่อง

สายตาของมู่เฉินที่จับจ้องเต็มไปด้วยความเคร่งเครียดเบาบาง มองเห็นหนามแหลมสีดำผุดออกมาจากร่างเล็กของมั่นถัวหลัว

หนามสีดำเหล่านี้ดูเหมือนจะมีชีวิตติดตรึงอยู่กับกายเนื้อของนาง ขณะที่พวกมันบิดตัวไปมาก็ราวกับอสรพิษร้ายกำลังเขมือบเลือดของนางเข้าไปอย่างกระหาย

มั่นถัวหลัวนั่งลงในบ่อน้ำพลางมุ่นคิ้ว เหมือนกำลังอดทนต่อความเจ็บปวดรุนแรง ซึ่งนี่ทำให้กระทั่งมู่เฉินยังรู้สึกหวาดผวา เนื่องจากเขารู้ดีว่าเด็กสาวคนนี้สามารถทนต่อความเจ็บปวดได้มากเพียงใด ความเจ็บปวดที่สามารถทำให้เขารู้สึกอยากตายกลับไม่ส่งผลอะไรกับนาง แต่ตอนนี้นางกลับกำลังอดทนด้วยหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน นี่ต้องเป็นความเจ็บปวดระดับไหนกันนะ?

หนามดำร้ายกาจงอกออกจากร่างนางอย่างต่อเนื่อง เพียงเวลาสิบกว่าลมหายใจก็พันรอบร่างกายนางไปครึ่งหนึ่งแล้ว

“นี่คือคำสาปในร่างกายนางหรือ?” มู่เฉินตะลึงกับภาพที่เห็น พลังของมั่นถัวหลัวแข็งแกร่งจนน่ากลัว เขาคิดไม่ออกเลยว่าคนประเภทไหนกันที่สามารถใส่คำสาปแช่งเช่นนี้ในร่างกายนางได้

เมื่อหนามแหลมสีดำปรากฏมากขึ้นเรื่อยๆ ผิวของมั่นถัวหลัวที่เคยขาวผ่องก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นดำคล้ำ ไม่นานก็เหลือเพียงดวงตาสีทองคำที่ยังเป็นสีเดิม

ทว่ามู่เฉินสามารถรู้สึกได้ถึงร่างกายนางที่สั่นเทิ้มรุนแรงขึ้น ดูเหมือนางกำลังพยายามระงับบางสิ่งไว้ด้วยกำลังทั้งหมด…

ชี่!

บ่อน้ำสีดำเดือดพล่านต่อเนื่อง ทันใดนั้นเส้นผมยาวของมั่นถัวหลัวก็เต้นระริก แสงสีดำหลั่งไหลออกจากแผ่นหลังบอบบางขณะที่หนามสีดำขนาดใหญ่ราวกับอสรพิษพุ่งออกมา

ฟ่อ! ฟ่อ!

หนามสีดำน่ากลัวเต้นยุบยับไปหมด เมื่อเกิดการเคลื่อนไหว เสียงครางต่ำลึกด้วยความเจ็บปวดก็ดังมาจากมั่นถัวหลัว ขณะที่นางขบฟันหากันก็มีเลือดซึมออกมาตามไรฟัน

ภาพนี้น่าสะพรึงกลัวจริงๆ

“ฮึ่ม!”

ทว่าทันทีที่หนามสีดำพุ่งออกมา อักขระโบราณบนผนังถ้ำด้านในก็ปะทุแสงจ้า ลำแสงคลื่นหลิงอ่อนโยนกำจายออกมา พุ่งตรงไปที่หนามแหลมที่ออกมาจากแผ่นหลังของมั่นถัวหลัว

ชี่ ชี่

ลำแสงส่องผ่าน ควันขาวขุ่นก็แผ่ซ่านออกมาจากหนามแหลมพร้อมกับเสียงกรีดร้องดังขึ้น ภาพนี้ดูราวกับว่าหนามสีดำนั่นมีชีวิตเลย

ทว่าลำแสงเหล่านั้นไม่อาจสยบหนามสีดำได้หมด หนามสีดำดิ้นยังคงพล่านบ้าคลั่งขณะที่พุ่งออกมาจากร่างของมั่นถัวหลัวอย่างต่อเนื่อง ทุกการเจาะทะลวง มู่เฉินก็จะเห็นเลือดไหลออกจากมุมปากของมั่นถัวหลัวมากขึ้น ราวกับว่าถ้าหนามสีดำเจาะออกจากกายก็จะพรากชีวิตนางไปด้วย

ปุดๆๆๆ!

บ่อน้ำสีดำเดือดพล่านขณะที่ลำแสงสีดำพุ่งออกมาจากบ่อ ดึงหนามเอาไว้ แต่ก็เห็นชัดว่าทำได้เพียงชะลอความเร็วลงเท่านั้น

หนามสีดำชั่วร้ายถอนออกมาจากร่างเล็กของมั่นถัวหลัวทีละน้อยที่มาพร้อมกับเลือดสด ภาพโชกเลือดเบื้องหน้าทำให้แม้แต่มู่เฉินยังรู้สึกหวาดกลัว

ทว่ามั่นถัวหลัวก็ไม่ส่งเสียงร้องออกมาสักคำขณะทนต่อความเจ็บปวดนั้น นางขบฟันแน่นอดทนอย่างขมขื่น

“มู่เฉิน!”

อย่างไรซะความอดทนของนางก็มีขีดจำกัด ในที่สุดมั่นถัวหลัวก็เงยหน้าขึ้น ดวงหน้าเล็กเต็มไปด้วยเหงื่อ นางกัดฟัน เสียงใสอ่อนเยาว์แหบแห้งไปหมดแล้วในตอนนี้ ทำให้ผู้ได้ฟังรู้สึกสงสารนางจับใจ

มู่เฉินรีบพยักหน้าวาดตราประทับสองมือ คลื่นหลิงในจุดจื้อจุนไห่ม้วนตัวขณะแสงสีดำลึกลับพุ่งออกมา ลอยอยู่เบื้องหน้าเขา

หน้ารายการนิรันดร์ลอยอยู่ในอากาศเงียบๆ เต็มไปด้วยลวดลายโบราณลึกลับกำจายแสงสีม่วงจางออกมา ทำให้ผู้คนจิตใจสงบลงได้

มู่เฉินจ้องมองหน้ารายการนิรันดร์แล้วมองมั่นถัวหลัวอีกครั้ง สุดท้ายเขาก็ขบฟันดีดนิ้วส่งหน้ารายการนิรันดร์ไปทางเด็กสาว ในเมื่อเขาเลือกเชื่อใจนางแล้วก็ต้องไม่ลังเล

ถึงแม้ว่าหน้ารายการนิรันดร์นี้จะมีความสำคัญมากสำหรับเขาก็ตาม

หน้ารายการนิรันดร์บินขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือบ่อน้ำ มั่นถัวหลัวโบกมืออย่างยากลำบาก แสงสีดำยิงออกมาล้อมรอบหน้ารายการนิรันดร์ไว้ จากนั้นหน้ารายการนิรันดร์ก็ปล่อยแสงสีม่วงเข้มออกมา

เมื่อแสงระเบิดออก ดอกแมนดาลาขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นในอากาศช้าๆ กลีบงดงามคลี่ออก แสงสีม่วงเข้มฉายลงมาล้อมรอบร่างของมั่นถัวหลัวไว้

ชี่! ชี่!

ด้วยการกดอัดลงมาของแสงสีม่วงแข้ม หนามสีดำก็ดิ้นกระเสือกกระสน ทุกส่วนของหนามสัมผัสกับแสงสีม่วงจะแสดงสัญญาณสลายตัวกลายเป็นของเหลวสีดำไหลออกมาอย่างไม่สิ้นสุด

ฉ่า! ฉ่า!

ได้ยินเสียงกรีดแหลมดังมาจากหนามสีดำขณะที่ความเร็วในการเจาะออกมาหยุดชะงัก นอกจากนี้ยังค่อยๆ ถูกสะกดกลับเข้าในร่างของมั่นถัวหลัวด้วยแสงจากดอกแมนดาลา

ตู้ม!

เห็นชัดว่าหนามดำไม่ยอมสยบง่ายๆ แสงสีดำระเบิดออกมาจากมัน ตัวหนามฉีกแหวกมิติกวาดเข้าหาดอกแมนดาลาอย่างรวดเร็ว

ทว่าดอกแมนดาลาก็ยังกำจายแสงสีม่วงออกมาเมื่อเผชิญกับการโจมตีจากมัน แสงสีม่วงก่อตัวเป็นโล่ ไม่ว่าหนามสีดำจะโจมตีอย่างไร ก็ไม่สามารถเจาะผ่านแนวป้องกันนี้ได้ กลับกันทุกครั้งที่เกิดการโจมตี ก็จะมีของเหลวไหลลงและถูกแสงสีม่วงกัดกร่อน

มู่เฉินรู้สึกโล่งใจเมื่อเห็นภาพนี้ โชคดีที่วิธีนี้ได้ผล

เนื่องจากมีดอกแมนดาลาช่วยเหลือ มั่นถัวหลัวจึงรู้สึกกดดันน้อยลงอย่างชัดเจน คิ้วที่ขมวดเป็นปมแน่นคลายลง มือบางเอื้อมเช็ดคราบเลือดออกจากมุมปาก ตอนนี้นางเสียกำลังภายในไปกับความเจ็บปวดน่ากลัว ทำให้ขนาดการเคลื่อนไหวเล็กน้อยยังเป็นเรื่องยากลำบากสำหรับนาง

ที่กลางอากาศ ดอกแมนดาลาได้เปรียบชัดเจนมากขึ้น หนามสีดำร้ายกาจอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็หดกลับเข้าไปในร่างของมั่นถัวหลัว

มั่นถัวหลัวผ่อนคลายลงเมื่อรู้สึกถึงสภาวะของหนามดำ จากนั้นนางก็ทนฝืนต่อความเจ็บปวดแสนสาหัสในร่างกายไม่ได้ ต้องคุกเข่าลงไปพลางหายใจหนักพร้อมกับเหงื่อเย็นไหลรินลงมาจากใบหน้างดงาม

ทว่าทันทีที่นางผ่อนคลายลง หนามสีดำที่หดจนเหลืออยู่เพียงครึ่งศอกก็พุ่งออกมา ตัวหนามที่ปกคลุมด้วมีฟันเลื่อยยิงเข้าใส่ลำคอของนาง

หนามดำขยายขนาดในม่านตาของมั่นถัวหลัวอย่างรวดเร็ว ทว่านางไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ด้วยกำลังที่มีเหลือน้อยนิดในตอนนี้ ใบหน้าของนางกลายเป็นสีขาวซีดทันที

วาบ!

ทว่าขณะที่มั่นถัวหลัวขบฟันเตรียมรับการลอบโจมตี ลมกระโชกรุนแรงก็หยุดตรงหน้าลำคอเพียงครึ่งชุ่นเท่านั้น แต่แรงดันลงก็ยังทำให้เกิดรอยแผลบนลำคอขาวผ่อง

มั่นถัวหลัวเงยหน้าอย่างตกตะลึง จากนั้นก็เห็นมือข้างหนึ่งยึดหนามไว้ตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ เมื่อมองไล่ตามมือขึ้นไปนางก็เห็นมู่เฉินมาอยู่ตรงหน้า คว้าหนามเอาไว้ทันท่วงที

แต่เมื่อมู่เฉินกำหนามดำเอาไว้ ฟันเลื่อยคมก็บาดฝ่ามือเขาทันทีเลือดหยดลง ความเจ็บปวดทรมานแล่นออกมาจากฝ่ามือ

ภายใต้ความเจ็บปวดแรงกล้า เขาอดทนได้เพียงอึดใจก็ต้องคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ดวงตาเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเลือดแต่ก็ยังกัดฟันกรอดไม่ยอมคลายมือ กลับกันเขายังค่อยๆ ดึงหนามดำกลับไปช้าๆ

มั่นถัวหลัวกัดฟันสะบัดมือ ดอกแมนดาลาในอากาศก็ระเบิดแสงสีม่วงออกมากะทันหัน เกิดเสียงวูบ หนามสีดำก็ไม่สามารถคงอยู่ต่อ หลุดจากมือของมู่เฉินก่อนที่จะถูกสะกดเข้าในร่างของมั่นถัวหลัว

ผลุบ

ในที่สุดมู่เฉินก็ทนไม่ไหวล้มลงไปในบ่อน้ำ สภาพเขาดูไม่จืดเลยทีเดียว ใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะลุกขึ้นมาพร้อมกับร่างสั่นเทิ้มด้วยความรู้สึกหวาดกลัวที่ยังติดอยู่

“อยากตายหรือไง?” พอเห็นว่าเขาไม่เป็นอะไร มั่นถัวหลัวก็โล่งใจ จากนั้นก็เอ่ยด้วยเสียงเย็น

“ข้าช่วยเจ้าอยู่นะ” สีหน้าของมู่เฉินดิ่งลง เขาอุตส่าห์ทำขนาดนั้นเพื่อช่วยแต่กลับถูกตำหนิ นี่มันตรรกะอะไรกันเนี่ย?

“ไม่รู้อะไรแล้วยังพุ่งเข้ามาอีก ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ามีหน้ารายการนิรันดร์ เจ้าก็ถูกคำสาปไปแล้ว!” มั่นถัวหลัวเอ็ดเสียงเย็นไม่มีความเกรงใจใดๆ

สีหน้ามู่เฉินเปลี่ยนไปรีบมองลงไปที่ฝ่ามือของตัวเอง เขามองเห็นรอยสีดำน่าสะพรึงกลัวอยู่บนฝ่ามือ แต่โชคดีที่แสงสีม่วงในร่างกำจายออกมาลบรอยสีดำออกไปอย่างช้าๆ แสงสีม่วงนี้ชัดว่ามาจากหน้ารายการนิรันดร์นั่นเอง

มู่เฉินปาดเหงื่อเย็น เขาเห็นแล้วว่าคำสาปในร่างของมั่นถัวหลัวน่ากลัวขนาดไหน ถ้าเขาไม่มีหน้ารายการนิรันดร์ ก็คงต้องตายจากการต้องคำสาปด้วยพลังที่มีในตอนนี้เป็นแน่

“ตอนนี้เจ้าดีขึ้นหรือยัง?” มู่เฉินมองมั่นถัวหลัว

“ก็ชั่วคราวน่ะ” มั่นถัวหลัวบิดตัว แต่เมื่อตระหนักได้ว่าตนเองเหมือนจะสูญเสียพลังไปหมดก็ขมวดคิ้วขึ้น

มู่เฉินเอื้อมมือเก็บหน้ารายการนิรันดร์ จากนั้นเขาก็มองมั่นถัวหลัวพลางเบ้ปาก เขานำเสื้อคลุมสีดำมาคลุมร่างเล็กของมั่นถัวหลัวไว้ ก่อนจะอุ้มนางขึ้นมาจากบ่อน้ำเย็น

มั่นถัวหลัวทำเพียงเหลือบมองการกระทำของเขาแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน นางเอนซบแผ่นอกของเขาเงียบๆ และเริ่มฟื้นฟูพลัง

มู่เฉินอุ้มนางก้าวออกมาจากบ่อน้ำเย็นก่อนจะวางร่างเล็กไว้บนก้อนหิน

เด็กสาวนั่งอยู่บนก้อนหินเงียบๆ เรือนผมเปียกลู่แนบไปกับร่างกาย เสื้อคลุมตัวใหญ่แนบเข้าเผยให้เห็นส่วนโค้งเว้าเล็กๆ

นางฟื้นฟูพลังเงียบๆ ไปพักหนึ่ง ก่อนจะมองมู่เฉินที่ดูเบื่อหน่ายก็เอ่ยเสียงเบา “ขอบใจที่ช่วยนะ เพื่อเป็นการตอบแทน ข้าจะบอกทักษะลับของร่างเทพสุริยะที่รู้มาให้เจ้าฟัง”

พอได้ยินคำพูดของนาง มู่เฉินก็หัวใจโลดขึ้นทันที