“โอ้โห ฝีมือการทำอาหารของคุณภรรยาไม่เลวเลยนะเนี่ย ดูสิ แทบจะเทียบได้กับของโรงแรมห้าดาวเลย ”เมื่อทุกอย่างอยู่เหนือความคาดหมายของหัสดิน เพราะเธอไม่เคยเข้าครัวทำอาหารมาก่อน
“เงียบไปเลย คุณลองชิมดูก่อนว่ารสชาติเป็นยังไง ”ยู่ยี่มองดูอย่างคาดหวัง
เลิกคิ้วขึ้น หัสดินหรี่ตาที่เรียวยาวลง รอที่จะรับผลพิษจากอาหาร เมื่อเห็นดังนั้น ยู่ยี่ก็ตีไปที่แผ่นหลังของเขาอย่างไม่สบอารมณ์
ยักไหล่ เขาคีบบะหมี่มาคำหนึ่ง รสชาติไม่ได้แย่อย่างที่คิด แต่กลับอร่อยมาก เขายกนิ้วโป้งให้เธอด้วยความชื่นชม จากนั้นก็เริ่มกินมันคำใหญ่
“ค่อยๆกิน แล้วนี่ชิมซุปด้วย น้ำซุปนี่ก็น่าจะอร่อยนะ”เธอหัวเราะเบาๆ ในใจรู้สึกภูมิใจเป็นพิเศษ
เมื่อก่อนไม่เคยรู้ว่าทำไมเชอร์รีนถึงชอบทำอาหารนัก เพราะเธอรู้สึกว่ามันเป็นอะไรที่ยุ่งยากมาก แต่ตอนนี้ได้ดูชายหนุ่มกินมันอย่างเอร็ดอร่อย เธอก็จึงรู้สึกภาคภูมิใจอย่างอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก
ที่แท้แล้ว การได้ทำอาหารให้คนที่เรารักกินนั้นมันเป็นความรู้สึกที่เยี่ยมยอดมาก และดีมากจริงๆอิ่มเอมและมีความสุขอย่างมาก
หัสดินไม่ได้กินอะไรเลยมาตั้งแต่เที่ยง ตอนหัวค่ำก็ดื่มแอลกอฮอล์ไปจำนวนไม่น้อย เขาก็จึงหิวมากจริงๆ บะหมี่ชามหนึ่งเขากินมันจนหมดเกลี้ยง ไม่เหลือแม้แต่น้ำซุป
“คุณไปล้างจานด้วย”ยู่ยี่เอ่ยปาก ท้องใหญ่มากแล้ว วุ่นมาสักพักก็จึงรู้สึกว่าเหนื่อยแล้ว
“ผมเหนื่อยมากแล้ว วางตรงนี้แหละ พรุ่งนี้แม่บ้านมาให้แม่บ้านล้างแล้วกัน ผมจะไปอาบน้ำ”บิดขี้เกียจไปมาอย่างเกียจคร้าน หัสดินลุกแล้วเดินไปอาบน้ำ
ยู่ยี่ไม่ชอบเห็นสภาพห้องที่สกปรก ถ้วยชามไม่ล้าง เพราะเธอจะรู้สึกขวางหูขวางตา ไม่ชอบให้มีสิ่งสกปรกวางอยู่ตรงหน้า
ลุกขึ้นยืน เธอหยิบถ้วยชามไปไว้ในครัว ก็แค่ชามใบเดียว ล้างเดี๋ยวเดียวก็เสร็จ เธอเองก็ยังไม่ได้อาบน้ำ รอให้หัสดินอาบเสร็จแล้วเธอค่อยอาบต่อ
ระหว่างนั้น พ่อของเธอก็โทรมา บอกว่าจะย้ายบ้าน ต้องการเงินจากเธอ
“หนูไม่ได้ทำงาน แล้วจะให้ไปเอาเงินมาจากไหน”
“แกไม่มี หัสดินมีนี่ ตอนนี้บ้านหลังนี้อยู่ต่อไปไม่ได้อีกแล้วจริงๆ แกคงทนดูพ่ออยู่ในบ้านสภาพแบบนี้ตลอดไปไม่ได้หรอกใช่ไหม ? ”
ยู่ยี่ผ่อนลมหายใจเล็กน้อย“พ่อ ใครให้พ่อมาพูดแบบนี้ แม่เลี้ยงเหรอ ? ”
แม่เธอเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเต้านมมานานแล้ว พ่อของเธอก็จึงแต่งงานใหม่ แม่เลี้ยงของเธอมีลูกติดคนหนึ่ง จากนั้นก็มามีลูกชายกับพ่อของเธออีกหนึ่งคน
แม่เลี้ยงของเธอใจร้ายมาก และเป็นคนประเภทรักคนรวยดูถูกคนจน เรื่องที่ทำไม่มีอะไรให้น่าพูดถึงเลย อารมณ์ก็ร้าย เอะอะไม่พอใจอะไรก็มักจะมาลงที่พ่อของเธอตลอด
นานวันเข้า พ่อก็กลายเป็นคนกลัวเมีย เธอไม่ค่อยจะกลับบ้าน เว้นแต่จำเป็นเท่านั้น มิเช่นนั้นแล้วเธอก็จะไม่ย่างกรายไปเลย
ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ จากนั้น เสียงก็ดังขึ้นอีกครั้ง“พวกแกไม่ขัดสน เราอาศัยอยู่ในบ้านที่ซอมซ่อ พวกแกพักอยู่วิลล่า ยู่ยี่ แกไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆเหรอ?”
“พ่อ!ต่อให้จะไม่ขัดสนแต่นั่นมันก็เป็นเงินของสามี ไม่ใช่ของหนู! เงินพวกนั้นเขาเป็นคนหามันมาอย่างยากลำบาก ไม่ได้ตกลงมาจากสวรรค์ เขาแลกมันมากับการทำงาน ตอนที่หนูแต่งงานแม่ก็เรียกสินสอดไปตั้งมาก สุดท้ายสินเดิมที่ติดตัวมาก็ไม่มีอะไรเลย พ่อรู้ไหมตอนนั้นหนูต้องมองหน้าแม่สามีด้วยความอับอายมากแค่ไหน !”
ไม่พูดเรื่องพวกนี้ก็ยังไม่รู้สึกอะไร แต่พอพูดถึงมันแล้ว ยู่ยี่ก็รู้สึกเสียใจมาก
“เขาเป็นครอบครัวใหญ่ ของที่เราซื้อบ้านเขาเองก็ไม่ได้ขาด ซื้อของไม่ดีไปก็เสียหน้าเปล่าๆ เราเองก็ไม่มีทางเลือก”
“อะไรคือการเสียหน้า นั่นเป็นงานแต่งงานของลูกสาวพ่อนะ ต่อให้ของที่ซื้อจะแย่แค่ไหน แค่มีใจซื้อให้ก็พอแล้วไหม!”ยู่ยี่พูดด้วยความโกรธ
“งานแต่งงานก็ผ่านไปแล้ว ตอนนี้มาพูดถึงมันก็ไม่มีประโยชน์อะไร แกเอาเงินจากหัสดินมาซื้อบ้านสักหลังแล้วกัน สำหรับเขามันก็แค่เศษเงิน ธุรกิจที่เขาทำตั้งหลายร้อยล้าน แค่เงินล้านเดียว ขนหน้าแข้งเขาไม่ร่วงหรอก จริงไหม ? อีกอย่างแม่แกก็เป็นโรคไขข้อ ที่ตรงนี้มันอับชื้น ห้องหับก็น้อย เราสี่คนก็แทบจะเบียดเสียดกันแล้ว…”
ไม่รอให้ปลายสายได้พูดจบ ยู่ยี่ก็กดวางสายทันที เธอไม่อยากจะฟังมันอีกต่อไป
พวกเขาเอาแต่คิดถึงเรื่องของตัวเอง ไม่มีใครคิดถึงเธอเลย เอาเงินจากครอบครัวสามีไปซื้อบ้านให้พ่อแม่ตัวเอง หากมีคนรู้เรื่องเข้า เธอยังจะมองหน้าแม่สามียังไง ?
พูดกันตามตรง แม่สามีเธอถือเป็นคนดีเลยล่ะ ตอนที่เห็นสินเดิมนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไรสักคำ และไม่เคยพูดอะไรไม่ดีลับหลังเธอเลย เขาเป็นคนวางตัวดีมาก
แต่เพราะเขาเป็นคนที่วางตัวดีแบบนี้ ดังนั้นเธอก็จึงยิ่งไม่ควรได้คืบจะเอาศอก
ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกล้า เหนื่อยกาย และเหนื่อยใจ เหนื่อยไปหมด ไม่มีแรงที่จะอาบน้ำ เธอนอนลงบนที่นอนด้วยความสับสนวุ่นวาย
นอนไม่หลับ ในใจกระสับกระส่าย แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ รู้เพียงสับสนวุ่นวายมาก เธอหยิบนิตยสารขึ้นมา แล้วพลิกดูไปเรื่อยๆ
ผ่านไปสักพัก ก็มีกลิ่นกายของชายหนุ่มลอยเข้ามา
“อาบน้ำแล้วเหรอ ?”เธอหันหลังกลับ
หัสดินพยักหน้าให้ สองมือล้วงเข้าไปในชุดนอนของเธอ แล้วเริ่มปัดป่ายไปมาตามอําเภอใจ
“อย่ากวนได้ไหม รีบไปนอนพักเถอะ ตอนนี้ฉันกำลังท้องอยู่นะ ”ยู่ยี่ดันมือเขาออก
ไม่นำพา นัยน์ตาเรียวของหัสดินเลิกขึ้น ด้วยความเจ้าเล่ห์ เขาพูดกวน“ ใครบอกว่าท้องแล้วจะทำไม่ได้?”
“ยังต้องถามอีกเหรอ ? ท้องใหญ่ขนาดนี้ หากไปกดหรือทับเข้าจะทำยังไง ? ”
“ผมไปค้นข้อมูลจากในเน็ตมาแล้ว ตอนท้องในช่วงแรกๆนั้นทำไม่ได้ แต่ตอนนี้ทำได้แล้ว ต้องเพิ่มความระมัดระวังสักหน่อย ผมไม่กดทับไปที่ท้องของคุณแน่นอน สองมือจะประคองตัวไปที่ด้านข้างของคุณ คุณแค่ให้ความร่วมมือด้วยก็พอ……”
จากนั้น เขาโน้มตัวลง นิ้วมือที่ว่องไวปลดกระดุมของชุดนอนออก กลิ่นของต้นหอมก็ลอยเข้ามาในจมูก
ต้นหอมเป็นวัตถุดิบที่มีกลิ่น และเป็นกลิ่นที่ติดตัวง่าย วันนี้ยู่ยี่คลุกตัวอยู่ในครัวตลอดทั้งวัน และสัมผัสกับต้นหอมและไข่ไก่อยู่ตลอด บวกกับเมื่อครู่ที่รู้สึกเหนื่อยมากก็จึงไม่ได้อาบน้ำ ดังนั้นเสื้อผ้าจึงมีกลิ่นของต้นหอมติดตัว
คิ้วของหัสดินย่นขึ้นเล็กน้อย กลิ่นของต้นหอมบวกกับไข่ไก่ยังคงคละคลุ้งอยู่ที่จมูก เขาหยุดชะงักไป ทันใดนั้นก็หมดอารมณ์ และไม่มีความต้องการที่จะทำมันต่อ
พลิกตัว เขาลุกออกจากตัวเธอ แล้วเดินไปที่ห้องน้ำ
การหยุดลงอย่างกะทันหันของเขาทำให้ยู่ยี่รู้สึกงุนงงเล็กน้อย ยิ่งเห็นการกระทำของเขาก็ยิ่งไม่เข้าใจ “คุณจะไปไหน?”
เมื่อครู่ก็ยังดีๆอยู่เลย จู่ๆเขาเป็นอะไรไป ?
“ผมจะไปล้างหน้า คุณพูดถูก ช่วงนี้เป็นช่วงที่ควรระวัง เราต้องคิดถึงลูกให้มากๆ คุณนอนเถอะนะ เดี๋ยวผมกลับมา”
หัสดินเลิกคิ้วแล้วยิ้มให้ เดินเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นก็มีเสียงน้ำไหลดังขึ้นมา
ยู่ยี่ย่นหัวคิ้ว จากนั้นก็ขมวดขึ้นอย่างช่วยไม่ได้มาถึงขั้นนี้แล้ว ทำให้เธอมีความต้องการขึ้นมาแต่เขากลับไปอาบน้ำ!