ตอนที่ 575 ปลายกระบี่ลึกลับ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

“ข้าต้องการสาม…”

มู่เฉียนซีขมวดคิ้ว “หืม ? สาม!”

“งั้นสอง!”

“หนึ่งร้อยหยกวิญญาณขาดตัว”

อาจารย์ไป๋รีบกล่าว “สหายน้อยมู่ เจ้าขี้เหนียวเกินไปหน่อยกระมัง ?”

มู่เฉียนซียิ้มรู้ทัน “อะไรกัน ? ท่านนั่นแหละที่เป็นถึงอาจารย์ผู้อาวุโสแล้ว ช่วยคนรุ่นลูกหลานอย่างข้านิด ๆ หน่อย ๆ ยังจะคิดค่าใช้จ่ายอีก ช่างน่าเสียใจจริงเชียว”

อาจารย์ไป๋พูดไม่ออก ได้แต่กล่าวไปว่า “หนึ่งร้อยก็หนึ่งร้อย! …ตามข้ามา”

อาจารย์ไป๋พามู่เฉียนซีและโม่ซางคงออกจากสํานักศึกษาไป พวกเขาตรงไปยังตำหนักหรูหราแห่งหนึ่ง

“ท่านผู้เฒ่าไป๋มาแล้ว”

“เชิญข้างในเลยขอรับ!”

อาจารย์ไป๋ก็ดูน่ายกย่องไม่น้อย องครักษ์ของตำหนักแห่งนี้ล้วนเคารพเขามาก

“เจ้าเฒ่า เจ้ามาหาข้ามีเรื่องอันใดรึ ?”

เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น ไม่นาน ชายชราร่างผอมสูงปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขา

อาจารย์ไป๋กล่าวว่า “ข้ามีนักเรียนที่ต้องการซ่อมแซมอาวุธ จะไม่ให้แนะนําเจ้าได้อย่างไรเล่า!”

ชายชราขมวดคิ้วเป็นตัวอักษรเสฉวนก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าเฒ่านี่ เจ้าจะขายข้าเท่าไหร่อีกล่ะ ?”

อาจารย์ไป๋ “ก็ไม่ได้มาก เพียงร้อยหยกวิญญาณเท่านั้น”

ชายชราในชุดคลุมสีดําที่เดิมทีผิวเขาก็ไม่ขาว เมื่อได้ยินคําพูดนี้ ใบหน้าของเขาก็ยิ่งดําคล้ำจนไม่รู้จะดำยังไงแล้ว

“เจ้า… เจ้าขายข้าแค่หนึ่งร้อยหยกวิญญาณ ข้ามีราคาต่ำขนาดนั้นเลยรึ ? ข้าจะจัดการเจ้าให้สิ้นซากซะ!”

— ปัง! —

ผลคือเงาร่างสีดําและสีขาวเริ่มพัวพันกัน

มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกทันที “เอ่อ… ผู้หลอมอาวุธท่านนี้เชื่อถือได้หรือไม่ ?”

โม่ซางคงพูดขึ้น “อาจารย์แข็งแกร่งและมีความรู้มากมาย เพียงแต่ชอบการเดิมพันอยู่บ้าง ดังนั้นเงินทองจึงขัดสนอยู่เสมอ แต่ผู้ที่เขาแนะนํานั้นไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน รอพวกเขาต่อสู้กันจนเสร็จเสียก่อนแล้วกัน!”

อาจารย์ไป๋ถูกชายชราชุดดําไล่ล่า เขาวิ่งหนีไปพลาง กล่าวไปพลางว่า “ข้าไม่ได้ตั้งใจขายในราคาต่ำเช่นนั้น แต่เขาเป็นสหายของลูกศิษย์ข้า ข้าจึงให้ราคาในแบบของคนเป็นสหายกันยังไงเล่า”

“ฮึ่ม! ข้าคิดว่าเพราะเจ้าไม่มีเงินแล้วมากกว่า”

— ปัง! ปัง! ปัง! —

หลังจากที่พวกเขาสู้กันมามากพอ พวกเขาก็กลับมา

ชายชราชุดดํากล่าว “สาวน้อย เจ้าหนู พวกเจ้าเรียกข้าว่าปรมาจารย์เฮยก็แล้วกัน ในเมื่อเป็นเจ้าเฒ่านี่พามา ข้าย่อมไม่ปฏิเสธที่จะช่วย”

“ว่ามา! เจ้าต้องการซ่อมอะไร ?”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไม่รีรอ “ข้าขอคุยกับท่านเป็นการส่วนตัว”

“ได้”

ปรมาจารย์เฮยพามู่เฉียนซีเข้าไปยังห้องหลอมอาวุธของเขา นางหยิบปลายกระบี่มังกรเพลิงออกมา “นี่เป็นปลายกระบี่ ด้ามกระบี่มันหักไปหมดแล้ว”

มู่เฉียนซีไม่ได้ถ่ายเทพลังวิญญาณเข้าไป กระบี่มังกรเพลิงจึงดูปกติเหมือนเป็นเพียงปลายกระบี่ธรรมดาเท่านั้น

ในตอนแรก แม้แต่ปรมาจารย์เฮยก็ยังมองข้ามไป

“นี่เป็นเพียงปลายกระบี่ธรรมดา ๆ ข้าแนะนำว่าการสร้างด้ามกระบี่ขึ้นมาใหม่คงไม่สู้การเปลี่ยนกระบี่ใหม่ นั่นจะสะดวกกว่า”

แม้กระบี่มังกรเพลิงจะเหลือเพียงส่วนปลาย มันก็ยังสามารถเข้าใจคําพูดของมนุษย์ผู้นี้ได้อยู่ดี

อะไรกัน ? ถึงกับจะให้นายท่านเปลี่ยนกระบี่เล่มใหม่ ไม่ได้! นายท่านเป็นของมัน ของมันแต่เพียงผู้เดียว!

มันจะกลืนกินวิญญาณเจ้ามนุษย์สารเลวนี่ซะ

มู่เฉียนซีปลอบกระบี่มังกรเพลิง เพื่อไม่ให้มันหุนหันพลันแล่น นางเหลือบมองปรมาจารย์เฮยแล้วกล่าวว่า “ถ้าจัดการได้ง่ายขนาดนั้น ข้าก็คงไม่พยายามทุกวิถีทางเพื่อมาหาปรมาจารย์หลอมอาวุธที่หาตัวได้ยากในเสียโจวหรอก จริงไหม ?”

ปรมาจารย์เฮยตกตะลึง เขาคงเหลือทางเลือกเดียวคือตรวจสอบปลายกระบี่นี้ให้มั่นใจ เพียงมือหยาบสัมผัสเดียว ก็ต้องตะลึงงันไปในทันที เขามองไม่ออกว่าปลายกระบี่นี้ทําจากวัสดุอะไร “นี่มันกระบี่แบบไหนกัน ?”

“ข้ามองไม่เห็นวัสดุเลย ข้าไม่รู้ว่าจะใช้อะไรในการสร้างตัวกระบี่ที่ตรงกับสิ่งที่มันต้องการ”

มู่เฉียนซีกล่าว “ปรมาจารย์เฮย ท่านคือผู้มีความสามารถหลอมอาวุธเพียงคนเดียวที่ข้าพบ และท่านยังเป็นถึงบุคคลระดับปรมาจารย์หลอมอาวุธ ดังนั้นฝากท่านใช้วัสดุที่ดีที่สุดด้วย ราคาไม่ใช่ปัญหาสำหรับข้า”

ปรมาจารย์เฮยกล่าวอย่างเคร่งขรึม “ข้านึกว่าสาวน้อยจะให้เจ้าเฒ่าไป๋แค่ร้อยหยกวิญญาณเท่านั้นเสียอีก ฮืม… ในเมื่อในมือไม่ได้มีเงินออมมากนัก! เมื่อเจ้าพูดมาเช่นนี้ ข้าก็จะลองทําดู”

ปลายกระบี่ของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เล่มนี้ ดึงดูดความสนใจของเขาเข้าเสียแล้ว

มู่เฉียนซีกล่าว “เหตุผลที่ข้าให้หยกวิญญาณหนึ่งร้อยชิ้นแก่อาจารย์ไป๋ก็เพราะไม่อยากเอาเปรียบเขาเท่านั้นเอง ทว่าถ้าหากปรมาจารย์เฮยหลอมกระบี่ออกมาให้ข้าพอใจได้จริง ๆ หยกวิญญาณที่ข้าจะมอบให้ปรมาจารย์ไป๋ย่อมไม่น้อยแน่นอน”

“จริงรึ ? เจ้าพูดจริง ๆ รึ ? ฮ่า! สาวน้อย เจ้าช่างเป็นสาวงามจิตใจดีจริง ๆ” จู่ ๆ ปรมาจารย์ไป๋ที่ฟังอยู่ตรงมุมห้องก็กระโดดออกมาพลางรีบวิ่งไปตรงด้านหน้าของปรมาจารย์เฮย จับเขาไว้และกล่าวว่า “เจ้าเฮย เจ้าต้องสร้างมันออกมาให้ได้ อย่าทำให้ข้าต้องผิดหวังล่ะ! มิเช่นนั้นแม้วันใดข้ากลายเป็นผีก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด หึ ๆ ๆ!”

ใบหน้าปรมาจารย์เฮยเต็มไปด้วยเส้นสีดํา ตาเฒ่านี่เป็นสหายแบบไหนกัน ?

มู่เฉียนซีหยิบแหวนมิติออกมาพลางกล่าวกับปรมาจารย์เฮยว่า “นี่คือมัดจํา อาวุธของข้าจะต้องออกมาสมบูรณ์แบบอย่างที่สุด!”

ไม่เช่นนั้นกระบี่มังกรเพลิงคงจะต้องถูกทอดทิ้ง

“ได้เลย!”

อาจารย์ไป๋เข้ามาใกล้ ๆ เขากล่าวขึ้นว่า “ไหน ให้ข้าดูสักหน่อยเถอะว่าข้างในมีเท่าไร”

ปรมาจารย์เฮยโกรธเกรี้ยวขึ้นมา “ไสหัวไปซะ”

ปรมาจารย์เฮยกล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “หลังจากทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ข้าจะส่งคนไปแจ้งเจ้าแล้วกัน”

หลังจากเจรจากันเสร็จ มู่เฉียนซีก็กลับไปเป็นนักเรียนที่สำนักศึกษาต่อ

โม่ซางคงกล่าวถามขึ้นอย่างงุนงง “กระบี่หักไปแล้ว เปลี่ยนกระบี่เล่มใหม่ก็น่าจะได้แล้วมิใช่หรือ ? เจ้าเป็นถึงนักปรุงยา ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีใครมอบกระบี่วิเศษให้เจ้าหรอกกระมัง”

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าไม่เคยเห็นข้าใช้กระบี่มังกรเพลิงมาก่อน วันหนึ่งถ้าเจ้าได้เห็น เจ้าก็จะรู้เองว่ากระบี่มังกรเพลิงแข็งแกร่งมากขนาดไหน”

นอกจากนี้ สําหรับนาง กระบี่มังกรเพลิงมิใช่สิ่งของที่ตายแล้ว มันก็เหมือนกันกับอาถิง สุ่ยจิงอิ๋ง แหวนมังกรเทพวารี หม้อเทพปาฮวางชิงมู่ และหม้อวิญญาณนิรันดร์ที่ต่างก็มีชีวิต

โม่ซางคงกล่าวว่า “เจ้าพูดมาเช่นนี้ ข้ารู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาบ้างแล้ว”

ดวงตาดำคู่งามของมู่เฉียนซีฉายแววคมกริบ “ของของข้า เจ้าคิดอะไรอยู่ห๊ะ ? เดี๋ยวเจ้าจะได้ตายอย่างน่าสังเวช เดี๋ยวเถอะ!”

โม่ซางคงกล่าวอย่างจนปัญญา “ข้าก็แค่อยากรู้เท่านั้น ไม่เห็นต้องขู่ข้าเลย”

เพียงกระบี่เล่มเดียว เห็นมู่เฉียนซีรักและปกป้องมันเช่นนี้ โม่ซางคงก็ยิ้มจาง ๆ

ชีวิตในรั้วสำนักศึกษาของมู่เฉียนซีค่อนข้างสงบ ทุก ๆ วันเข้าเรียนตรงเวลา จากนั้นก็เดินไปรอบ ๆ ห้องตำรา เป็นเช่นนี้วนไป นี่คงเป็นเพราะตั้งแต่นางต่อสู้เอาชนะฉินปามาได้ ก็ไม่มีใครกล้ายั่วยุนางอีกเลย

แต่การปรากฏตัวของกําแพงเนื้อตรงหน้านี้ ทําให้มู่เฉียนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย

“มีอะไรรึ ? อยากประลองกับข้าอีกหรือไง ?”

ฉินปา “เปล่า แต่ข้าต้องการเป็นผู้ติดตามของเจ้า โปรดยอมรับข้าด้วย”

“ผู้ติดตามข้าเนี่ยนะ ? เจ้าจะไม่ไปไล่ตามเทพธิดาของเจ้าแล้วหรือ ?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วถาม

“วาจาเจ้านี่ร้ายกาจมากมีผู้ใดเคยบอกเจ้าหรือไม่ ? ข้านับถือเจ้ามาก คุณหนูรองชิงสวยแต่รูปเท่านั้น โปรดรับข้าไว้ด้วยเถอะนะ”

“รับเจ้าไว้ งั้นเจอกันที่เวทีประลองหน่อยเป็นไร ข้าขอดูประสิทธิภาพของเจ้าสักหน่อย”

สุดท้าย ใคร ๆ ต่างก็บอกว่าฉินปาเป็นฝ่ายหาเรื่องใส่ตัวเอง เขาทําให้ทุกคนจนปัญญา ทุกวันพ่ายแพ้การประลองจนต้องให้คนอื่นมาหามกลับไป แต่ยิ่งสู้เขาก็ยิ่งกล้าหาญมากขึ้น ถือเป็นความมหัศจรรย์ของสํานักศึกษาหนานเฟิงของพวกเขาด้วย

โม่ซางคงพูดขึ้น “แม่นางมู่ มีข่าวมาจากทางปรมาจารย์เฮยแล้ว”