มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นด้วยความดีใจว่า “หลอมตัวกระบี่ได้แล้วเหรอ ?”

“ใช่!”

“เพียงแต่ว่าวันนี้ข้ามีเรื่องที่ต้องไปจัดการ ไปเป็นเพื่อนเจ้าไม่ได้แล้ว!” โม่ซางคงกล่าว

“ข้ารู้ทาง ข้ารู้ว่าไปยังไง”

“แต่ว่า……” ในสำนักศึกษามีคนจับจ้องนางไม่น้อยเลย

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เจ้าคิดว่าข้าจะถูกเอาเปรียบงั้นเหรอ ?”

โม่ซางคงกล่าว “ดูเหมือนว่าข้าคงไม่ต้องกังวลแล้ว!”

มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามสองตัว สามารถฆ่าคู่ต่อสู้ข้ามขั้นได้ อีกทั้งยังมีทักษะการใช้ยาพิษลึกลับยากที่จะคาดเดา ผู้ที่กล้ายั่วยุนาง เกรงว่าจะเป็นการรนหาที่ตายเอาซะเปล่า

ดังนั้น ครั้งนี้หลังจากเลิกเรียน มู่เฉียนซีก็เดินออกไปจากสำนักศึกษาอย่างเปิดเผย

“นายน้อย แม่นางมู่ออกจากสำนักศึกษาไปแล้ว!”

“คุณหนูรอง มู่เฉียนซีออกจากสำนักศึกษาไปแล้ว นางออกไปเพียงลำพัง!”

“ตามไป!”

ผลลัพธ์ก็คือชิงฮุ้ยกับเทียนฉีได้เจอกันโดยบังเอิญ เทียนฉีกล่าวว่า “ชิงฮุ้ย นี่หมายความว่ายังไง ข้าเฝ้าดูมู่เฉียนซีมานานมากแล้ว รอเวลานี้มานานมากแล้ว เจ้าจะมาทำให้เรื่องดีดีของข้าพังไม่ได้”

ชิงฮุ้ยกล่าว “วางใจเถอะ ข้าไม่ทำให้เรื่องดีดีของเจ้าพังแน่ ข้าก็แค่ต้องการทรมานนางก็เท่านั้น อันที่จริงแล้วพวกเรามาร่วมมือกันได้”

เทียนฉีหัวเราะขึ้นก่อนจะกล่าวว่า “ฮ่าฮ่าฮ่า! ทรมานผู้หญิง นั่นเป็นเรื่องที่ข้าชอบที่สุด เรื่องนี้คุณหนูรองชิงวางใจเถอะ!”

“เช่นนั้นเราก็มาร่วมมือกัน!” ชิงฮุ้ยยิ้มเยาะ

หญิงผู้นี้ทำร้ายนางอย่างอนาถเช่นนั้น นางรู้สึกว่าการฆ่านางให้ตายนั้นมันง่ายเกินไป ต้องค่อย ๆ ทรมานนาง ทำให้นางตกอยู่ในกำมือของเทียนฉี เช่นนั้นแล้วนางต้องตายทั้งเป็นเป็นแน่

“สาวน้อยมู่ เจ้ามาแล้ว!” เมื่อเห็นมู่เฉียนซีมา ปรมาจารย์เฮยก็ออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้ม

มู่เฉียนซีกล่าวถาม “กระบี่ล่ะ!”

ปรมาจารย์เฮยเอากล่องกล่องหนึ่งออกมา ก่อนจะกล่าวว่า “อยู่ในนี้!”

มู่เฉียนซีเปิดกล่องก็ได้เห็นตัวกระบี่ใหม่เอี่ยม แต่กระบี่อันแหลมคมนั้นกลับมีร่องรอยแห่งกาลเวลา

มันไม่ใช่กระบี่เขรอะสนิมนั่นอีกต่อไป แต่มู่เฉียนซีกลับรู้สึกว่ากระบี่เขรอะสนิมนั้นคุ้นตามากกว่า นางกล่าว “ปรมาจารย์ไป๋ ให้องครักษ์จวนท่านมาฝึกกระบี่กับข้าหน่อยได้หรือไม่!”

“ได้!”

องครักษ์หลายคนถูกเรียกมาฝึกกระบี่กับมู่เฉียนซี องครักษ์เหล่านี้มีพลังแข็งแกร่งกว่ามู่เฉียนซี ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงต้องใช้ทักษะที่ยอดเยี่ยมที่สุด

“มังกรเพลิงสังหาร!”

ชั่วครู่หนึ่ง กระบี่ที่ดูเหมือนจะธรรมดา ตอนนี้กลับเปล่งแสงสีแดงฉานออกมา

ปรมาจารย์เฮยตกตะลึงขึ้น “ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ! มิน่าล่ะว่าเหตุใดข้าถึงมองไม่เห็นวัสดุนั้น มหัศจรรย์ยิ่งนัก!”

เปลวเพลิงก่อตัวเป็นสีแดงฉาน พุ่งเข้าหาเหล่าองครักษ์ตรงหน้า จากนั้น……

แกร๊ง!

ตัวกระบี่กับคมกระบี่ก็แยกออกจากกัน!

มู่เฉียนซีตกใจผงะไปครู่หนึ่ง ใบหน้าของปรมาจารย์เฮยตอนนี้พังไม่เป็นท่า “นะ นั่น……”

ปรมาจารย์เฮยกล่าว “สาวน้อยมู่ กระบวนท่าเมื่อครู่ของเจ้าแข็งแกร่งเกินไป สามารถต่อสู้ข้ามขั้นได้ กระบี่นี้ไม่ธรรมดาเลย ตัวกระบี่ที่ธรรมดาเช่นนี้เกรงว่าจะรับไม่ไหว”

“เงินที่ท่านใช้ไป ข้าจะเรียกคืนมาให้หมด!”

เขาเป็นถึงปรมาจารย์หลอมอาวุธหนึ่งเดียวในเมืองหนานเฟิง นึกไม่ถึงว่าจะเกิดเรื่องผิดพลาดเช่นนี้ขึ้น ช่างอับอายขายหน้ายิ่งนัก

ในตอนนี้มู่เฉียนซีรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เดิมทีคิดว่ากระบี่มังกรเพลิงจะใช้ได้แล้ว นึกไม่ถึงว่าจะใช้ได้เพียงครั้งเดียว นางกล่าวว่า “เป็นเพราะกระบี่ของข้ามันแปลกประหลาดเกินไป ข้าไม่โทษปรมาจารย์เฮยแล้วก็ได้ ปรมาจารย์เฮยหลอมตัวกระบี่ออกมาให้ข้าแล้ว เช่นนั้นข้าก็จะไม่เอาเงินคืน แต่อยากจะขอให้ท่านปรมาจารย์เฮยช่วยลองอีกครั้ง ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่นั้นไม่มีปัญหา เงินมัดจำยังเหลืออยู่ไม่น้อยเลยใช่หรือไม่!”

มุมปากของปรมาจารย์เฮยกระตุกขึ้น เมื่อเห็นเงินมัดจำนั้นทั้งหมดเขาก็ตกใจเล็กน้อย สาวน้อยผู้นี้ร่ำรวยเกินไปแล้ว

ปรมาจารย์เฮยกล่าว “ข้าพูดตามความจริงนะ ได้เห็นเหตุการณ์วันนี้แล้ว ความมั่นใจของข้าก็เหลือเพียงน้อยนิด วัสดุในการใช้หลอมอาวุธนั้นมันไม่ต่างอะไรกับการผลาญเงินเลย ขืนทำเช่นนี้มันจะฟุ่มเฟือยเกินไป”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ข้าต้องการกระบี่มังกรเพลิง ต่อให้เป็นการผลาญเงินก็จำเป็นต้องผลาญต่อไป ถึงแม้ว่าโอกาสมันจะมีเพียงแค่น้อยนิด แต่ท่านปรมาจารย์เฮยได้โปรดอย่างได้ถอดใจ อย่าปฏิเสธข้าเลยนะ”

ปรมาจารย์เฮยกล่าว “ที่จริงแล้วครั้งนี้มันก็กระตุ้นความกระตือรือร้นของข้าด้วย ข้าไม่ปฏิเสธแน่นอน เจ้ารอฟังข่าวเถอะ!”

มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ตกลง!”

หลังจากที่มู่เฉียนซีออกจากจวนปรมาจารย์เฮย นางก็พบว่ามีคนกำลังสะกดรอยตามนางมา เมื่อเดินผ่านถนนมาครู่หนึ่ง จากนั้นหมอกควันก็ลอยมา

มู่เฉียนซีขมวดคิ้วขึ้น นางสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ปะปนอยู่ในหมอกควันเหล่านี้แล้ว อีกทั้งยังบ่นในฝีมืออันต่ำต้อยในการผสมยานี้ด้วย

“ใคร ?” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา

หมอกควันสีขาวกระจายออกไป ชายชุดดำผู้หนึ่งปรากฏตัวอยู่ตรงหน้ามู่เฉียนซี “แม่นางมู่ ได้เจอเจ้าที่นี่ ข้ามีความสุขยิ่งนัก!”

“ได้เจอแมลงวันเช่นเจ้า ข้าไม่มีความสุขเลยแม้แต่น้อย!”

เทียนฉีหัวเราะขึ้นก่อนจะกล่าวว่า “เหอะเหอะเหอะ! ตอนนี้แม่นางมู่ยังไม่มีความสุข แต่อีกเดี๋ยวข้าจะทำให้เจ้ามีความสุขเอง”

“เจ้าจะทำอะไร ?”

“เจ้ารู้ว่าข้าจะทำอะไร” เทียนฉียิ้มอย่างเบิกบานใจ

ทางด้านหน้าได้ถูกเทียนฉีสกัดกั้นเอาไว้แล้ว ทางด้านหลังก็ปรากฏร่างชุดเขียวขึ้น “มู่เฉียนซี วันนี้เจ้าหนีไม่รอดแน่”

เทียนฉีกล่าว “โดนควันพิษของข้าไป ต่อให้เจ้าอยากจะหนีก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะหนี แม่นางมู่ ทางที่ดีควรจะเชื่อฟังนะ!”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ชิงฮุ้ย นี่สมองเจ้ากลวงไปแล้วรึยังไง พิษมันใช้ไม่ได้ผลกับคนอย่างข้า!”

กลิ่นอายอันเย็นยะเยือกในบริเวณรอบ ๆ ก็แข็งตัวขึ้น เดิมทีเรื่องที่กระบี่มังกรเพลิงยังซ่อมไม่ได้ มู่เฉียนซีก็รู้สึกอารมณ์ไม่ดี และคันไม้คันมือมากอยู่แล้ว คนเหล่านี้มาหาเรื่องใส่ตัวถึงที่ นางจึงตัดสินใจที่จะให้บทเรียนอันลึกซึ้งกับพวกเขา

ชิงฮุ้ยกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “เทียนฉี ข้าบอกเจ้าแล้วว่าไม่ได้ผล เจ้าก็ยังจะลอง!”

เทียนฉี “ควันพิษนี้ นักปรุงยาของสำนักเทียนกังได้ทำมาให้ข้าจับผู้หญิงโดยเฉพาะ ต่อให้หญิงผู้นั้นจะเป็นนักปรุงยา หากโดนควันพิษนี้เข้าก็ไม่รอด แล้วนางจะไม่เป็นอะไรได้ยังไง ?”

“นางคงจะไม่ใช่นักปรุงยาระดับสูงหรอกนะ!”

ชิงฮุ้ยกล่าว “อย่าพูดไร้สาระอยู่เลย ควันพิษไม่ได้ผล งั้นก็จับตัวนางไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน คนของพวกเราเยอะเช่นนี้ ข้าไม่เชื่อว่าจะจับตัวนางไม่ได้”

เทียนฉี “ก็จริง!”

นอกจากชิงฮุ้ยและเทียนฉีที่มีพลังวิญญาณขั้นราชาแล้ว คนอื่น ๆ นั้นล้วนแต่มีพลังขั้นจักรพรรดิทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นจักรพรรดิแห่งภูต จักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับต่ำ แต่การรับมือกับราชาแห่งภูตระดับเก้าเพียงคนเดียว นับว่ามากพอที่จะจับนางได้

การที่มู่เฉียนซีสามารถเอาชนะฉินปาผู้เป็นจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับหนึ่งได้นั้น ก็ไม่ได้หมายความว่านางจะเอาชนะจักรพรรดิแห่งภูต และจักรพรรดิยอดยุทธ์ที่มีจำนวนมากเช่นนี้ได้

ดวงตาของมู่เฉียนซีเย็นชาขึ้น คนน้อยเช่นนี้ ไม่จำเป็นต้องให้เสี่ยวหงกับอู๋ตี้ลงมือ ก็สามารถจัดการได้

“มังกรวารีพิฆาต!”

กลิ่นอายที่เย็นยะเยือกทำให้หมอกก่อตัวขึ้นบนขนตาของพวกเขา มังกรวารีสีฟ้าลงมืออย่างไร้ความปรานี

ตูม ตูม ตูม!

กระบวนท่าอันน่าสะพรึงกลัวนี้โจมตีคนที่อยู่ในบริเวณรอบกระเด็นลอยไปชนกำแพงจนกระอักเลือดคำโตออกมา

ชิงฮุ้ยกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “มู่เฉียนซี นังสารเลว กล้าลอบโจมตีข้า!”

เทียนฉีกล่าว “พวกไร้ประโยชน์ สาวน้อยระดับราชาแค่คนเดียวยังจัดการไม่ได้ จับนางให้ได้เดี๋ยวนี้!”

“ขอรับ!”