ตอนที่ 577 อาจารย์ใหญ่ซวนเสีย

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ทว่า ต่อให้สุนัขรับใช้เหล่านี้พยายามอย่างสุดความสามารถเพียงใด ก็ไม่อาจสู้ความเร็วของมู่เฉียนซีได้

ทันทีที่ข้อมืออันเรียวยาวได้ยกขึ้น มู่เฉียนซีก็ตะโกนอย่างเชื่องช้าว่า “ทักษะตี้ซวน!”

จากนั้นก็ตามด้วย “ทักษะเทียนซวน!”

บูม บูม บูม! บ้านที่อยู่ข้างถนนสายนี้พังยับเยินไปไม่น้อย ยิ่งผู้ที่มีพลังวิญญาณขั้นจักรพรรดิระดับต่ำนั้นยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงเลย แต่ละคนร่วงล้มไปกับพื้นราวกับดินโคลนก็มิปาน

มู่เฉียนซีพึมพำเบา ๆ ว่า “ทักษะเทียนซวนฝึกยากกว่าทักษะตี้ซวนมาก ดูเหมือนว่าหากพลังยังไม่ถึงขั้นจักรพรรดิ คงจะฝึกสำเร็จได้ยาก”

เมื่อนึกถึงพลังนั้นของจิ่วเยี่ย เห็นได้ชัดว่าตอนนี้นางไม่พอใจเป็นอย่างมาก

การที่นางไม่พอใจเช่นนี้ ทำให้ชิงฮุ้ยกับเทียนฉีในตอนนี้ตกใจจนแทบจะร้องไห้แล้ว

นี่มัน……

นี่มันตัวประหลาดชัด ๆ !

นางเป็นเพียงแค่ราชาแห่งภูต แค่สองกระบวนท่าก็สามารถฆ่าคนได้มากมายถึงเพียงนี้ ช่างวิปริตเกินไปแล้ว!

ชิงฮุ้ยกล่าว “แม่นางมู่ คือว่า อะ เอ่อ ทั้งหมดนี้เป็นเพราะว่าเทียนฉีมีใจให้กับเจ้า ขะ ข้า ข้าก็แค่ผ่านมาก็เท่านั้น”

เหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเช่นนี้ แม้แต่ผีก็ไม่เชื่อ

เทียนฉี “แม่นางมู่ เจ้าคือเทพธิดาในฝันของข้า ข้าไม่เคยคิดจะหยาบคายกับเจ้าเลย ทั้งหมดนี้เป็นเพราะชิงฮุ้ย หญิงสาระเลวผู้นี้ผู้เดียว”

“วางใจเถอะ ข้าไม่ฆ่าพวกเจ้าหรอก ก็แค่ใช้วิธีการของพวกเจ้าทำกับพวกเจ้า ดั่งสำนวนที่ว่าหนามยอกต้องเอาหนามบ่งยังไงหล่ะ”

เพิ่งจะมาเสียโจวได้ไม่นาน นางไม่อยากจะทำให้สำนักนิกายใหญ่ทั้งสองไม่พอใจ สองคนนี้ไม่ได้ใช้อำนาจคุกคามทั้งหมดซะทีเดียว ตอนนี้เรื่องก็วุ่นวายมากพอแล้ว สั่งสอนให้บทเรียนอันลึกซึ้งกับพวกเขาก่อนแล้วค่อยว่ากัน!

มู่เฉียนซีพาทั้งสองไป เปิดห้องห้องหนึ่งในหอคณิกาและโยนทั้งสองเข้าไปในห้อง

ชิงฮุ้ยเกิดลางสังหรณ์ไม่ดีขึ้น นางกล่าวว่า “นี่เจ้าจะทำอะไร ?”

มู่เฉียนซีโรยผงยาภายในห้อง มุมปากของนางค่อย ๆ ยกยิ้มขึ้น และกล่าวว่า “ดูเหมือนว่า ความสัมพันธ์ของพวกเจ้าก็ไม่เลวเลยนี่ ร่วมมือกันทำเรื่องเลว ๆ เช่นนั้นข้าช่วยพวกเจ้าเอง ทำให้พวกเจ้าสมดั่งที่ปรารถนาเอาไว้ไง”

“ไม่!” ตอนนี้ชิงฮุ้ยรู้สึกร้อนผ่าวไปทั้งตัว จนในที่สุดก็ได้รู้แล้วว่ามู่เฉียนซีคิดจะทำสิ่งใด ส่วนเทียนฉีตอนนี้ได้ขาดสติไปโดยสมบูรณ์แล้ว และมู่เฉียนซีก็ได้อันตรธานหายไปต่อหน้าพวกเขา กลับไปยังสำนักศึกษาแล้ว

มู่เฉียนซีกลับมาเป็นนักเรียนที่ดีตั้งใจอ่านตำราฝึกฝนวิชาต่อไป ส่วนชิงฮุ้ยกับเทียนฉีได้หายตัวไปสามวันแล้ว ทั้งสองเป็นถึงอัจฉริยะแห่งสำนักนิกายระดับหนึ่ง จะเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด

ดังนั้นทางสำนักนิกายและสำนักศึกษาจึงสั่งให้คนออกตามหา แต่กลับนึกไม่ถึงว่าจะเจอพวกเขาในหอคณิกา อีกทั้งพวกเขาก็ได้นัวเนียกันเป็นเวลาสามวันสามคืนแล้ว

อาจารย์หัวโบราณท่านหนึ่งเห็นฉากนี้เข้าก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที “ไร้ศีลธรรม! ช่างไร้ศีลธรรมสิ้นดี!”

“ใช้ไม่ได้! ใช้ไม่ได้! หนุ่มสาวสมัยนี้นี่นะ!”

“สารเลว!”

ชิงฮุ้ยและเทียนฉีถูกนำตัวกลับสำนักไป แต่ความลับนั้นไม่มีในโลก เรื่องที่พวกเขากระทำลงไปนั้นได้แพร่กระจายทั่วทั้งสำนักศึกษา ชิงฮุ้ยผู้ที่หยิ่งยโสมาโดยตลอดตอนนี้ชื่อเสียงได้ฉาวโฉ่ไปทั่วแล้ว

โม่ซางคงกล่าวถามว่า “แม่นางมู่ กระบี่ของเจ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วเหรอ ?”

มู่เฉียนซี “อย่าพูดถึงเลย ใช้ครั้งเดียวก็หักไปแล้ว ข้าขอร้องให้ท่านปรมาจารย์ไป๋หลอมใหม่ อีกไม่นานก็คงจะหลอมออกมาได้”

โม่ซางคงกล่าว “หวังว่าครั้งนี้จะหลอมออกมาได้สำเร็จ!”

เมื่อมู่เฉียนซีได้รับข่าวจากปรมาจารย์ไป๋ นางก็รีบไปที่จวนเขาทันที และกระบี่เล่มหนึ่งถูกหลอมออกมาใหม่

มู่เฉียนซีกล่าว “ขอลองดูอีกครั้ง!”

ปรมาจารย์ไป๋ “ได้!”

อันที่จริงแล้วเขาก็รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย! กลัวว่าครั้งนี้ตัวกระบี่จะหักลงอีก!

ในชีวิตนี้เขาได้หลอมกระบี่ออกมาไม่น้อยเลย และได้ซ่อมตัวกระบี่มานักต่อนักแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นกับกระบี่ทำยากเช่นนี้

“มังกรเพลิงพิฆาต!”

หลังจากที่การโจมตีอันทรงพลังนี้พุ่งออกไป ต่อมาเสียงที่คมชัดก็ดังขึ้น!

ฮวบ!

เคร้ง!

ตัวกระบี่กับคมกระบี่หักออกจากกัน ตัวกระบี่ร่วงหล่นลงไปกับพื้น

มู่เฉียนซีถือคมกระบี่มังกรเพลิงและกล่าวสั่งสอนว่า “นี่เจ้า ทำตัวดีดีหน่อยจะได้ไหม! นี่หักเป็นครั้งที่สองแล้วนะ”

กระบี่มังกรเพลิงก็รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจขึ้น! ต้องโทษตัวกระบี่นั่นต่างหากที่ไม่แข็งแรงพอที่จะรับพลังอันบ้าคลั่งของมันได้ จะไปโทษมันได้ยังไงกันเล่า!

บูม! ในตอนนี้ปรมาจารย์ไป๋ที่ถูกโจมตีจนแทบจะเป็นลมล้มไป

“แก่แล้ว! แก่แล้ว! ดูเหมือนว่าข้านั้นจะไม่ไหวแล้วจริง ๆ” ปรมาจารย์ไป๋บ่นกับตัวเอง

มู่เฉียนซีกล่าวถาม “ท่านปรมาจารย์ไป๋ หรือว่าท่านจะลองอีกสักครั้ง ?”

ปรมาจารย์ไป๋กล่าว “ข้าไร้หนทางแล้วจริง ๆ ครั้งนี้ข้าพยายามอย่างที่สุดแล้ว คนแก่อย่างข้าช่วยสาวน้อยอย่างเจ้าไม่ได้แล้วหล่ะ”

มู่เฉียนซีก็ไม่ได้ฝืนเขา นางกล่าวถามว่า “ท่านปรมาจารย์ไป๋ เช่นนั้นท่านรู้หรือไม่ว่าในเสียโจวนี้ ยังมีนักหลอมอาวุธท่านใดที่จะสามารถช่วยหลอมตัวกระบี่ให้ข้าได้ ?”

ปรมาจารย์ไป๋กล่าว “คมกระบี่นี้ช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก นักหลอมอาวุธระดับเดียวกับข้าก็เกรงว่าจะช่วยเจ้าไม่ได้ คนเดียวที่ทำได้ก็คืออาจารย์ใหญ่แห่งสำนักศึกษาซวนเสียคนในตำนานผู้นั้น”

“นานมาแล้ว ข้าเคยได้ยินว่าเขาเป็นนักหลอมอาวุธระดับสูง ตอนนี้คงจะทะลวงพลังเป็นยอดปรมาจารย์นักหลอมอาวุธไปแล้วกระมัง ก็เพราะว่ามีบุคคลในตำนานเช่นนี้อยู่หน่ะสิ สำนักศึกษาซวนเสียจึงได้กลายเป็นสำนักนิกายระดับสองที่ยืนตระหง่านอย่างมั่นคงในเสียโจวได้”

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “อาจารย์ใหญ่ของสำนักศึกษาซวนเสียงั้นเหรอแล้วถ้า หากได้เข้าไปในสำนักศึกษาซวนเสียได้ จะได้เจอเขาหรือไม่ ?”

“นานมากแล้วที่เขาไม่ได้ปรากฏตัวขึ้น น้อยคนนักที่จะรู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่ถ้าโชคดี ก็อาจจะได้ข่าวคราวของเขาจากในสำนักศึกษาซวนเสียก็ได้ ข้าเชื่อในความสามารถและพรสวรรค์ของเจ้า ว่าเจ้าจะสอบเข้าได้ หากวันนี้กระบี่ของเจ้าสมบูรณ์ดีแล้วล่ะก็ กระบวนท่านั้นของเจ้า ก็มีคนหนุ่มสาวไม่มากนักที่จะต้านทานได้”

ปรมาจารย์ไป๋กล่าว “ข้าจะหลอมให้เจ้าอีกเล่ม ถึงแม้ว่ามันจะใช้ได้แค่ครั้งเดียว ใช้แล้วหัก แต่ถึงอย่างไรก็ถือว่าใช้ได้”

มู่เฉียนซีคิดไปคิดมามันก็จริง! ต่อให้จะใช้กระบี่มังกรเพลิงได้แค่ครั้งเดียว แต่มันก็สามารถต้านทานศัตรูไปได้หนึ่งครั้ง

มู่เฉียนซี “ปรมาจารย์ไป๋ รบกวนท่านแล้ว ขอแค่ท่านใช้วัสดุที่ดีที่สุดก็พอ”

ปรมาจารย์ไป๋กลอกตามองบน “สาวน้อย เจ้าจะทำเช่นนั้นไปทำไมหล่ะ! รู้ทั้งรู้ว่ามันใช้ได้แค่ครั้งเดียว ใช้วัสดุธรรมดาก็พอแล้ว”

มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้ขัดสนเรื่องเงินอยู่แล้ว!”

ปรมาจารย์ไป๋กล่าวอย่างหงุดหงิดว่า “เจ้าผลาญเงินเช่นนี้ ไม่กลัวพ่อเจ้าจะตีเจ้าขาหักรึไง!”

มู่เฉียนซี “สวรรค์สูงฮ่องเต้ห่างไกล ท่านพ่อคุมข้าไม่ได้หรอก อีกอย่างนี่ก็เป็นเงินที่ข้าหามาเอง”

“เจ้าหาเอง? ” ปรมาจารย์ไป๋มองมู่เฉียนซีด้วยความสงสัย

สาวน้อยผู้นี้เพิ่งจะบรรลุนิติภาวะได้ไม่นาน แต่กลับใจกว้างกว่านักหลอมอาวุธอย่างเขามาก ช่างแปลกยิ่งนัก

มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เพราะว่าข้าเป็นนักปรุงยายังไงหล่ะ! ท่านปรมาจารย์ไป๋คิดว่านักปรุงยาเป็นผู้ที่ขัดสนเรื่องเงินทองงั้นเหรอ ?”

“เจ้าเป็นนักปรุงยา มิน่าล่ะ!”

นักปรุงยานั้นเนื้อหอมกว่านักหลอมอาวุธอย่างพวกเขามาก การทะลวงพลังก็ต้องใช้ยา การรักษาโรคป่วยไข้ก็ต้องใช้ยา บาดเจ็บก็ต้องใช้ยา เป็นต้น

ถึงอย่างไรนักปรุงยาก็เพียงแค่ปรุงยาออกมา ไม่ต้องกังวลว่าจะขายไม่ได้!

“ช้าก่อน……” ทันใดนั้นปรมาจารย์ไป๋ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“สาวน้อย เจ้าเป็นนักปรุงยา เช่นนั้นพลังจิตของเจ้าก็คงจะแข็งแกร่งมากเลยหน่ะสิ!”

“มานี่ มามา! ไปกับข้า ไปทดสอบพลังจิตของเจ้ากัน” ปรมาจารย์ไป๋ดึงมู่เฉียนซีเข้าไปในห้องด้วยอย่างตื่นเต้น