ตอนที่ 354 คุณพ่อใหญ่กับคุณพ่อเล็ก

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

เฉินจื่อเยียนเม้มริมฝีปากมองหน้าถังซี แล้วพยักหน้า “มี วันนี้ฉันจะถามแม่ แล้วมาบอกเธอพรุ่งนี้ ตกลงไหม” 

 

 

ถังซีพยักหน้าจับมือเฉินจื่อเยียนแล้วกล่าวด้วยความซาบซึ้ง “ขอบคุณมากนะ จื่อเยียน ฉันจะเลี้ยงอาหารเย็นเธอทีหลังนะ แล้วคะแนนวิชาคณิตศาสตร์กับภาษาอังกฤษของเธอดีขึ้นหรือยัง ฉันจะไปทำงานล่วงเวลาคืนนี้ที่บริษัทของฉัน คืนนี้เธอไปกับฉันที่บริษัทได้นะ ฉันจะติวให้เธอที่นั่น” 

 

 

เธอคิดว่าอาจมีความกระอักกระอ่วนใจที่เธอจะอยู่กับฉู่หลิงตามลำพังที่บริษัท ถ้ามีเฉินจื่อเยียนอยู่ด้วยเธอก็สามารถสอนจื่อเยียนไปด้วยได้ในขณะทำงานล่วงเวลา เมื่อเป็นอย่างนั้นเธอกับฉู่หลิงจะได้ไม่รู้สึกเคอะเขิน และ…ใครบางคนจะได้ไม่หึง ถังซีคิดว่าความคิดนี้เหมาะสมทุกประการ 

 

 

ดวงตาเฉินจื่อเยียนเป็นประกาย เธอมองถังซีอย่างตื่นเต้น “เธอเริ่มทำงานในบริษัทของตระกูลเธอแล้วเหรอ” ก่อนที่ถังซีจะตอบ เธอก็มองหน้าถังซีด้วยความชื่นชมและร้องอุทาน “ว้าว… เธอนี่ยอดเยี่ยมจริงๆ เธอเพิ่งกลับมาหาครอบครัวเธอเมื่อไม่กี่เดือนมานี่เอง แต่เธอก็ประสบความสำเร็จมากมาย! จะไม่มีใครเทียบเธอได้เลย ถ้าเธอเติบโตขึ้นในบ้านตระกูลเซียว… แต่ฉันคงไม่มีโอกาสได้เป็นเพื่อนกับเธอ ถ้าเธอเติบโตมาในตระกูลเซียว” 

 

 

ถังซีเลิกคิ้ว ยิ้มให้เธอแล้วกล่าวว่า “ถึงเวลาเข้าเรียนแล้ว ฉันจะกลับไปห้องเรียนก่อน แล้วหลังเลิกเรียนฉันจะรอเธอที่ประตูโรงเรียนนะ” 

 

 

ถังซีกลับบ้านในช่วงพักเที่ยง หลินหรูอาการดีขึ้นกว่าเดิมมาก ตอนนี้เธอพูดได้และเดินได้ตามปกติแล้ว ด้วยความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เจอถังซี เธอรีบจับมือถังซีและถามถังซีว่าไปอยู่ที่ไหนในสัปดาห์ที่ผ่านมา 

 

 

ถังซีเล่าให้มารดาฟัง และมองหน้าเธอขณะกล่าวว่า “ขอโทษนะคะแม่ คราวที่แล้วหนูไม่ควรให้แม่เจอคนพวกนั้นเลย ไม่อย่างนั้นแม่ก็จะไม่ถูกพวกเขายั่วโมโห เป็นความผิดของหนูเองค่ะ” 

 

 

หลินหรูส่ายศีรษะ “ไม่ใช่จ้ะ นั่นไม่ใช่ความผิดของหนูหรือของแม่ คนที่ควรถูกตำหนิจะได้รับการลงโทษจากพระเจ้า เพราะฉะนั้นเราไม่ต้องไปโกรธพวกเขา” เธอตบหลังมือถังซีเบาๆ และกล่าวว่า “อย่างที่อาจารย์ฉานอวิ๋นกล่าวไว้ ในที่สุดสิ่งที่เป็นของเราก็จะเป็นของเรา และสิ่งที่ไม่ใช่ของเราก็จะไม่มีวันเป็นของเรา ไม่ว่าเราจะพยายามแค่ไหนก็ตาม บางทีแม่อาจจะ…” หลินหรูชะงัก ก่อนจะกล่าวต่อไป “แม่คงถูกกำหนดไว้ล่วงหน้าแล้วว่าจะต้องแยกจากพ่อแม่ จริงไหมจ๊ะ” 

 

 

ถังซีหายใจเข้าลึกๆ มองหน้าหลินหรูด้วยความกังวล จากนั้นก็หันไปมองเซียวหงอี้ซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เซียวหงอี้ยิ้มอย่างสิ้นหวัง ชี้ไปที่พระไตรปิฎกบนโต๊ะอธิบายว่า “แม่ของหนูเริ่มเลื่อมใสในพุทธศาสนา แม่จะไปฟังพระอาจารย์ฉานอวิ๋นบรรยายธรรมทันทีที่ว่างในอีกไม่กี่วันนี้ แม่กลายเป็นภิกษุณีไปครึ่งตัวแล้ว” 

 

 

ถังซีกะพริบตาปริบๆ มองหลินหรูด้วยความประหลาดใจ หลินหรูยิ้ม กล่าวว่า “อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของพ่อเลย แม่ไปอยู่ที่วัดมาหลายวัน ตอนนี้จิตใจแม่สงบลงแล้ว บางทีแม่จะไม่ไปที่นั่นอีกแล้ว” พูดจบเธอก็เหลือบมองถังซีอย่างลังเล ขณะกล่าวว่า “ตอนนี้แม่รู้แล้วว่าเมื่อก่อนเราใจแคบเกินไป โหรวโหรว ตอนนี้แม่คิดออกแล้วว่า ไม่ว่าแม่จะรักลูกมากแค่ไหน แม่ก็บังคับลูกไม่ได้ คุณพ่อคุณแม่ของหนูได้สร้างกุศลครั้งใหญ่ที่ยอมให้หนูมาอยู่บ้านเรา เป็นเพราะการสนับสนุนของพวกเขาที่ทำให้หนูตกลงที่จะมาอยู่ที่นี่ และให้โอกาสเราชดเชยให้หนู ถ้า…” 

 

 

ดวงตาหลินหรูเริ่มแดงเรื่อขึ้นมา และเธอสะอื้น “ถ้าหนูคิดว่าหนูมีความสุขที่จะได้กลับไปหาคุณพ่อคุณแม่ของหนู หนูจะกลับไปก็ได้นะจ๊ะ แต่หนูจำไว้นะโหรวโหรว ว่าแม่รักหนูจากใจจริง” 

 

 

หัวใจถังซีกระตุกอย่างแรง เธอคิดว่าเธอจะไม่รู้สึกเศร้าเลยเมื่อจากหลินหรูและเซียวหงอี้ไป แต่ตอนนี้เมื่อได้ยินสิ่งที่หลินหรูพูด เธอก็รู้สึกใจหายเล็กน้อย หัวใจเธอปวดร้าวราวกับเธอกำลังจะสูญเสียคนสำคัญสำหรับเธอไป 

 

 

ถังซีส่ายศีรษะ ขณะเดียวกันก็มีเสียงหยางจิ้งเสียนดังมาจากข้างนอก “โหรวโหรวไม่จำเป็นต้องจากเธอไปหรอก” ถังซีและหลินหรูหันหลังไปมอง และเห็นคุณปู่เซียวเดินเข้ามา โดยมีหยางจิ้งเสียนช่วยพยุง หยางจิ้งเสียนมองมาที่พวกเขาและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เราปรึกษาคุณพ่อแล้ว ถ้าพวกพี่ไม่ขัดข้อง ครอบครัวเราทั้งสองครอบครัวจะย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านคุณพ่อ พวกเราจะได้อยู่ด้วยกัน รวมทั้งโหรวโหรวด้วย พวกเราจะได้มีความสุขกันทุกคน ดีไหมคะ” 

 

 

คุณปู่เซียวพยักหน้าเห็นด้วยกับหยางจิ้งเสียน “พ่อเห็นด้วยกับจิ้งเสียน เราเป็นครอบครัวเดียวกัน ทำไมเราถึงต้องแยกจากกัน เธอก็ได้ปรับปรุงบ้านหลังเก่าแล้ว ตอนที่พ่อกลับมาจากต่างประเทศ ตอนนี้พ่ออยู่ที่นั่นคนเดียว รู้สึกเหงามาก ไม่มีความอบอุ่นของครอบครัวเลยในบ้านหลังนั้น!” 

 

 

หลินหรูมองหยางจิ้งเสียนอย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าหยางจิ้งเสียนต้องมารับโหรวโหรวไปจากเธอแน่ ทันทีที่เธอหายดี แต่… หลินหรูพบว่าเธอเข้าใจน้องสะใภ้ผิดไปถนัด จิ้งเสียนเป็นคนอ่อนโยน ใจดี และดีกับเธอมาก เพียงเพราะเธอเองเคยตั้งตัวเป็นศัตรูกับจิ้งเสียน ทำให้เธอสองคนห่างเหินกัน 

 

 

“ขอบคุณนะ จิ้งเสียน” หลินหรูลุกขึ้นเดินไปหาหยางจิ้งเสียน และโค้งคำนับอย่างต่ำให้น้องสะใภ้ ขณะกล่าวว่า “ขอบคุณที่อดทนกับฉันมาตลอดก่อนหน้านี้ ขอบคุณสำหรับสิ่งที่เธอทำให้ฉัน และขอบคุณเธอกับหงลี่ที่รับโหรวโหรวไว้ในครอบครัวเรา ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไรที่เราจะ…” 

 

 

“ไม่เป็นไรนะ อย่าร้องไห้ในช่วงเวลาที่มีความสุขสิ ในที่สุดเราก็ได้กลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้ง เพราะฉะนั้นเราควรมีความสุข” หยางจิ้งเสียนโบกมือและกล่าวด้วยเสียงหัวเราะ “เอาละ ตกลงตามนี้นะ ฉันจะได้โทรหาบริษัทย้ายบ้าน ให้มาช่วยเราขนของ เรามาทานอาหารค่ำด้วยกันนะคืนนี้” เมื่อกล่าวจบเธอก็รีบถามคุณปู่เซียว “คุณพ่อคะ พ่อครัวของเรายังอยู่หรือเปล่าคะ ทำไมเราถึงไม่มีพ่อครัวไว้ทำอาหารให้เราที่บ้านล่ะคะ เราจะได้ทานอาหารค่ำกันที่บ้านทุกวัน” 

 

 

คุณปู่เซียวหัวเราะ และพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ดีๆๆ นั่นคือครอบครัวอย่างที่ควรจะเป็น” 

 

 

ถังซียืนอยู่ข้างๆ โดยไม่พูดอะไร แล้วจึงยกมือขึ้นเงียบๆ หยางจิ้งเสียนถามเธอด้วยรอยยิ้ม “มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ โหรวโหรว” 

 

 

ถังซีหัวเราะเบาๆ กล่าวว่า “ฟังดูดีมากเลยค่ะ แต่ถ้าเราย้ายไปอยู่บ้านคุณปู่ จะไม่ไกลเกินไปสำหรับพี่ๆ ที่จะไปทำงาน และหนูไปโรงเรียนเหรอคะ” 

 

 

“ไม่เป็นไรจ้ะ หนูกับพี่ๆ ก็อยู่ที่บ้านพักของเราในวันพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์ และกลับไปอยู่กับพวกเราที่บ้านคุณปู่ในวันศุกร์และวันเสาร์ก็ได้” หยางจิ้งเสียนยิ้มและกล่าวว่า “บ้านคุณปู่อยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานของคุณพ่อ และเวลาทำงานของคุณพ่อก็ไม่ได้ตายตัว เพราะฉะนั้นไม่เป็นปัญหาสำหรับคุณพ่อ ส่วน…” หยางจิ้งเสียนหันไปมองเซียวหงอี้และกล่าวว่า “สำหรับพ่อของหนู ตอนนี้พี่ใหญ่ก็ไม่ได้ดูแลเซียวกรุปเป็นหลัก งานที่สำคัญที่สุดของเขาตอนนี้คือดูแลแม่ของหนู” 

 

 

“พ่อกับคุณพ่อหรือ ฟังดูสับสนจริงๆ” คุณปู่เซียวขมวดคิ้ว กล่าวว่า “ยังไงโหรวโหรวก็คงเป็นลูกสาวหงลี่ ถ้าอย่างนั้นให้ยายหนูเรียกเธอสองคนว่าคุณลุงกับคุณป้าก็แล้วกัน!” 

 

 

ใบหน้าเซียวหงอี้กับหลินหรูนิ่งขึงไปทันที… หยางจิ้งเสียนยืนอยู่ข้างๆ ไม่รู้จะทำยังไง และยังคงนิ่งเงียบ… หางตาถังซีหรี่ลง แล้วเธอจึงเสนอขึ้น “ให้หนูเรียกคุณพ่อทั้งสองว่า คุณพ่อใหญ่ กับคุณพ่อเล็ก ดีไหมคะ…”