ถังซีนั่งลงบนเก้าอี้ราวกับไม่ได้ยินอะไร จากนั้นก็หยิบหนังสือเรียนภาษาอังกฤษที่อาห้าเตรียมไว้ให้เมื่อวานนี้ขึ้นมา เตรียมตัวเรียนวิชาถัดไป เมื่อเห็นถังซีไม่สนใจเธอ เผิงอวี้ก็คว้าหนังสือเรียนภาษาอังกฤษของถังซี ลุกขึ้นยืน ก้มลงมองถังซีและกล่าวอย่างเย็นชา “เธอหูหนวกหรือไง ไปนั่งแถวหลังสุด! ฉันไม่อยากนั่งกับเธอ”
ถังซีเลิกคิ้ว มองหนังสือที่เผิงอวี้คว้าไป ดวงตาเธอเป็นประกายวาววับ ยิ้มเยือกเย็น จากนั้นก็กอดอก นั่งไขว่ห้างเอนตัวพิงไปด้านหลัง กล่าวอย่างใจเย็น “ฉันไม่ได้หูหนวก แต่ฉันเข้าใจเฉพาะภาษามนุษย์ เธอคิดว่าเธอเป็นใครเหรอ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้บรรดานักเรียนที่กำลังกลั้นหายใจฟังพวกเธออยู่ก็อ้าปากค้าง เผิงอวี้หน้าซีดเผือดด้วยความโกรธ เธอตะโกนออกมา “กล้าดียังไง!”
“ก็ยังงี้แหละ แล้วไงล่ะ” ถังซีขัดจังหวะเธอ และเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าเรียบเฉย เอ่ยว่า “เข้าใจให้ชัดเจนด้วย คุณครูผูให้ฉันนั่งตรงนี้ ฉันก็จะนั่งตรงนี้ ถ้าเธอไม่อยากนั่งกับฉัน เธอก็ไปหาที่นั่งที่อื่น หรือไม่ก็หุบปาก” เมื่อจบคำพูดถังซีก็ยิ้ม เอื้อมมือไปคว้าหนังสือของเธอคืนจากมือเผิงอวี้
เผิงอวี้สูดหายใจเข้าลึกๆ จ้องถังซีเขม็ง กล่าวอย่างข่มขู่ว่า “เธอรู้ไหมว่าฉันเป็นใคร แม้แต่ลุงของเธอยังไม่กล้ายุ่งกับฉัน นับประสาอะไรกับเธอ!”
“อ้อเหรอ ขอโทษนะ ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร” ถังซีกล่าว วางหนังสือลงบนโต๊ะด้วยท่าทางสบายใจ พลางหัวเราะ “ฉันไม่เคยขอความช่วยเหลือจากคุณลุงเวลาฉันถูกรังแก” ปกติแล้วเธอจะขอความช่วยเหลือจากพี่ๆ คุณพ่อเธอยุ่งเกินกว่าจะมาจัดการกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ จะดีกว่าถ้าขอความช่วยเหลือจากพี่ๆ … สำหรับคุณลุงของเธอ… พวกท่านเป็นคนใหญ่คนโต… หรือไม่ก็… เอ้อ ช่างเถอะ เป็นไปไม่ได้เลยที่พวกท่านจะมาใส่ใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้
เผิงอวี้หลิ่วตามองถังซี “เราจะได้เห็นดีกัน เธออย่าร้องไห้ก็แล้วกัน ตอนที่ฉันแก้แค้นเธอ!”
ถังซียืดตัวขึ้น มองเผิงอวี้อย่างเกียจคร้าน “โอเค ฉันจะรอนะ แต่อย่าลืมแก้แค้นฉันหลังจากวันพุธหน้า เพราะฉันจะไปปารีสวันพรุ่งนี้” จากนั้นเธอก็เปิดตำรา และในเวลานี้เสียงกระดิ่งเข้าเรียนก็ดังขึ้น
เมื่อเห็นเช่นนี้หนิงเคอที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดก็เปิดกระเป๋า หยิบหนังสือเรียนภาษาอังกฤษออกมา
ในชั้นเรียนภาษาอังกฤษ ถังซีแสดงความสามารถได้อย่างยอดเยี่ยม ทักษะทางภาษาอังกฤษของเธอสร้างความประทับใจให้กับครูสอนภาษาอังกฤษเป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดคุณครูก็พูดแต่ภาษาอังกฤษล้วนๆ ทุกครั้งที่ถามคำถามคุณครูจะเลือกถังซีเป็นคนตอบ ดังนั้นจึงมีนักเรียนเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจสิ่งที่คุณครูสอน ถังซีลุกขึ้นและนั่งลงบ่อยครั้งในชั้นเรียน จนถึงกับปวดต้นขา
หลังหมดเวลาเรียนคุณครูภาษาอังกฤษก็เดินเข้าไปหาถังซี และกล่าวอย่างชื่นชม “ครูเคยได้ยินคุณครูคนก่อนของเธอบอกว่าเธอมีความสามารถทางภาษาต่างประเทศมาก ตอนนี้ครูรู้แล้วว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง ครูเรียนภาษารัสเซียด้วย คิดว่าเราคงได้พูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์ในการเรียนภาษาต่างประเทศกันนะ”
ถังซีลุกขึ้นยืนด้วยรอยยิ้ม และกล่าวอย่างสุภาพ “คุณครูอู๋คะ ชมหนูเกินไปแล้วค่ะ หนูแค่สนใจภาษาต่างประเทศ ก็เลยดูรายการภาษาต่างประเทศมากกว่ารายการอื่นๆ ถ้ามีโอกาสหนูก็อยากพูดคุยเกี่ยวกับประสบการณ์การเรียนรู้กับคุณครูค่ะ”
คุณครูอู๋พยักหน้าด้วยความชื่นชม หันไปมองนักเรียนคนอื่นๆ และกล่าวว่า “ส่งกระดาษคำตอบเขียนตามคำบอกของพวกเธอให้หัวหน้าชั้นเรียนด้วย ครูจะได้นำไปตรวจทีหลัง” เมื่อกล่าวจบเขาก็มองถังซีด้วยรอยยิ้มอย่างอ่อนโยน กล่าวว่า “ครูขอดูคำตอบของเธอหน่อย”
ถังซีพยักหน้า และส่งกระดาษคำตอบให้คุณครูอู๋ คุณครูดูแล้วยิ้มขณะกล่าวว่า “ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาบอกว่าเธอเป็นอัจฉริยะ คำตอบของเธอถูกต้องทั้งหมด”
ถังซียิ้ม “หนูทบทวนวิชาเรียนล่วงหน้าเมื่อคืนนี้ และท่องจำคำศัพท์ค่ะ”
“ดีมาก” คุณครูอู๋กล่าวแล้วเดินจากไป หนิงเคอผู้มีตำแหน่งหัวหน้าชั้นเรียนมีสีหน้าไม่สบอารมณ์ เริ่มรวบรวมกระดาษคำตอบของนักเรียน แล้วจู่ๆ เขาก็ขมวดคิ้ว ถามออกมาดังๆ “ใครเป็นตัวแทนชั้นเรียนวิชาภาษาอังกฤษ”
“เราเอง” เด็กชายสวมแว่นคนหนึ่งยืนขึ้นแล้วถามว่า “มีอะไรเหรอ”
ถึงแม้หนิงเคอคนนี้จะอายุน้อยกว่าเขาหลายปี แต่ด้วยเหตุใดไม่รู้เขาค่อนข้างเกรงเด็กคนนี้…
หนิงเคอมองตัวแทนชั้นเรียนภาษาอังกฤษและถามอย่างหงุดหงิด “การรวบรวมข้อสอบวิชาภาษาอังกฤษ ไม่ใช่หน้าที่ของตัวแทนชั้นเรียนภาษาอังกฤษเหรอ” เมื่อกล่าวจบเขาก็ยื่นกระดาษตำตอบในมือให้ตัวแทนชั้นเรียนภาษาอังกฤษ และกล่าวกับทุกคนว่า “ต่อไปส่งข้อสอบให้เขา ผมจะไม่รับผิดชอบเรื่องนี้ อย่ามารบกวนผม เว้นแต่จะมีอะไรที่สำคัญ”
บรรดานักเรียนมองหน้ากันและกันอย่างงุนงง แล้วทำไมเธอถึงยอมรับตำแหน่งหัวหน้าชั้นเรียน
หนิงเคอเลิกคิ้ว กวาดตามองหน้านักเรียนที่ต่างตกตะลึงแล้วนั่งลง เขายอมรับตำแหน่งหัวหน้าชั้นเรียนไม่ใช่เพื่อมาทำงานโง่ๆ แบบนี้ แต่เพื่อให้รักษาหน้าเซียวโหรว
ตอนอยู่ชั้นมัธยมปลายปีที่หนึ่ง คุณครูที่ปรึกษาจะเป็นผู้คอยจดบันทึกการเรียนในชั้นไว้ให้เซียวโหรวเมื่อเธอขาดเรียน ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจำเป็นต้องทำหน้าที่นี้ให้เธอ ไม่อย่างนั้นเธอจะพลาดวิชาเรียนไปมาก เมื่อกลับมาจากปารีส
ถังซีไม่รู้ถึงความคิดของหนิงเคอ เธอลุกจากที่นั่งเดินไปห้องเรียนเก่า เพราะมีบางอย่างจะถามเฉินจื่อเยียน
เฉินจื่อเยียนตื่นเต้นมากที่เห็นถังซี และวิ่งออกจากห้องเรียนมาอย่างกระตือรือร้น นักเรียนคนอื่นๆ ก็ตื่นเต้นที่ได้พบเธอ และทักทายเธอไม่หยุด ถังซีทักตอบทุกคนอย่างอบอุ่น จากนั้นก็จับแขนเฉินจื่อเยียน พยักหน้าเรียกเธอไปที่มุมหนึ่ง แล้วถามเฉินจื่อเยียนเบาๆ “เธอขอให้แม่เธอช่วยตามหาสามีภรรยาคู่นั้นให้ฉันหรือยัง มีเบาะแสอะไรไหม”
เธอให้เฉินจื่อเยียนขอให้มารดาช่วยสืบหาพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดหลินหรู คุณนายเฉินคุ้นเคยกับหลินเจียว นางอาจรู้เรื่องส่วนตัวของหลินเจียว เป็นการง่ายกว่าสำหรับนางที่จะสืบหาพ่อแม่หลินหรู เธอขอความช่วยเหลือจากเฉียวเหลียงด้วยเช่นกัน แต่เขายังไม่ได้เบาะแสอะไรเลย… แม้ว่าหลินหรูจะไม่ได้พูดถึงพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดอีก แต่ถังซีบอกได้เลยว่ามารดากระตือรือร้นที่จะได้พบพ่อแม่ที่แท้จริงของเธอ
เฉินจื่อเยียนส่ายศีรษะกล่าวว่า “ขอโทษนะ โหรวโหรว แม่ฉันขอให้พ่อช่วยสืบหาคู่สามีภรรยาที่เธอพูดถึง แต่ท่านไม่ได้เบาะแสเลย สิ่งเดียวที่เรารู้คือครอบครัวหลินย้ายไปอยู่ที่เมือง W สี่สิบกว่าปีแล้ว ดังนั้นถ้าเราต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเราอาจต้องตามหาคนที่เป็นเพื่อนบ้านของครอบครัวหลินเมื่อสี่สิบปีก่อน แม่ฉันขอให้คนของท่านตามหาคนเหล่านั้น แต่มีเพียงไม่กี่คนที่ยังอาศัยอยู่ที่นั่น พวกเขาย้ายออกไป หรือไม่ก็…เสียชีวิตหมดแล้ว”
ประกายตาถังซีสดใสขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนี้ เธอถามว่า “บางคนย้ายออกไปแล้วเหรอ เธอมีข้อมูลติดต่อไหม ฉันจะตามหาพวกเขาเอง”