ตอนที่ 584 ทำไมถึงไม่เกลียดเธอสักหน่อย / ตอนที่ 585 ในหัวใจยังมีเขาหรือเปล่า

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 584 ทำไมถึงไม่เกลียดเธอสักหน่อย 

 

 

           “หมอบอกว่าเขาเคยได้รับบาดเจ็บมาก่อน และบาดแผลก็อยู่ที่หน้าอก ถ้าหากลึก…ลึกกว่านี้อีกหน่อย ก็อาจตายได้…” คุณแม่เผยพูดแล้วก็เริ่มร้องไห้ 

 

 

           มิน่าล่ะตั้งแต่เขากลับมาก็ไม่ไปหาคุณแม่เผยที่บ้าน ที่แท้เพราะว่าร่างกายของเขาอ่อนแอมาก เขาไม่ได้พูดอะไรเลย รู้งี้เธอก็คงไปหาเขานานแล้ว 

 

 

           “งั้นตอนนี้เป็นอันตรายถึงชีวิตหรือเปล่า” ฉู่เจียเสวียนแสร้งทำเป็นเอ่ยปากอย่างเข้มแข็ง สายตาหยุดอยู่ที่คนที่นอนอยู่บนเตียง ดวงตาร้อนเผ่า 

 

 

           ต้องโทษเธอ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเธอ เผยหนานเจวี๋ยก็จะไม่กลายเป็นแบบนี้ 

 

 

           คุณแม่เผยส่ายหน้า “ตอนนี้ไม่มีอันตราย” 

 

 

           สีหน้ากงจวิ้นฉือไร้ความรู้สึก ในใจรู้สึกอึดอัดกับความเป็นห่วงที่มากเกินไปของฉู่เจียเสวียน แต่ว่าเขาก็รู้ว่านั่นเป็นเพราะว่าเขาช่วยชีวิตฉู่เจียเสวียน 

 

 

           มองดูคนที่หายใจอ่อนแรงอยู่บนเตียง ฉู่ไม่เคยเห็นเขาอ่อนแอเช่นนี้มาก่อน แม้เมื่อก่อนเวลาที่ฉู่อีอีราดน้ำกรดใส่เขา หรือตอนที่เขารับมีดแทนเธอ เธอก็ไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้ 

 

 

           ตอนนี้เขาอ่อนแอเหมือนกับเด็กคนหนึ่ง 

 

 

           น้ำตาไหลออกมาจากดวงตา ต้องโทษเธอ ถ้าหากเขาไม่ได้มาช่วยเธอ เขาก็คงไม่บาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ แผลเก่าของเขาก็จะไม่กำเริบ หากรู้ว่าร่างกายเขามีบาดแผล ครั้งที่แล้วไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็ควรลากเขาไปที่โรงพยาบาล 

 

 

           ยิ่งคิด ฉู่เจียเสวียนก็ยิ่งโทษตัวเอง เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะเธอ เป็นเพราะเธอ 

 

 

           เผยหนานเจวี๋ย ทำไมคุณต้องมาช่วยฉัน ทำไมคุณถึงไม่เกลียดฉัน ทำไมคุณถึงช่วยฉันครั้งแล้วครั้งเล่า 

 

 

           คุณคิดว่าทำแบบนี้แล้วฉันจะยกโทษให้คุณงั้นเหรอ คุณนึกว่าการมาช่วยฉันในแต่ละครั้ง ฉันจะยกโทษคุณงั้นเหรอ 

 

 

           “เป็นเพราะฉัน…เป็นเพราะ…” ฉู่เจียเสวียนยังไม่ทันพูดจบ ก็หลับตาหมดสติไป 

 

 

           “เจียเสวียน เจียเสวียน…” กงจวิ้นฉือตกใจ รีบยื่นมือรับร่างของเธอที่กำลังจะล้มลง 

 

 

           เห็นได้ชัดว่าทุกคนไม่คิดว่าฉู่เจียเสวียนจะเป็นลม ทุกอย่างเกิดขึ้นภายในพริบตา กงจวิ้นฉืออุ้มฉู่เจียเสวียนไปยังห้องคนไข้ ซูซานไปตามคุณหมอ ส่วนคุณแม่เผยก็อยู่ที่เดิมดูอาการของเผยหนานเจวี๋ย 

 

 

           ราตรีเยือกเย็นราวกับสายน้ำ เมื่อเข้าฤดูหนาวแล้ว สายลมยามค่ำคืนเหน็บหนาว แสงจันทร์ก็เช่นกัน 

 

 

           ใบไม้ถูกลมพัดจนเต้นรำอยู่ในอากาศ ดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่งในคืนอันเงียบสงบ  

 

 

           ตอนกลางคืน ฉู่เจียเสวียนตื่นขึ้นมาจากความฝัน เธอมองรอบกายด้วยความตื่นตระหนก กงจวิ้นฉือนอนฟุบอยู่ข้างเตียงของเธอ  

 

 

           เธออึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นก็ยกสองมือกุมศีรษะแน่น เธอหวังเหลือเกินว่าเรื่องเหล่านั้นที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้เป็นเพียงความฝัน ขอเพียงเธอตื่นขึ้นมา เผยหนานเจวี๋ยก็จะไม่เป็นไร และเธอก็จะไม่เป็นไร 

 

 

           “คุณตื่นแล้วเหรอ รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” กงจวิ้นฉือพูดด้วยความตื่นเต้น เดิมทีเขานอนหลับไม่สนิท หากฉู่เจียเสวียนมีการเคลื่อนไหวอะไร เขาก็ตื่นทันที 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนส่ายหน้า อ้าปาก พบว่าริมฝีปากแห้งมากและในปากยังมีกลิ่นเลือด เธอขมวดคิ้ว 

 

 

           “เขาตื่นแล้วยัง” ฉู่เจียเสวียนกลืนน้ำลาย รีบเอ่ยปาก 

 

 

           “ยังเลย” กงจวิ้นฉือตอบอย่างอดทน 

 

 

           “งั้นอาการของเผยหนานเจวี๋ยเป็นไงบ้าง คุณหมอได้บอกอะไรไหม” ฉู่เจียเสวียนไม่วางใจเผยหนานเจวี๋ยจริงๆ ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าเผยหนานเจวี๋ยเป็นอย่างไรบ้าง 

 

 

           ได้ยินน้ำเสียงเป็นกังวลของฉู่เจียเสวียน ในใจของกงจวิ้นฉือรู้สึกไม่พอใจมาก แต่ว่าเขาก็ยังบอกตามความจริง “คุณหมอให้เผยหนานเจวี๋ยรอดูอาการในโรงพยาบาล ตอนนี้ร่างกายของเขายังอ่อนแอ ต้องเช็คอาการเรื่อยๆ” 

 

 

           “แล้วมันร้ายแรงมากหรือเปล่า” ฉู่เจียเสวียนตื่นตระหนก 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 585 ในหัวใจยังมีเขาหรือเปล่า 

 

 

           “วางใจเถอะ ไม่ร้ายแรงมาก คุณหมอบอกว่าต้องบำรุงร่างกายหน่อยก็หายแล้ว แต่ว่าต่อไปห้ามโหมงานเกินไป ทำงานหนักไม่ได้” กงจวิ้นฉืออธิบายอย่างใจเย็น 

 

 

           ที่จริงแล้วเผยหนานเจวี๋ยเจ็บหนักขนาดนั้นเพราะฉู่เจียเสวียน ฉะนั้นเพื่อไม่ให้ฉู่เจียเสวียนเป็นห่วง เขาจึงศึกษาอาการของเผยหนานเจวี๋ยอย่างละเอียด 

 

 

           “งั้นก็ดี…งั้นก็ดี” ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า พึมพำไปตามจิตใต้สำนึก 

 

 

           เช่นนั้นเธอต้องดูแลเขาให้ดี หลังจากผ่านเรื่องนี้ไปแล้วเธอเข้าใจหัวใจของตัวเองอย่างชัดเจน เธอยังรักเขาอยู่ 

 

 

           เธอไม่สามารถหลอกตัวเองได้ ในช่วงเวลาที่เร่งด่วนเช่นนั้น การที่ได้เห็นเขาปรากฏตัว เธอก็รู้สึกโล่งใจและมีความสุข เธอยังไม่สามารถลืมความรู้สึกยินดีแบบนั้นได้จนป่านนี้ 

 

 

           เขาเปรียบเหมือนเทพบุตรที่สวรรค์ส่งมาให้ แววตาที่เป็นประกายแบบนั้นชวนให้รู้สึกสบายใจ 

 

 

           “เจียเสวียน คุณพักผ่อนก่อนเถอะ คุณหมอบอกว่าน้ำตาลในเลือดคุณต่ำ” บ่ายนี้จู่ๆ ฉู่เจียเสวียนก็หมดสติไป ทำเอาพวกเขาตกใจแทบแย่ 

 

 

           โชคดีที่ร่างกายของเธอไม่ได้เป็นอะไรมาก เพียงแค่อาการหมดสติที่เกิดจากโรคโลหิตจาง 

 

 

           พยักหน้า กงจวิ้นฉือประคองฉู่เจียเสวียนขึ้นนอนบนเตียง 

 

 

           อาจเป็นเพราะอ่อนแอจริงๆ ฉู่เจียเสวียนเอนตัวลงไม่นานก็หลับไปอีกครั้ง 

 

 

           มองดูใบหน้าที่หลับใหลของฉู่เจียเสวียน ใบหน้าของกงจวิ้นฉือเปี่ยมไปด้วยความรักลึกซึ้ง แต่ว่าในใจของเขากลับสับสนเป็นอย่างยิ่ง 

 

 

           เขารู้สึกราวกับว่าฉู่เจียเสวียนกำลังจะไปจากเขาแล้ว 

 

 

           ท่าทีของฉู่เจียเสวียนที่เป็นห่วงเผยหนานเจวี๋ย ทำให้หัวใจของเขาไม่สงบ 

 

 

           ยื่นมือกุมมือของฉู่เจียเสวียนเบาๆ แล้วเอามันมาวางไว้ที่หน้าอย่างละมุนละไม เจียเสวียน ในใจของคุณยังมีเขาใช่ไหม 

 

 

           ทุกครั้งที่เผยหนานเจวี๋ยบาดเจ็บ เธอก็จะไปดูแลเขาข้างกาย แต่ว่าครั้งนี้ เขารู้สึกว่ามันไม่เหมือนเดิมแล้ว เขารู้สึกว่าความรู้สึกของฉู่เจียเสวียนที่มีต่อเผยหนานเจวี๋ยไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว 

 

 

           ความรู้สึกแบบนี้ทำให้จิตใจของเขาวุ่นวาย เขาไม่กล้าคิดต่อไป 

 

 

           “เจียเสวียน ผมชอบคุณขนาดนี้ ถ้าไม่มีคุณแล้ว ผมควรจะทำยังไง” กงจวิ้นฉือพึมพำ สายตาจับจ้องคนที่อยู่บนเตียงคนไข้ 

 

 

           กงจวิ้นฉือเฝ้าฉู่เจียเสวียนอยู่ข้างเตียงทั้งคืน จนกระทั่งรุ่งสาง เขาจึงจากไป 

 

 

           เนื่องจากที่บริษัทมีการประชุมผู้ถือหุ้นเดือนละครั้ง เขาจึงต้องกลับไปประชุม 

 

 

           อีกทั้งช่วงนี้บริษัทกงไม่ค่อยเสถียรเท่าไร เรื่องที่เขาต้องออกหน้านั้นมีมากเหลือเกิน 

 

 

           วันรุ่งขึ้นแสงอาทิตย์สาดส่องอยู่นอกหน้าต่าง ท้องฟ้ามีครามก้อนเมฆสีขาว อากาศแจ่มใส หากไม่ใช่เพราะอากาศที่หนาวจัด ทำให้เกือบคิดว่าเป็นฤดูใบไม้ผลิแล้ว 

 

 

           ขณะที่เผยหนานเจวี๋ยฟื้นขึ้นมาก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ฉู่เจียเสวียนยืนมองเขาเงียบๆอยู่นอกหน้าต่าง 

 

 

           มองดูใบหน้าที่ขาวซีดของเขา ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขาต้องใช้พลังอย่างมากแม้เวลาต้องการจะขยับตัว 

 

 

           เขาที่มีท่าทีคล่องแคล่งในอดีต ตอนนี้กลับเคลื่อนไหวได้เชื่องช้าแบบนี้ ความเจ็บปวดผุดขึ้นในแววตาของฉู่เจียเสวียน “หนานเจวี๋ย…” 

 

 

           หัวใจเธอเต้นรัวด้วยความเจ็บปวด            

 

 

           ราวกับว่าในใจรู้สึกได้ จู่ๆ เผยหนานเจวี๋ยก็หันมองนอกหน้าต่าง 

 

 

           ฉู่เจียเสวียนจากไปด้วยความตื่นตระหนก ตอนนี้เธอไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้าเขาอย่างไร 

 

 

           “แค่ก…แค่กๆ…” ได้ยินเสียงไอลอยมาจากห้องปลอดเชื้อ หัวใจของฉู่เจียเสวียนยิ่งเจ็บปวด 

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยเจ็บทางกายภาพ แต่ฉู่เจียเสวียนเจ็บที่หัวใจ ทันใดนั้นเธอก็เข้าใจว่าอะไรเรียกว่าความเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน 

 

 

           ที่แท้เวลาที่เรารักใครสักคน ทุกความเจ็บปวดที่เขาได้รับช่างทรมานไปถึงหัวใจของตัวเองจริงๆ  

 

 

           ผมยาวของฉู่เจียเสวียนปล่อยสยายอยู่ด้านหลัง เธอสวมชุดคนไข้ แผ่นหลังดูโดดเดี่ยวและไร้เรี่ยวแรงอย่างเห็นได้ชัด เผยหนานเจวี๋ยเหม่อมองแผ่นหลังของเธอ เขาไม่รู้ว่าทำไมเธอต้องหลบหน้าเขา ตอนนี้เขาแทบทนไม่ไหวอยากจะกอดเธอไว้ในอ้อมแขน