ตอนที่ 438 ความชอบส่วนตัว / ตอนที่ 439 สิบนิ้วเชื่อมใจ

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 438 ความชอบส่วนตัว 

 

 

           แต่เจียงมู่เฉินกลับไม่ได้สังเกตเห็นเลยสักนิด ยังตกอยู่ในห้วงความคิดที่ประมวลผลว่าซือเหยี่ยนเป็นคนดีอยู่ 

 

 

           เจียงมู่เฉินพูดไปพูดมาก็รู้สึกว่าซือเหยี่ยนเจ้าหมอนี่เป็นมีน้ำใจจริงๆ เขาอดจะเดินเข้าไปหาแล้วโอบไหล่ซือเหยี่ยนไม่ได้ “ต่อไปพี่ชาย ฉันมีเนื้อแล้วรับรองเลยว่าจะพานายไปดื่มซุป”  

 

 

           ซือเหยี่ยนกวาดสายตามองเจียงมู่เฉินแวบหนึ่ง ดึงมือเจียงมู่เฉินที่โอบไหล่ตัวเองลง  

 

 

           แววตามืดลงเล็กน้อยแฝงความนัย “ผมกลัวว่าวันหลังคุณจะไม่อยากให้ดื่มซุปเนื้อแล้ว” 

 

 

           เจียงมู่เฉินคิดในใจว่าต่อไปอยากจะพาซือเหยี่ยนเจริญก้าวหน้า เพียงแค่เรื่องดื่มซุปเนื้อเอง เขาจะใจแคบขนาดนั้นที่ไหนกัน 

 

 

           ด้วยเหตุนี้มือใหญ่จึงโบกสะบัดมาเต็มแรง “วางใจเถอะ พี่ชาย ฉันพูดคำไหนคำนั้น” 

 

 

           ซือเหยี่ยนมองเจียงมู่เฉินที่อยู่ข้างๆ ไม่ไปไหน แววตาทอประกายรอยยิ้ม 

 

 

           รอวันหน้าเจียงมู่เฉินโดนเขาจับกดจับกินแล้ว ถึงตอนนั้นยังหวังว่าเขาจะสบายๆ แบบนี้ได้ 

 

 

           …… 

 

 

           ซือเหยี่ยนเก็บความรู้สึกกลับมา เห็นเจียงมู่เฉินที่จ้องมองตัวเองด้วยใบหน้าสงสัยใคร่รู้ เขาก็กุมขมับเงียบๆ 

 

 

           “ความชอบส่วนตัว” 

 

 

           คำสี่คำนี้พูดออกมาอย่างเรียบๆ ไม่ช้าและไม่เร็ว 

 

 

           เจียงมู่เฉินมองดูใบหน้าซือเหยี่ยนที่แสนเย็นชา ก็ถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ ใบหน้าที่เย็นเฉียบราวกับน้ำแข็ง นอกจากหน้าตาหล่อแล้ว ก็ไม่ได้มีตรงไหนพิเศษ 

 

 

           ‘ตัวเองคิดยังไงก็คิดไม่ตกว่าทำไมถึงชอบเจ้าก้อนหินแข็งทื่อนี้ได้… 

 

 

           …ชอบเข้าให้แล้วก็ช่างเถอะ ยังมาโดนเขากินไม่เหลืออีก จะพลิกตัวก็พลิกไม่ไหว’ 

 

 

           มุมปากเจียงมู่เฉินกระตุกแล้วกระตุกอีก รู้สึกว่าตัวเองอาจจะมีความสามารถทนรับความทรมานแฝงมา ดังนั้นถึงได้ชอบซือเหยี่ยนผู้ชายที่เข้าถึงยากมากขนาดนี้ได้ 

 

 

           ที่ชั้นล่างของคฤหาสน์ เหวินฮุ่ยกับคุณพ่อซือเตรียมอาหารเที่ยงกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว เห็นทั้งสองคนยังไม่ลงมา ก็อดจะเอ่ยตะโกนเรียกไม่ได้ “ซือเหยี่ยน เฉินเฉิน ลงมากินข้าวกันได้แล้วลูก” 

 

 

           ซือเหยี่ยนเก็บอารมณ์ลงไป เขาเอื้อมมือดึงเจียงมู่เฉินขึ้นมาจากโต๊ะข้างๆ “ไป ลงไปกินข้าวกันเถอะ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้าเดินลงไปกับซือเหยี่ยน ที่ชั้นล่างมีกลิ่นหอมหวนโชยมา เดิมทีเจียงมู่เฉินยังไม่รู้สึกหิว แต่พอพ้นประตูมาเพียงครู่เดียวเท่านั้น ก็รู้สึกว่าหนอนตะกละที่ถูกเกี่ยวอยู่จะออกมาหมดแล้ว 

 

 

           เขาทนไม่ไหวสูดกลิ่นอาหารเข้าไป ซือเหยี่ยนเก็บการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของเขาไว้ในสายตา เอียงหน้ามองแล้วยกมุมปากขึ้นนิดหน่อย 

 

 

           ทั้งสองคนเดินลงมาถึงชั้นล่าง เหวินฮุ่ยและคุณพ่อซือนั่งรออยู่ก่อนแล้ว เจียงมู่เฉินเห็นดังนั้นก็เร่งฝีเท้ารีบเดินเข้าไป 

 

 

           เดินไปสองสามก้าวก็ถึงแล้ว ถึงแม้ว่าเขาคุณชายน้อยเจียงจะหุนหันพลันแล่น ทั้งยังเย่อหยิ่งทะนงตัว แต่สุดท้ายอย่างไรก็ยังเป็นคนที่รู้จักมารยาทอยู่ 

 

 

           ตามความสัมพันธ์ของเขากับซือเหยี่ยนแล้ว พ่อแม่ของซือเหยี่ยนก็ถือว่าเป็นพ่อแม่ของเขาครึ่งหนึ่ง 

 

 

           ในฐานะลูกหลานถือเป็นสิ่งที่ควรพึงกระทำเพื่อให้ความเคารพ 

 

 

           เจียงมู่เฉินและซือเหยี่ยนนั่งลงอยู่ฝั่งตรงข้ามทั้งสองคน เจียงมู่เฉินนั่งอยู่ต่อหน้าเหวินฮุ่ยพอดี 

 

 

           เมื่อเหวินฮุ่ยเห็นเจียงมู่เฉิน นัยน์ตาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มทันที ราวกับชอบเจียงมู่เฉินอย่างโดนใจเข้าอย่างจัง 

 

 

           เจียงมู่เฉินหน้าหนาหน้าทน แต่โดนเหวินฮุ่ยมองอย่างนี้ ก็ชักจะเขินอายบ้างแล้ว 

 

 

           เขาเอื้อมมือไปหยิบแก้วชาขึ้นมาดื่มคำหนึ่งเพื่อกลบเกลื่อน 

 

 

           ซือเหยี่ยนมองความอึดอัดใจของเจียงมู่เฉินออก เขาเงยหน้ามองเหวินฮุ่ยแวบหนึ่ง เหวินฮุ่ยเห็นสายตาห้ามปรามของลูกชายตัวเอง ก็เข้าใจในทันใด 

 

 

           เธอหัวเราะเบาๆ คีบปูให้เจียงมู่เฉิน “เฉินเฉิน น้ารู้ว่าเราชอบกินอันนี้ที่สุด ตั้งใจให้อาเขาหาคนส่งมาให้ ทั้งหมดนี้เป็นปูตามฤดูกาลที่สดใหม่ที่สุดเลยนะ” 

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้ารับทันที พ่อแม่ซือเหยี่ยนดีกับเขา เขายังไม่ทันตั้งรับนิดหน่อย 

 

 

           มีความรู้สึกได้รับความรักความเมตตามากเกินไปจนประหลาดใจมาเสมอ ถึงอย่างไรในภาพความคิดของเขา พ่อแม่ซือเหยี่ยนควรจะเกลียดเขามากเป็นพิเศษถึงจะถูกต้อง 

 

 

           มีหรือจะจินตนาการได้แบบนี้ เป็นการต้อนรับอย่างคาดไม่ถึง 

 

 

           เขามองดูปูในชาม ชิ้นใหญ่มาก เป็นปูเกรดพรีเมียมอย่างเห็นได้ชัด เขาเพิ่งจะเตรียมยื่นมือไปแกะปู ด้างข้างก็มีมือข้างหนึ่งยื่นมาหยิบปูตัวนี้ไป 

 

 

 

 

 

       ตอนที่ 439 สิบนิ้วเชื่อมใจ 

 

 

เจียงมู่เฉินมองตามเข้าไป ก็เห็นซือเหยี่ยนทำหน้าเรียบเฉย ในมือนั้นถือปูที่เพิ่งหยิบออกมาจากชามของเจียงมู่เฉินอยู่ 

 

 

เจียงมู่เฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย อะไรกัน ซือเหยี่ยนคงจะไม่ใช่ว่ารู้สึกว่าแม่เขาดีกับตัวเองเกินไปเลยหึงหรอกใช่ไหม 

 

 

ดังนั้นถึงได้อยากจะหยิบแม้แต่ปูในชามของเขาไป 

 

 

ได้เห็นเพียงแค่ซือเหยี่ยนใช้มือจับปูแยกชิ้นส่วน เอาส่วนที่กินไม่ได้ออกทั้งหมดอย่างคล่องแคล่วเสร็จสรรพ ทันทีหลังจากนั้นถึงค่อยวางกระดวงปูพร้อมตัวปูลงในชามของเจียงมู่เฉิน 

 

 

เพียงชั่วพริบตาเดียวนั้น เหมือนเจียงมู่เฉินโดนฟ้าฝ่าลงมาอย่างไรอย่างนั้น คนทั้งคนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น 

 

 

สมองที่กำลังมึนๆ งงๆ อยู่นั้น จู่ๆ ก็มีภาพภาพหนึ่งประกายวาบขึ้นมา 

 

 

ตอนนั้นพวกเขาเพิ่งจะเข้าโรงเรียนฝึกตำรวจ เจียงมู่เฉินไม่คุ้นชินกับอาหารในโรงเรียนฝึกตำรวจ แล้วก็ไม่รู้ว่าไปเอาปูตัวใหญ่สองตัวนั้นมาจากไหน 

 

 

มือข้างหนึ่งหิ้วปูมา ย่องเบามุ่งหน้าไปยังโรงอาหาร 

 

 

ใครจะเคยคิดว่าเดินๆ อยู่ก็เจอเข้ากับซือเหยี่ยนพอดี ซือเหยี่ยนเหมือนอัจฉริยะสมองกล มองแวบแรกก็เห็นเจียงมู่เฉินเก็บซ่อนปูไว้ข้างหลัง 

 

 

กำลังอยากจะพูดจา ก็เห็นสีหน้าเจียงมู่เฉินเปลี่ยนกะทันหัน ร้องเรียกเขาอย่างกระวนกระวาย “ซือเหยี่ยน ซือเหยี่ยน มาเร็ว” 

 

 

ซือเหยี่ยนยังคงอยู่ที่เดิม ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมา 

 

 

เจียงมู่เฉินร้องเรียกอีกครั้ง “พี่ชาย พี่ซือเหยี่ยน ช่วยด้วย” 

 

 

ที่แท้ปูตัวนั้นหนีบเข้าที่นิ้วมือของเจียงมู่เฉินพอดี เขาเจ็บปวดดิ้นพล่านไปทั่ว 

 

 

ซือเหยี่ยนเห็นเหตุการณ์แล้ว ก็รีบเข้าไปคว้าตัวเจียงมู่เฉินที่ดิ้นพล่านเอาไว้ แล้วหยิบปูออกจากมือเจียงมู่เฉินด้วยความระมัดระวัง 

 

 

แต่มือเจียงมู่เฉินถูกหนีบจนเขียวช้ำแล้ว เจ็บจนต้องสูดปากผ่อนลมหายใจ แม้แต่ขอบตาก็แดงก่ำไปหมดแล้ว 

 

 

ซือเหยี่ยนเห็นสภาพเช่นนั้น เสียงต่ำก็เอ่ยถาม “เจ็บขนาดนี้เชียว” 

 

 

ฝึกกับเจียงมู่เฉินมาตั้งนานขนาดนี้ ไม่เคยเห็นขอบตาเจียงมู่เฉินแดงก่ำมาก่อน แล้วครั้งนั้นก็ไม่ใช่ช่วงที่กัดฟันฝึกกันมาด้วย 

 

 

แต่วันนี้กลับถูกปูตัวเล็กๆ ตัวหนึ่งทำเอาเกือบจะร้องไห้ออกมาได้ 

 

 

ขอบตาเจียงมู่เฉินแดงก่ำ ใบหน้างามละเอียดได้รูปปรากฏความรู้สึกน้อยใจอย่างบอกไม่ถูก 

 

 

“สิบนิ้วเชื่อมใจ เข้าใจไหม” 

 

 

ซือเหยี่ยนไม่เข้าใจว่า ‘สิบนิ้วเชื่อมใจ’ นี้เจ็บแค่ไหน แต่ว่าเขามองดูใบหน้าของเจียงมู่เฉิน พลางเอ่ยเสียงต่ำ “งั้นให้ผมเอาไปทิ้งให้คุณไหม” 

 

 

พอเจียงมู่เฉินได้ยินคำว่า ‘ทิ้ง’ ก็ร้อนรนทันที “ไม่ได้ จะทิ้งได้ยังไงกัน” 

 

 

‘กว่าจะได้มาไม่ใช่ง่ายๆ อยากจะเปิดเตาเล็กๆ ให้ตัวเอง จะพูดว่าทิ้งได้ที่ไหนกัน’ 

 

 

ซือเหยี่ยนมองปูในมือ แล้วมามองเจียงมู่เฉิน “มือบาดเจ็บแล้วไม่ใช่เหรอ ยังจะกินอยู่อีก?” 

 

 

“กินๆๆ ต้องกินอยู่แล้ว เพื่อมัน ฉันเจ็บตัวแล้ว ไม่กินเสียของแย่” 

 

 

ซือเหยี่ยนกุมขมับแล้ว รู้สึกว่าความคิดนี้ของเจียงมู่เฉิน เขาไม่อ่านไม่ขาดจริงๆ  

 

 

ในเมื่ออ่านไม่ขาด เขาก็ไม่อยากจะอ่านต่อแล้ว เขาเตรียมยื่นมือส่งปูกลับไปให้เจียงมู่เฉิน 

 

 

ใครจะคิดว่าพอเจียงมู่เฉินถูกปูหนีบแล้ว จะกลัวแบบจะเป็นจะตายให้ได้ ไม่กล้าเข้าใกล้โดยสิ้นเชิง 

 

 

เขาหลบไปไกลด้วยท่าทางน่าสงสาร จ้องมองปูที่อยู่ในมือของซือเหยี่ยน ดวงตากลมโตเบิกกว้าง “พี่ใหญ่ พี่ชาย…พี่ซือเหยี่ยน…ฉันกลัว…” 

 

 

เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำว่า ‘กลัว’ ออกจากปากเจียงมู่เฉิน ข้างหน้านั้นยังมีคำว่า ‘พี่ชาย’ ต่อกันอีก มุมปากซือเหยี่ยนกระตุกแล้วกระตุกอีก 

 

 

เขากวาดสายตามองปูในมือแวบหนึ่ง แล้วมามองเจียงมู่เฉิน เอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “งั้นจะให้ทำยังไง” 

 

 

นัยน์ตาดอกท้อของเจียงมู่เฉินลุกวาว เขาจ้องมองซือเหยี่ยน เอ่ยด้วยความตื่นเต้น “ซือเหยี่ยน ช่วยคนทั้งทีก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด ถือโอกาสนี้ล้างปูนึ่งปูให้ฉันไปเลยสิ” 

 

 

ซือเหยี่ยนก้มหน้าลงมองปู จิตใต้สำนึกสั่งให้เขาปฏิเสธข้อเสนอนี้ 

 

 

‘ให้เขานึ่งปูให้เจียงมู่เฉินเหรอ’ 

 

 

ซือเหยี่ยนต้องไม่ยอมอยู่แล้ว 

 

 

เขาเอาปูวางลงบนโต๊ะด้านข้าง หันกลับอยากจะเดินออกไป แต่ข้างหลังก็มีแรงแรงหนึ่งรั้งเขาไว้ให้อยู่ที่เดิม เดินไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง 

 

 

ซือเหยี่ยนหันกลับไปมองอีกครั้ง ก็เห็นเจียงมู่เฉินทำหน้าทำตาน่าสงสารจ้องมองเขา “ซือเหยี่ยน นายไม่คิดจะช่วยฉันจริงๆ เหรอ”