บทที่ 1664 - มังกรหยกขาวสําหรับมู่หยุน ชิงเก้อ

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1664 – มังกรหยกขาวสําหรับมู่หยุน ชิงเก้อ

 

เมื่อทุกอย่างสงบลง พระราชวังอาทิตย์อัสดงก็ได้ยึดครองพระราชวังมังกรสมุทร ชิงสุ่ยมองไปยังมังกรหยกขาวที่เคยเป็นของชายวัยกลางคน

 

แม้ว่ามันจะทรงพลังมากกว่าอสูรสยบมังกร มังกรหยกขาวก็ยังคงหวาดระแวงอยู่ในตอนนี้ อสูรสยบมังกรนั้นเป็นศัตรูตามธรรมชาติของมัน นอกจากนี้ยังเป็นอสูรสยบมังกรพันธ์พิเศษ

 

เมื่อใช้เถาวัลย์อสูรกระหายเลือดและเชือกตรึงอสูร ชิงสุ่ยก็สามารถจับมังกรหยกขาวเอาไว้ได้อย่างไร้ทางหนี้

 

เสียงคํารามของมันสั่นสะเทือนไปทั่วพื้นดิน ชิงสุ่ยรู้สึกชื่นชอบมังกรหยกขาวตัวนี้แต่เขานั้นมีอสูรสยบมังกรและมังกรไอยราเกล็ดทองคําอยู่แล้ว เขาจึงหันไปมองอีเย่ เจียนเก้อ

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อนั้นรู้ดีถึงความคิดของชิงสุ่ยและหัวเราะออกมา “พี่ใหญ่ชิงเฉินและข้านั้นมีสัตว์เลี้ยงอยู่แล้วเจ้ามอบให้พี่สาวชิงเก้อดีกว่า”

 

ชิงสุ่ยยิ้มและพยักหน้า เขามีทั้งยาเสริมอสูรศักดิ์สิทธิ์ ฤดูใบไม้ผลิแห่งชีวิต และดอกไม้แห่งชีวิต

 

แต่ของพวกนี้ก็ยังไม่มากพอ เหลืออีกกว่าขาด สัตว์อสูรตัวนี้อาจจะเหมาะสมสําหรับประมุขวงทั้ง 3 คนเพราะพวกนางต่างก็เป็นธาตุน้ํา แต่มันดีที่สุดสําหรับมู่หยุน ชิงเก้อเพราะนางนั้นอยู่ในเผ่านาคาเร้นลับ

 

ม่หยุน ชิงเก้อต้องการที่จะปฏิเสธในตอนแรก แต่เมื่อนางได้เห็นมังกรหยกขาวที่ติดอยู่ในเถาวัลย์อสูรกระหายเลือดมองมาที่นาง นางก็เดินออกไปขอบคุณชิงสุ่ยสําหรับยาเสริมอสูรศักดิ์สิทธิ์

 

ชิงสุ่ยขมวดคิ้ว เพราะความสามารถของมังกรหยกขาวนั้นเหนือกว่าโอวซิ่วหลเสียอีก แต่เมื่อเขาจับมันได้ประมุขวิ่งทั้ง 3 คนต่างก็ปฏิเสธที่จะรับมันไป

 

เมื่อเห็นชิงสุ่ยขมวดคิ้ว มู่หยุน ชิงเก้อหัวเราะ “อย่ากังวลไปเลย ไปเป็นอะไรหรอก มรดกของข้าก็เกี่ยวข้องกับมังกร ยิ่งไปกว่านั้นขาคิดว่ามันต้องการอยู่กับข้า”

 

ชิงสุ่ยหันไปมองมังกรหยกขาวและตระหนักถึงคําพูดของมู่หยุน ชิงเก้อ ในดวงตาของมังกรหยกขาวนั้นไม่มีการต่อต้านหลงเหลือก่อน มันมองไปยังมู่หยุน ชิงเก้อราวกับเป็นลูกของนาง

 

หลังจากที่เถาวัลย์อสูรกระหายเลือดหายไป มังกรหยกขาวก็วิ่งไปรอบๆตัวของมู่หยุน ชิงเก้อที่ยืนอยู่บนศีรษะสัตว์อสูณขนาดมหึมา นางค่อยๆลูบศีรษะของมัน

 

ศีรษะของมังกรหยกขาวเปร่งรัศมีสีขาวออกมา ทุกๆคนรู้ดีว่าตอนนี้มันถูกทําให้เชื่องแล้ว

 

การที่ม่หยุน ชิงเก้อได้รับมังกรหยกขาวนั้นทําให้พลังของพระราชวังอาทิตย์อัสดงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ชิงสุ่ยรู้สึกยินดีอย่างยิ่งในตอนนี้

 

ผู้คนของพระราชวังมังกรสมุทรต่างย้ายมาที่พระราชวังอาทิตย์อัสดงและพระราชวังมังกรสมุทรก็สามารถอยู่รอดต่อไปได้ พระราชวังอาทิตย์อัสดงนั้นไม่ได้ใช้ชื่อเสียงของพระราชวังมังกรสมุทรหรือไปยังพระราชวังมังกรเพื่อหาผลประโยชน์ในตอนนี้

 

ชายชราผู้ที่ประกาศยอมแพ้ก่อนหน้านี้ก็เห็นด้วยกกับประมุขวงทั้ง 3 คน ตามความจริงแล้วเขามีสิทธิ์ออกความเห็นใดๆเลยด้วยซ้ําในเรื่องนี้

 

ผู้คนของพระราชวังมังกรเริ่มเคลื่อนย้ายมาที่แดนทะเลน้ําแข็ง โชคดีที่ระยะห่างนั้นไม่ได้ไกลกันมากและข่าวลือเรื่องการตายของโอวซิ่วหลี่ยังไม่ได้แพร่ออกไป ชายชราคนก่อนหน้านี้ยังสามารถปกครองพระราชวังมังกรสมุทรได้ในตอนนี้

 

ตระกูลโอวนั้นแทบจะล่มสลายไปในตอนนี้ โอวซิ่วหลื่นั้นไม่ได้มีเครือญาติหรือลูกหลานมากนัก นอกจากนี้คนกว่า 50 คนที่ชิงสุ่ยได้สังหารไปก่อนหน้านี้ก็มาจากตระกูลโอว

 

สถานการณ์ในตอนนี้ดีกว่าที่ชิงสุ่ยคาดคิดเอาไว้ เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้พลังของพระราชวังอาทิตย์อัสดงนั้นเพิ่มขึ้นหลายเท่า

 

การยกระดับของหญิงสาวทั้งสามคนทําให้พลังของพระราชวังอาทิตย์อัสดงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว แม้ว่าจํานวนสมาชิกที่เพิ่มขึ้นนั้นจะสามารถทําให้พระราชวังอาทิตย์อัสดงย้ายไปอยู่ที่ทะเลเหนือได้แต่ก็ยังต้องใช้เวลาเพื่อเตรียมการและเตรียมความพร้อมให้ดี

 

ไม่ว่าที่ใดก็ล้วนมีกฎระเบียบและข้อบังคับทั้งสิ้น ไม่รวมถึงกฎระเบียบพื้นฐานที่ทุกๆคนควรรู้ ผู้ที่ทรงพลังนั้นสามารถทําลายกฎบางอย่างและสร้างกฎเกณฑ์ขึ้นมาเองได้

 

เวลา 1 เดือนได้ผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว สถานการณ์ของพระราชวังอาทิตย์อัสดงเริ่มคงที่ในตอนนี้ เหล่าหญิงสาวตัดสินใจที่จะไม่ไปยังทะเลเหนือในตอนนี้ เพราะในตอนนี้พวกนางถือเป็นผู้ที่ทรงพลังที่สุดภายในแดนทะเลน้ําแข็งแห่งนี้

 

เหล่าผู้อาวุโสที่อยู่ในระดับพลังปราณสวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ต่างก็มาเป็นผู้พิทักษ์ของพระราชวังอาทิตย์อัสดงและรับคําสั่งจากประมุขวงทั้ง 3 คน แม้ว่าเขาจะเป็นผู้พิทักษ์ด้วยเช่นกันแต่ชิงสุ่ยก็ยังมีเวลาว่างที่มากกว่าผู้อื่น เขาตัดสินใจที่จะกลับไปเยี่ยมเยียนเมืองหลินหาย

 

ความสัมพันธ์ระหว่างชิงสุ่ยและประมุขพระราชวอาทิตย์อัสดงนั้นยังไม่มีความก้าวหน้าใดๆรวมถึงกับมู่หยุนชิงเก้อก็ด้วยเช่นกัน พวกนางทั้งสามคนนั้นต่างก็เป็นคนที่ฉลาดและรู้ตัวดีว่าควรจะทําอะไรในตอนนี้

 

ความรักไม่เข้าใครออกใครดังนั้นเรื่องนี้จึงปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติจะดีกว่า

 

ชิงสุ่ยใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับอเย่ เจี้ยนเก้อ แต่ก็ไม่มีอะไรที่น่าประหลาดใจเพราะพวกเขาได้แต่งงานกันแล้ว พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกันตลอดทั้งเดือนและนี่เป็นช่วงเวลาที่ยาวนานที่สุดที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกันนับตั้งแต่แต่งงานกันมา

 

ความสัมพันธ์ของพวกเขานั้นมีมาตั้งแต่อดีต เริ่มจากเป็นศิษย์และอาจารย์กัน จากนั้นก็ได้กลายเป็นเพื่อนสนิท ชิงสุ่ยยังได้ไปทําลายสันเขาราชันย์ราชสีห์เพื่อนางอีกด้วย

 

แม้ว่าอเย่ เจี้ยนเก้อจะไม่อยากให้ชิงสุ่ยจากไปแต่นางก็ไม่ได้รั้งเขาเอาไว้ พวกเขายังมีเวลาอีกเหลือเฟือในชีวิตที่ยืนยาวนี้ ยิ่งไปกว่านั้นชิงสุ่ยยังไม่ใช่ผู้ที่จะถูกหยุดยั้งเอาไว้ด้วยหญิงสาวและตัณหา

 

“โปรดระวังตัวให้ดีและไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา พวกเราดูแลตัวเองได้” อีเย่ เจี้ยนเก้อกล่าวในขณะที่ช่วยจัดคอเสื้อให้ชิงสุ่ย ดวงตาของนางนั้นดูงดงามและอบอุ่นอย่างยิ่ง

 

“ข้ารู้สึกไม่อยากไปเลยในตอนนี้” ซึ่งสู่ยโอบกอดนาง

 

“พวกเราจะกลับมาพบกันอีก เป็นเรื่องที่ดีที่ได้แยกกันเสียบ้าง ขากลัวว่าเจ้าอาจจะไม่ชอบข้าขึ้นมาหากเราได้อยู่ด้วยกันนานเกินไป” อีเย่ เจี้ยนเก้อยิ้มและลูบไล้ไปที่ใบหน้าของชิงสุ่ย

 

ชิงสุ่ยจุมพิดไปที่ริมฝีปากของภรรยาตนเองในตอนที่นางแนบกายของเขา

 

หลังจากเวลาผ่านไปครู่หนึ่งชิงสุ่ยก็ปล่อยอเย่ เจี้ยนเก้อไป ริมฝีปากของนางบวมขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ทําให้นางอยู่เย้ายวนใจเป็นอย่างมาก

 

อีเย่ เจี้ยนเก้อรู้สึกเขินอาย นางเหมือนกับผ้าขาวที่โดนชิงสุ่ยแต้มสีตามที่เขาต้องการ นางพร้อมที่ทําทุกอย่างเพื่อชายคนนี้

 

“ข้าจะคิดถึงท่าน สามีของข้า” อีเย่ เจี้ยนเก้อกล่าวออกมาเบาๆ

 

“ข้าเองก็ด้วยเช่นกัน ข้าจะคิดถึงเจ้าบ่อยๆ” ชิงสุ่ยและอิเย่ เจี้ยนเก้อโอบกอดซึ่งกันและกัน

 

เมื่อจากมาแล้วชิงสุ่ยก็กลับไปที่หอคอยจักรพรรดิ์ ถานท้าย หลังเยียนและฉันซึ่งไม่ได้อยู่ที่นี่เพราะพวกนางได้กลับไปที่พระราชวังจอมอสูรแล้ว แม้ว่าเขาจะไม่ได้คิดมากอะไรแต่จริงๆแล้วชิงสุ่ยอยากจะใช้เวลาอยู่ที่นี่กับหญิงสาวทั้งสองคนให้นานกว่านี้

 

ในตอนนี้เมืองหลินห่ายสงบสุขอย่างยิ่งสําหรับชิงสุ่ย เหลียนหลิงเฟิงและหยิน ต่งต่างก็แยกตัวออกไปฝึกฝนในตอนนี้ แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ได้อยู่เคียงข้างพวกเขาแต่ก็ให้ความช่วยเหลือพวกเขาทุกๆอย่าง

 

พวกเขาจะทรงพลังขึ้นอย่างมากหลังจากการเก็บตัวฝึกฝนครั้งนี้

 

ชิงสุ่ยรู้สึกพึงพอใจกับพลังของตนเองในตอนนี้ แม้ว่าทักษะวชิระจู่โจมจะสามารถใช้ได้เพียงวันละครั้งแต่พลังของมันนั้นก็น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง

 

วชิระไร้เงาก็ถือว่ายอดเยี่ยมเช่นเดียวกัน เมื่อผสมผสานเข้ากับทักษะวชิระจู่โจมพลังที่เกิดขึ้นนั้นย่อมน่ากลัวอย่างยิ่ง แม้จะใช้วชิระไร้เงาเพียงอย่างเดียวก็สามารถเพิ่มความเร็วให้กับเขาได้อีกหลายเท่า

 

เสวี่ย นั่ว ซีจีชาและหลิน เฟยนั้นไม่ได้ออกไปเก็บตัวฝึกฝน พวกนางต่างก็รู้สึกยินดีอย่างยิ่งว่าได้เห็นชิงสู่ยกลับมา หลิน เฟยนั้นดูงดงามและมีเสน่ห์เย้ายวนมากยิ่งขึ้นเมื่อได้แต่งงานกับหยิน ต่ง ชิงสุ่ยรู้สึกว่าแม้แต่ซีจีชานั้นยังไม่เย้ายวนใจเท่ากับหลิน เฟย หลิน เฟยนั้นคล้ายคลึงกันกับอีเย่ เจี้ยนเก้อทั้งในด้านรูปลักษณ์และนิสัยใจคอ

 

แต่ย่อมไม่มีผู้ใดงดงามไปกว่าอีเย่ เจี้ยนเก้อ อย่างน้อยที่สุดชิงสุ่ยก็จินตนาการไม่ออกว่าผู้ใดจะสามารถงดงามไปกว่าอีเย่ เจี้ยนเก้อและหลิน เฟยได้ในตอนนี้

 

หลังจากได้พูดคุยกันเป็นเวลาครึ่งวันชิงสุ่ยและเหล่าหญิงสาวรวมถึงอว เหนียงก็ไปยังหอคอยจักรพรรดิเพื่อรักษาคนไข้

 

ด้วยชื่อเสียงของเขา ชิงสุ่ยได้รับการทักทายจากผู้คนจํานวนมากที่มายันหอคอยจักรพรรดิ์ ชิงสุ่ยติดอยู่ในฝูงชนในตอนนี้แต่เขาก็ทําอะไรไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ต้องรักษาผู้ป่วยฟรีทั้งหมด

 

เรื่องของชิงสุ่ยนั้นยังเป็นที่กล่าวถึงเสมอในเมืองหลินห่าย ชิงสุ่ยได้รับการเคารพนับถือจากผู้คนมากมายและทุกๆคนต่างรู้ดีว่าเขาทรงพลังมากเพียงใด แต่ด้วยการที่เขารักษาผู้ป่วยฟรีนั้นทําให้เขาได้รับการเคารพนับถือจากผู้คนเพิ่มขึ้นไปอีก – บางคนก็เรียกเขาว่าท่านลุง ท่านนา พี่ชาย

 

มีเพียงผู้ที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะได้รับการสนับสนุนจากประชาชน เมื่อมีผู้ที่แข็งแกร่งอยู่ใกล้เคียงนั้นผู้คนโดยรอบก็จะได้รับประโยชน์ตามไปด้วย

 

ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดอยากจะก่อความวุ่นวายขึ้นมาในที่แห่งนี้ จึงกล่าวได้ว่าหากมีผู้ที่ทรงพลังอยู่ที่ใดที่แห่งนั้นก็จะสงบสุขตามไปด้วย

 

ไม่แปลกที่ผู้ที่ทรงพลังจะได้รับการเคารพนับถือจากคนอื่นๆ

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยมันเป็นที่รู้จักกันดีในเมืองหลินห่าย ทุกๆคนต่างก็เคารพเขาในฐานะผู้พิทักษ์ของเมืองแห่งนี้พวกเขายังถือว่าหอคอยจักรพรรดินั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์

 

ข่าวคราวเกี่ยวกับหอคอยจักรพรรดินั้นถูกแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วและผู้คนจํานวนมากต่างก็มาที่นี่เพื่อขอรับการรักษา

 

ตระกูลเหลียนนั้นก็สงบสุขในตอนนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างหอคอยจักรพรรดิและตระกูลเหลียนเป็นที่รู้จักของคนทั่วไป เหลียนหลิงเฟิงนั้นยังเป็นพี่น้องกับชิงสุ่ยอีกด้วย