บทที่ 310 ตระกูลจ้าว
ปัง!
ประตูถูกผลักก่อนอีกครั้ง
เวินเหรินจึงเลยยืนอยู่ตรงประตูและมองเธอด้วยสีหน้าเศร้าหมอง
“เมิ่งเยว่ สองคนนี้เป็นใคร? จะไม่แนะนําพวกเขาให้ลุงสองรู้จักหน่อยหรอ?
เวินเมิ่งจ้องไปอย่างเยือกเย็น
“นี่คือเพื่อนหนูเอง คุณลุงไม่จําเป็นต้องรู้จัก!”
เวินเหรินจึงเลยหัวเราะเล็กน้อยและไม่ได้สนใจอะไรมากนัก
“ฉัน ลุงสองกําลังเป็นกังวลเกี่ยวกับชีวิตเธอนะ! ลุงไม่อยากให้เธอมาทําเรื่องแปลกๆต่อหน้าเพื่อนจนทําให้เธอผิดหวัง!”
“พอ!”
เวินเมิ่งยืนขึ้นทันทีแล้วมองเวินเหรินจึงเล่ยด้วยสีหน้าเย็นชา
“คุณลุงไม่จําเป็นต้องเอาตัวเองมายุ่งเรื่องของหนูขนาดนี้หรอกค่ะ!”
สีหน้าเวินเหรินจิงเลยมืดมน สายตาเยือกเย็นจับจ้องไปที่เย่หยุและเผยรอยยิ้มเหยียดหยันออกมา
“นายคือเย่หย?”
เย่หยูพยักหน้า และมองเวินเหรินจิงเลยอย่างใจเย็น
“ผมเอง”
เมื่อได้ยิน สีหน้าของเวินเหวินจึงเล่ยก็มืดมนยิ่งกว่าเดิม
ในฐานะผู้ชายที่มีประสบการณ์มาก่อน เวินเหรินจิงเลยเข้าใจความคิดของหลานสาวเขาดี ดูเหมือนว่าเมิ่งเยวจะมีความประทับใจที่ดีกับพ่อหนุ่มที่ชื่อเย่หยุคนนี้ แต่แล้วไงหละ?
เขากล้าจะไปเป็นลูกเขยคนอื่นได้จริงๆหรอ?
“พ่อหนุ่ม ปล่อยเมิ่งเยว่ไปซะ เธอไม่ใช่คนที่นายจะได้ครอบครอง!”
เย่หยหัวเราะเบาๆเมื่อได้ยินแบบนั้น เขาไม่ได้สนใจเวินเหรินจึงเล่ยพร้อมกับหยิบถ้วยชาขึ้นมาดื่ม
เวินเหรินจิงเลยสังเกตว่าเย่หยุไม่ได้สนใจอะไร เขาจึงโกรธมาก
“พ่อหนุ่มควรจะรู้ไว้ดีกว่า! เมิ่งเยว่มีคู่หมั้นแล้ว นายควรจะรักษาระยะห่างจากเธอไว้!”
ปัง!
เวินเมิ่งตบโต๊ะ เธอมองเห็นเห็นจึงเล่ยอย่างเยือกเย็น
“หนูบอกลุงแล้วไง หนูไม่มีคู่หมั้น ลุงบังคับหนูแบบนี้ไม่ได้!”
“แล้วคุณลุงก็ไม่มีสิทธิ์มาวิพากษ์วิจารณ์คนที่เป็นเพื่อนสนิทเพราะมันเป็นอิสระของหนู!”
“สิทธิ์? “
เวินเหรินจึงเล่ยยิ้มเหยียด
“ฉันเป็นลุงสองของเธอนะ งั้นฉันจึงมีคุณสมบัติที่จะควบคุมเธอ!”
หน้าเวินเมิ่งเริ่มแดงแล้วเธอก็ตะโกนอย่างเย็นชาว่า
“หนูไม่ได้มีลุงสองเหมือนอย่างคุณ คนที่ปฏิบัติเหมือนหนูเป็นสินค้า!”
“ใครจะทําเวินเมิ่งแบบนั้น? เธอต้องการชีวิตแบบไหนก็มีสิทธิ์เลือกได้เอง ไม่มีใครมายุ่งได้ แม้แต่คุณที่เป็นลุงสองของเธอ!”
“มีอะไรอีกหละ เมื่อเวินเมิ่งไม่เห็นด้วย คุณได้เตรียมคู่หมั้นไว้ให้เธอแล้ว? นี่มันยุคอะไรกันเนี่ย? ใครอนุญาตให้คุณทําแบบนี้!”
แววตาเยือกเย็นฉายในดวงตาของเวินเหรินจึงเลย
“คนหนุ่มสาวคนจะรู้จักที่ของตัวเอง! ฉันรู้ว่าเมิ่งเยว่ชอบนายแต่แล้วไงหละ?”
“คุณชายตระกูลจ้าวได้เจอเมิ่งเยว่แล้ว นายคิดว่านายเป็นใคร? นายกล้ามาแข่งกับคุณชายตระกูลจ้าวได้ยังไง!”
“คุณชายจ่าว?”
สีหน้าเย่หยุไม่เปลี่ยนไปขณะหัวเราะพลางพูดพลาง
“ผมไม่รู้จริงๆว่าคุณชายจ้าวคือใคร!”
สายตาดูถูกของเวินเหรินจึงเล่ยลึกขึ้นขณะพูดอย่างดูถูก
“หึหึ นายไม่รู้ว่ากําลังเผชิญหน้ากับใคร แถมยังกล้าที่เสนอหน้าอีก ฉันต้องขอพูดว่าฉันชื่นชมในความกล้าหาญของนาย!”
“ฉันจะบอกความจริงกับนาย อิทธิพลของตระกูลจ้าวนั้นใหญ่โต จ้าวหมิงหยู คุณชายจ้าว ลูกชายคนเล็กของผู้อาวุโสสูงสุดของตระกูลจ้าวและผู้อาวุโสสูงสุดของแซ่จ้าวก็คือจ้าวหยาง?”
“จ้าวหยาง?”
เยว่หยุปากกระตุกและค่อยๆพูดว่า
“ไม่เคยได้ยินมาก่อน!”
ซึ่งเหมิงที่อยู่ด้านข้างกําลังครุ่นคิดสักพักก่อนที่จะตาสว่าง
“จ้าวหยางคนนี้เป็นท่านอาวุโสกิตติมศักดิ์ของพันธมิตรจอมยุทธ์ จ้าวหยาง?”
เวินเหรินจิงเลยจ้องซึ่งเหมิง ความประหลาดใจสะท้อนอยู่ในแววตาเขา
“โอ้? นายค่อนข้างมีความรู้นี่ ถูกต้อง! ท่านอาวุโสพันธมิตรจอมยุทธ์ จ้าวหยาง! ในเวลาเดียวกันเขายังเป็นผู้บริหารของจ้าวกรุ๊ปอีกด้วย ดํารงตําแหน่งสําคัญทั้งโลกธุรกิจและรัฐบาล!”
“ตระกูลจ้าวได้รับการสนับสนุนจากฝ่ายพันธมิตรจอมยุทธ์ มันเป็นตําแหน่งที่สําคัญทั้งโลกธุรกิจและรัฐบาล!”
“แล้วมดอย่างนายจะมาต่อกรกับสัตว์ประหลาดได้ยังไงกัน?”
“ไม่จําเป็นต้องให้คุณชายตระกูลจ้าวจัดการเองหรอก เขาแค่ส่งลูกน้องออกไปก็สามรถบดนายให้ตายง่ายๆได้!”
เวินเหรินจึงเลยเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา เขามองเหยูและพูดอย่างเยือกเย็นว่า
“เป็นยังไงบ้างหละ? นายกลัวเปล่า? นายยังไม่รีบออกไปจากที่นี่อีกหรอ!”
“กลัวเหรอ?”
เย่หยุสบตาเยือกเย็นแล้วหัวเราะเบาๆ
“คุณคิดว่าคุณสามารถทําอะไรก็ได้ตามต้องการ เพราะได้รับการสนับสนุนจากพันธมิตรจอมยุทธ์งั้นหรอ? คุณไม่กลัวว่าวันหนึ่งจะถูกเตะออกมาบ้างหรอ!”
“เราจําเป็นต้องสนใจคนพวกนั้นด้วยเหรอ เห็นได้ชัดว่าจ้าวหมิงหยูผู้นี้ทําอะไรบางอย่างที่น่าเกลียด เช่น การบังคับผู้หญิง ในความคิดของฉันนะ พวกตระกูลจาวใกล้จะจบสิ้นแล้ว!”
เวินเหรินจิงเลยมองเย่หยอย่างเหยียดหยัน ส่งเสียงออกมาอย่างเยือกเย็น
“หึหึ เรื่องตลก! นายคิดว่านายเป็นใคร? นายเป็นแค่มดบนถนน ยังกล้ามาพูดจาไร้สาระเกี่ยวกับอนาคตของตระกูลจ้าวได้ยังไง! !”
ด้านข้างเย่หย ซึ่งเหมิงก็เปล่งเสียงออกมาอย่างเย็นชาขณะมองเวินเหรินจิงเลย เขาพูดด้วยน้ําเสียงเย็นชา
“ระวังคําพูดของคุณด้วย คนบางคนอาจไม่ใช่คนที่คุณจะสามารถทําให้โกรธได้!”
เวินเหรินจึงเลยตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาแล้วชี้ไปที่เย่หยูและเยาะเย้ยเขา
“นี่นายกําลังพูดถึงเขาหรอ? หยุดพูดเล่นได้แล้ว! สถานะของเขาคืออะไร ทําไมฉันถึงไม่สามารถทําให้เขาโกรธได้?”
“ไม่ใช่แค่นายเท่านั้น แม้แต่ตระกูลจ้าวที่คุณพูดถึงก็ไม่สามารถล่วงเกินได้!”
ซึ่งเหมิงร้องอุทานออกมาอย่างเยือกเย็นแล้วกอดอก
เวินเหรินจึงเลยมองซึ่งเหมิงด้วยท่าทีแปลกๆ ราวกับว่าเขากําลังมองคนโง่
“บ้า บ้าไปแล้วจริงๆ!”
เวินเหรินจึงเลยส่ายหัวมองเมิ่งเยว่แล้วถาม
“เมิ่งเยว่ เธอแน่ใจนะว่าสติเย่หยุไม่ได้ผิดปกติ? “
“เขาไม่แม้แต่จะมองตระกูลจําวอยู่ในสายตาด้วยซ้ํา!”
เวินเมิ่งมองจึงเล่ยอย่างดูถูก
“ไม่ว่าสถานะของเหยูจะเป็นยังไง ในสายตาฉัน เขาก็ยังแข็งแรงกว่าคุณชายตระกูลจ้าวร้อยเท่า!”
“เธอ! อย่าหวังไปหน่อยเลย!”
เวินเหรินจิงเลยตะโกนออกมาด้วยความโกรธเล็กน้อยแล้วเอื้อมมือไปคว้าเธอ
“ตามฉันมา พวกเราต้องไปพบคุณชายจ้าว!”
เสี้ยว!
เย่หยูก้าวไปข้างหน้าเพื่อกันเมิ่งเยว่ แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า
“ต่อหน้าฉัน นายยังกล้ามาแตะต้องเธอ!”
เวินเหรินจิงเลยตกใจเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นแววตาก็ลุกเป็นไฟทันที เขาก่าหมัดแน่นแล้วเหวี่ยงใส่เย่หย
“เด็กเหลือขอ! นายคิดจริงๆหรอว่านายหนะดีเลิศ!”
เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่เชื่องช้าจากเวินเหรินจิงเลย เย่หยแทบไม่ได้กระพริบตา
ปัง!
ข้างๆเขา ซึ่งเหมิงก็ออกมาและโจมตีเวินเหรินจิงเลยไปข้างหลัง
“โอ้ย!”
เวินเหรินจึงเลยปล่อยเสียงร้องออกมาแล้วจากนั้นก็ทรุดตัวลงบนพื้น หลังจากผ่านไปสักพัก เวินเหรินจึงเล่ยก็ลุกขึ้น กําหน้าอกของตัวเอง แววตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวขณะจ้องซิงเหมิง
“นี่นายเป็นจอมยุทธ์หรอ?”
ซึ่งเหมิงพยักหน้าพร้อมมองเห็นเห็นจึงเลยด้วยความเยาะเย้ย
“ไม่แย่!”
เวินเหรินจึงเล่ยหายใจเข้าลึก พยายามสวมบทผู้กล่า
“ถึงแม่นายจะเป็นนักสู้? พ่อของจ้าวหมิงหยู จ้าวหยางเป็นผู้อาวุโสกิตติมศักดิ์ของพันธมิตรจอมยุทธ์นะ!”
แกเป็นแค่จอมยุทธ์ตัวเล็กแล้วยังกล้ามาล้มอานาจจากสวรรค์อีก!
“ถ้านายยังมีความกล้า งั้นก็เก็บชื่อนายไว้กับตัวให้ดีเถอะ!”
“ฉันชื่อซึ่งเหมิง!”
ซึ่งเหมิงหัวเราะอย่างเยือกเย็น
“คุณเอาไปบอกจ้าวหยางให้มาเอาเรื่องกับฉันได้ ถ้าเขากล้านะ!”
“ซึ่งเหมิง?”
“เวินเหรินจึงเลยลังเลอยู่สักพัก ชื่อนี้มันช่างคุ้นๆ!”
“ซึ่งเหมิง’ สุดยอดแปดพยัคฆ์ เป็นนาย!”
เวินเหรินจึงเล่ยร้องตะโกนออกมาททันที ร่างกายของเขาอดไม่ได้ที่จะสะท้าน ชื่อของซิงเหมิงเป็นชื่อที่เคยได้ยินบางคนพูดถึงจากจ้าวหมิงหยู ในอดีตที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่เกิดพายุขึ้นในเมือง อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่ที่เขาบาดเจ็บและหมดอํานาจ เขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
หากเป็นสงครามธรรมดาๆ เวินเหรินจึงเลยไม่ได้หวาดกลัว แต่ซึ่งเหมิงยังคงมีผู้สนับสนุนอันทรงอํานาจ
อดีตหัวหน้าพันธมิตรจอมยุทธ์ ดาบแห่สวรรค์หลือเฉิน!
ตอนต่อไป →