ตอนที่ 712

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.712 – ทํานายอนาคต

 

นอกก้นบึ้งมังกร

  

กู้ไทซูถูกซัดด้วยฝ่ามือจันทราที่ทำให้บาดเจ็บอยู่บ้างแต่เขาก็หัวเราะออกมาเมื่อเห็นหน้าที่ซีดไปของซือหยู

  

“ฮ่าๆๆๆ…พลังชีวิตของเจ้ายังเทียบไม่ได้กับกึ่งภูติที่มีแก้วสองดวงเลยสินะ!คงฝืนตัวเองอยู่ล่ะสิ!”

  

คำพูดของเขาทำให้สองศักดิ์สิทธิ์กับคนที่เหลือมีความกล้าแม้ว่าเขาจะบาดเจ็บ แต่หากมองดูสถานการณ์ดีๆแล้วจะพบว่าพวกเขาโล่งใจ แม้ว่าซือหยูจะแข็งแกร่ง แต่ฐานพลังของเขาก็ไม่มากพอที่จะเติมเต็มช่องว่างระหว่างพลัง

  

“โจมตีมันพร้อมกันเลยไม่นานเราก็จะชนะ!”

  

กู้ไทซูพูดและแสยะยิ้มออกมา

  

“เจ้าจะใช้วิชาระดับสูงได้ซักกี่ครั้งกัน!”

  

กู้ไทซูกับสองศักดิ์สิทธิ์เหลือบมองกันทั้งคู่เริ่มจู่โจมซือหยู! ทั้งสองเข้าล้อมซือหยูและเตรียมจะส่งเขาไปยมโลก

  

ซือหยูถอนหายใจอย่างสิ้นหวังถ้าเขาเจอกับกู้ไทซูคนเดียนวก็ยังพอจะมั่นใจว่าเอาชนะได้ก่อนพลังชีวิตจะหมดไป แต่ตอนนี้กู้ไทซูมีการช่วยเหลือจากสองศักดิ์สิทธิ์และคนที่เหลือ พวกเขาในตอนนี้แข็งแกร่งกว่าซือหยูเป็นอย่างมาก

  

เมื่อเห็นว่าทั้งสองกำลังจะมาจบชีวิตของเขาเขาหลับตาลงช้าๆ ดวงตาของเขามีความเยือกเย็นดังเดิมเมื่อลืมตาอีกครั้ง

  

“ช่างเถอะข้าจะฆ่าพวกเจ้าพร้อมกัน!”

  

ซือหยูหัวเราะเสียงดังด้วยสายตาเยือกเย็น

  

เสียงดังของเขาทำให้กู้ไทซูกับสองศักดิ์สิทธิ์ช้าลงพวกเขาเริ่มที่จะรู้สึกไม่มั่นใจ

  

“ฮื่มมันก็แค่หมาจนตรอก เข้าไปพร้อมกันเลย!”

  

กู้ไทซูข่มความอึดอัดใจและตะโกนอยช่างโกรธเกรี้ยวเขาพุ่งเข้าใส่ซือหยูต่อไป

  

แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะได้สังหารซือหยูก็มีสตรีคนหนึ่งปรากฏตัวท่ามกลางเมฆขาวนางเข้ามาขวางซือหยูและกลุ่มคนที่กำลังพุ่งเข้าใส่เขา

  

นางมีรูปลักษณ์งดงามและท่วงท่าอันสง่างามนางเหยียบเมฆขาวราวกับนางไม้ที่ลงมาจากสวรรค์ สีสันของทั้งโลกหม่นหมองลงไป มีเพียงนางงามราวกับนางไม้ผู้นี้ที่เด่นชัด

  

“คนมากขนาดนี้สู้กับคนๆเดียว…มันไม่ยุติธรรมไม่ใช่รึ?ให้ข้าสนุกด้วยสิ!”

  

เสียงสดใสดังออกมาจากนาง

  

ซือหยูหันไปมองแผ่นหลังอันคุ้นเคยและอ้าปากค้าง

  

“จิงหยู…”

  

เขาจ้องมองคนตรงหน้าอย่างเงียบเชียบความรู้สึกอันมิอาจอธิบายเอ่อล้นออกมาจากหัวใจในพริบตา

  

ก่อนงานวิวาห์ใหญ่ของเขาเซี่ยจิงหยูได้ตัดการติดต่อกับเขาทุกช่องทาง นางยังเตือนซือหยูอีกว่าเขาจะต้องเสียใจ

  

หลังจากนั้นนางก็ได้หายตัวไปแต่นางกลับปรากฏตัวอีกครั้งในตอนที่ซือหยูตกอยู่ในอันตราย

  

“พี่จิงหยู!”

  

ในก้นบึ้งมังกรใบหน้าฉินเซี่ยนเอ๋อยินดีเป็นอย่างมาก

  

“ถ้านางมาข้าก็จะไม่อยู่เฉยๆแล้ว!”

  

ในตอนนั้นจิงหยูหยิบเอาขวดหยกมาจากกระเป๋าใบเล็กที่เอว นางดื่มโอสถทั้งหมดภายในนั้น

  

จากนั้นนางก็นั่งลงผ่านไปไม่นาน คนรอบข้างเห็นได้เลยว่าพลังในร่างกายนางเปลี่ยนไปอย่างมาก

  

หวูอู๋ยี่ตกใจมาก

  

“ทะลวงพลังรึ?นั่นมันโอสถอะไรกัน? นางทะลวงพลังได้โดยตรงโดยไม่ต้องเจอกับวิบัติสวรรค์!”

  

ผู้เฒ่าจิวหรี่ตามอง

  

“มันคือโอสถภูติที่เป็นโอสถที่ถูกลืมไปตั้งแต่โบราณกาล!เด็กสาวอย่างนางจะมีโอสถแบบนี้ติดตัวได้อย่างไร? น่าตกใจยิ่งนัก!”

  

หวูอู๋ยี่มองไปทางซือหยูโดยไม่รู้ตัวนางยิ้มอย่างขมขื่น

  

“ท่านเตรียมการทั้งหมดนี้ก็เพื่อฉินเซี่ยนเอ๋อ…นายน้อยท่านมั่นใจจริงๆว่าจะต้องตายงั้นรึ?”

  

ความรู้สึกไม่พอใจกัดกินนางนางมองร่างของซือหยูด้วยความใจหาย นางรู้สึกราวกับเรื่องร้ายๆกำลังจะเกิดขึ้นกับซือหยู

  

นอกก้นบึ้งมังกร

  

หญิงสาวผู้งดงามที่ปรากฏตัวออกมาทำให้สองศักดิ์สิทธิ์กับคนที่เหลือเสียสมาธิความงามของนางเทียบได้กับนางไม้ ดังนั้นนางจึงสมควรที่จะได้รับขนานนามว่าสตรีเทวะ

  

“เจ้าอยากตายงั้นรึ?”

  

กู้ไทซูถามอย่างเยือกเย็น

  

เซี่ยจิงหยูไม่มองเขาแม้เสี้ยวลมหายใจนางมองไปยังสองศักดิ์สิทธิ์และคนที่เหลือ

  

“อย่างไรพวกเจ้าก็อยากจะล้างบางเฉินหลงอยู่แล้วจะตอนนี้หรือตอนไหนก็ไม่ต่างกันไม่ใช่รึ?”

  

นางพูดจบและหันไปมองซือหยูใบหน้างดงามของนางไร้ซึ่งความรู้สึก

  

“เจ้าสู้กับกู้ไทซูไปก็พอข้าจะจัดการที่เหลือเอง”

  

ซือหยูตกใจ

  

“เจ้าน่ะรึ?จิงหยู เจ้าต้องไปที่ก้นบึ้งมังกรเดี๋ยวนี้ เจ้าจะปลอดภัยที่นั่น อย่าสละชีวิตให้เสียเปล่าเลย”

  

แต่คาดไม่ถึงว่าเซี่ยจิงหยูนั้นได้ยิ้มขึ้นมารอยยิ้มของนางดูแปลกประหลาดอย่างมาก มันมีบางสิ่งที่ซือหยูมิอาจเข้าใจได้

  

“อย่างนั้นรึ?”

  

นางเลิกคิ้วถามเมื่อพูดจบ นางเคลื่อนไหวอย่างสง่างามไปยังสองศักดิ์สิทธิ์และเหล่าภูติที่เหลือ

  

“ฮื่มนางยังไม่รู้ว่าต้องเจอกับอะไร! ฆ่านางก่อน!”

  

สองศักดิ์สิทธิ์ตะโกนและซัดเซี่ยจิงหยูด้วยมือ

  

พลังชีวิตมหาศาลในฝ่ามือนั้นมากพอที่จะสังหารกึ่งภูติที่มีแก้วสามดวงแต่ทันทีที่ฝ่ามือเขายื่นออกไป เซี่ยจิงหยูก็ก้าวเก้าครั้งไปด้านซ้าย พร้อมกันนั้นฝ่ามือของสองศักดิ์สิทธิ์ก็ได้แล่นผ่านไปโดยไม่โดนนางแม้แต่นิดเดียว

  

แม้มันจะดูไม่แปลกจากคนที่มองดูแต่สองศักดิ์สิทธิ์ก็บอกได้ว่าเซี่ยจิงหยูรู้ทิศทางในการโจมตีของเขาล่วงหน้า นางจึงหลบได้อย่างง่ายดาย!

  

สองศักดิ์สิทธิ์ตะโกนด้วยเสียงทุ้มต่ำ

  

“นางน่าสงสัยช่วยข้าโค่นนางด้วย!”

  

ภูติทั้งสามสิบเอ็ดคนเคลื่อนไหวพร้อมกันแสงหลากสีของกระบวนท่าต่างๆหลอมรวมกักขังเซี่ยจิงหยูไว้ภายใน ถ้านางสัมผัสกับคลื่นพลังชีวิตใดแม้สักครั้ง นางก็จะถูกสังหารในทันที!

  

แต่ภาพที่น่าตกตะลึงได้ปรากฏต่อสองศักดิ์สิทธิ์เขาอ้าปากค้าง เซี่ยจิงหยูนั้นก้าวสามก้าวไปที่ด้านขวาก่อนจะเดินไปข้างหลัง จากนั้นนางก็ไปด้านขวา และเดินไปข้างหลังอีก…

  

จากนั้นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็ได้ปรากฏขึ้นมาเพราะจุดที่นางหลบนั้นล้วนเป็นจุดที่พลังได้ซัดเข้าไป! หรือพูดอีกอย่างก็คือ ทันทีที่ใช้วิชาใส่นาง นางก็รู้แล้วว่าวิชาเหล่านั้นจะตกตรงจุดไหน!

  

“เจ้าเห็นอนาคต!”

  

สองศักดิ์สิทธิ์เสียงสั่นเขาหวาดกลัวอย่างมาก

  

เซี่ยจิงหยูยิ้มอย่างประหลาด

  

“เห็นอนาคตรึ?ไม่ใช่หรอก…”

  

ระหว่างที่นางพูดนางหยิบเอากระบี่มรกตเล่มเล็กๆและกระบี่ขาวออกมาขว้างไปยังกลุ่มภูติ นางพูดอย่างเบิกบานใจ

  

“เจ้าหนึ่งคนจะถูกฆ่าด้วยกระบี่เล่มนี้มันจะทะลวงหัวใจของเจ้า”

  

กลุ่มภูติระดับสูงมองหน้ากันด้วยแววตาว่างเปล่านั่นก็เพราะกระบี่ขาวนั้นเป็นแค่สมบัติเทพระดับกลางที่ธรรมดาเป็นอย่างมาก และมันก็ไม่มีพิษที่เคลือบกระบี่เอาไว้ด้วย มันไม่มีพลังลี้ลับอื่นอยู่เลย

  

และท่าทางที่นางขว้างกระบี่ก็ไม่ได้แสดงถึงภัยหากประเมินด้วยตา กระบี่นี้สังหารราชันย์ศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ด้วยซ้ำ ไม่ต้องภูติถึงกลุ่มภูติเลย!

  

“ถอยออกไป!”

  

สองศักดิ์สิทธิ์สั่งทุกคนให้ถอยด้วยความระมัดระวังเขาคิดว่าถึงเรื่องการป้องกันกระบี่และไม่ได้ลงมือทำสิ่งใด

  

ดังนั้นกระบี่ขาวจึงแค่ผ่านกลุ่มผู้คนไปก่อนที่จะสิ้นแรงและร่วงหล่นสู่เบื้องล่างในทางที่มันตก มันได้ถูกเศษรอยแยกมิติที่เกิดจากการปะทะกันของซือหยุกับกู้ไทซูปกคลุมโดยบังเอิญ

  

ด้วยการแทรกแทรงไปในรอยแยกมิติกระบี่จะถูกบดขยี้เป็นเสี่ยงๆทันทีที่มันเข้าไปในรอยแยกนั้น ตั้งแต่ต้นจนจบ กระบี่เล่มเล็กนี้มิได้สร้างความเสียหายใด ดังนั้นสองศักดิ์สิทธิ์จึงสงสัยว่าคำพูดเมื่อครู่เป็นเพียงลูกไม้ของหญิงสาวที่หลอกพวกเขา

  

“ทำบ้าอะไรของเจ้า?ข้าไม่สนใจแล้วว่าเจ้าจะเล่นอะไร ทุกอย่างมันไร้ประโยชน์ ไป…ฆ่านาง!”

  

สองศักดิ์สิทธิ์ให้สัญญาณภูติทั้งสามสิบเอ็ดคนให้พุ่งเข้าใส่เซี่ยจิงหยู

  

แต่จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังมาจากกลุ่มภูติ!สองศักดิ์สิทธิ์ใจเต้นแรงและหันไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น สิ่งที่เห็นทำให้เขาต้องเบิกตากว้าง

  

เขาเห็นสิ่งเดียวบนอกของภูติขั้นสูงที่กรีดร้องมันถูกเฉือนออก อกของเขาราวกับได้หายไปจากร่างกาย!

  

คนอื่นยๆเห็นรอยแยกมิติทมิฬด้านหลังภูติคนที่เพิ่งถูกสังหารมันเกิดขึ้นเพียงพริบตาเดียวก่อนจะหายไป

  

ในรอยแยกนั้นมีเศษเหล็กที่เหลือจากการบดขยี้กระบี่และกลิ่นของโลหิตจากนั้นมันก็หายไปจากคลื่นมิติ

  

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทุกคนตกตะลึงภูติขั้นสูงเพิ่งถูกสังหารไปด้วยกระบี่ที่ธรรมดาเล่มเล็กๆ! พวกเขาหันไปมองหญิงสาวผู้งดงามตรงหน้า สองศักดิ์สิทธิ์กับคนที่เหลือตัวแข็งทื่อ

  

“จะ…เจ้ามองเห็นอนาคต!”

  

สองศักดิ์สิทธิ์ใจเต้นแรงนี่ไม่ใช่พลังที่สัมผัสอนาคต แต่มันคือพลังที่คาดเดาอนาคตข้างหน้าได้!

  

พลังสัมผัสที่แม่นยำจะทำให้คนที่มีสัมผัสตอบสนองต่อบางสิ่งที่เกิดขึ้นได้ในทันทีแต่นางผู้นี้กลับทำนายในสิ่งที่ไม่มีใครคิดว่ามันจะเกิดขึ้น แต่มันก็เกิดขึ้นไปแล้ว! มันดูราวกับนางเห็นอนาคตได้จริงๆ แม้จะฟังดูเหลือเชื่อ แต่มันก็เกิดขึ้นตรงตามที่นางทำนายไม่ผิดเพี้ยน!

  

“เห็นอนาคตรึ?”

  

เซี่ยจิงหยูยิ้ม

  

“ก็ไม่เชิงนักหรอกแต่ข้าชอบเรียกมันว่าวิถีมากกว่า!”

  

วิถีรึ?ซือหยูตกใจกับการใช้คำของนาง

  

วิถีที่นางพูดถึงนั้นคือสมบัติฎีกาสวรรค์ที่เทียนจี่จื้อทิ้งเอาไว้นางได้สำเร็จฎีกาสวรรค์ของเทียนจี่จื้อแล้ว!

  

วิถีเกี่ยวเนื่องกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นตามห้วงมิติเวลาที่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ถ้าหากมีผู้ใดเห็นวิถีล่วงหน้า นั่นก็หมายความว่าคนนั้นจะรู้ว่าเมื่อไหร่ สิ่งใดจะเกิดขึ้นกับคนอื่นๆ

  

เซี่ยจิงหยูพูดว่ากระบี่นั้นจะสังหารหนึ่งคนเพราะนางเห็นวิธีของกระบี่นางรู้ว่าในบางตำแหน่งของเวลา มันจะสังหารภูติระดับสูง และท้ายสุด กระบี่ก็ได้ติดตามวิถีไปสังหารภูติจริงๆ!

  

สำหรับคนอื่นพวกเขาจะมองเห็นว่ามันคือพลังการทำนายอนาคต มีเพียงเซี่ยจิงหยูเท่านั้นที่รู้จริงๆว่านางได้รับรู้วิถีของมันอย่างหมดเปลือก!

  

นั่นทำให้นางมีพลังหยั่งรู้ได้ว่าเมื่อใดที่ใครจะตายจากความแก่เฒ่าหรือความเจ็บป่วยฎีกาสวรรค์ที่น่ากลัวเช่นนี้ทำให้สองศักดิ์สิทธิ์กับภูตขิที่เหลือตัวสั่นด้วยความกลัว พวกเขาไม่กล้าขยับไปไหน

  

“พวกเจ้าอยากจะรู้วิถีของตัวเองไหมล่ะ?”

  

เซี่ยจิงหยูหัวเราะชอบใจเมื่อมองเหล่าภูติ

  

แค่การเหลือบมองจากนางเพียงครั้งเดียวก็ทำให้พวกเขาตัวสั่นราวกับว่าพวกเขาได้ถูกคนอื่นมองออกอย่างสิ้นเชิง

  

“พวกเจ้าทั้งหมดจะตายในวันนี้ไม่มีใครรอดไปได้…”

  

เซี่ยจิงหยูหัวเราะเสียงหัวเราะของนางทะลวงไปยังเมฆา เหล่าภูติหนาวสั่นไปถึงกระดูกสันหลัง

  

สองศักดิ์สิทธิ์หัวใจเต้นแรงเขาหน้าซีดเผือด…

  

พวกเราจะตายที่นี่กันหมดรึ?มันจะเป็นไปได้รึ?

  

เขาหายใจเข้าลึกสองศักดิ์สิทธิ์ฝืนใจเย็นลง

  

“อย่าไปเชื่อคำลวงของนางรีบฆ่านางซะ!”

  

แม้ว่าเหล่าภูติจะหวาดกลัวพวกเขาก็ทำตามคำสั่งสองศักดิ์สิทธิ์และไปล้อมเซี่ยจิงหยู แต่เซี่ยจิงหยูก็ไม่ได้แสดงความหวาดกลัวแม้แต่น้อย นางดูราวกับผีเสื้อที่กรีดกรายอย่างสง่างามท่ามกลางเหล่าภูติ

  

“ถึงนางจะประหลาดแต่นางก็มีฐานพลังน้อยนิด ไม่มีอะไรต้องกลัว!”

  

สองศักดิ์สิทธิ์รีบพูดจูงใจเหล่าภูติ

  

คนอื่นๆรู้สึกแบบเดียวกันและผ่อนคลายใจมากขึ้นเพราะฐานพลังของนางมิได้มากนัก นางเป็นแค่มดปลวกสำหรับพวกเขา

  

และนางก็ไม่เคยมีวิชาบ่มเพาะที่แข็งแกร่งดังนั้นพลังต่อสู้ของนางจึงด้อยกว่าซือหยู แม้นางจะยื้อเวลาให้ซือหยูได้บ้าง แต่นางก็มิอาจสังหารพวกเขาด้วยตัวเองได้

  

“หึหึใครบอกว่าข้าจะฆ่าพวกเจ้ากันล่ะ?”

  

เซี่ยจิงหยูดูแปลกอย่างมากนางเหลือบมองเหล่าภูติด้วยความเวทนา