ตอนที่ 713

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.713 – วิหคเพลิงแห่งความตาย

 

สองศักดิ์สิทธิ์เย้ยหยัน

  

“มันก็แค่การแสดงจัดการกับนางก่อน ข้าจะไปช่วยจ้าวศักดิ์สิทธิ์ฆ่าซือหยู”

  

หญิงสาวคนนี้แปลกเกินไปยากที่พวกเขาจะฆ่านางได้ในเวลาอันสั้น และนางก็มิอาจทำอะไรพวกเขาได้ด้วย เขาหยุดสนใจนางและบินไปยังซือหยูเพื่อช่วยกู้ไทซูฆ่าเขา

  

ซือหยูรู้สึกว่าตัวเองกำลังแย่เขาต้องสู้กับสองคนสามลำพัง! ถ้าหากการต่อสู้เพิ่งเริ่มขึ้น เขาก็คงใช้วิชาที่ทรงพลังกำจัดศัตรูที่มาเผชิญหน้าได้ แต่การต่อสู้ยืดเยื้อกันเวลานาน เขาเปิดช่องโหว่มากมายในตอนนี้

  

หลังจากที่ไม้หกทิศป้องกันการโจมตีของกู้ไทซูซือหยูก็ต้องยกแขนขวาขึ้นและเปิดใต้วงแขน ทำให้เผยจุดที่เข้าถึงหัวใจเป็นวงกว้าง

  

“ตายซะเถอะ!”

  

สองศักดิ์สิทธิ์ตะโกนเขาได้หาจังหวะที่จะโจมตีเพื่อปลิดชีวิตของซือหยูมาโดยตลอด

  

เขาฟันมือพยายามจะทะลวงหัวใจของซือหยูไม้หกทิศมิอาจเข้ามาป้องกันได้ทัน และกู้ไทซูก็อยู่ตรงหน้า ซือหยูเองมิอาจหลบได้

  

ซือหยูรู้สึกถึงอันตรายจากมือนั้นแต่เขาเคยต่อสู้มาหลายครั้ง เขาจึงเรียกเกราะราชาศิลานิรันดร์ได้ทัน เกราะปรากฏออกมาก่อนที่ฝ่ามือจะแทงชายโครงของเขา

  

แม้ชุดเกราะจะสะท้อนพลังส่วนมากไปแต่พลังจำนวนหนึ่งก็ไปถึงร่างกายของซือหยู เขากระเด็นลอยออกไป โลหิตจากมุมปากไหลออกมา เขาครวญครางด้วยความเจ็บปวด

  

“มันยังไม่ตาย!”

  

สองศักดิ์สิทธิ์ชักสีหน้าเมื่อได้เห็นชุดเกราะที่แข็งแกร่งของซือหยูเขารู้สึกว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่

  

การจู่โจมของเขาสังหารได้แม้กระทั่งภูติระดับเก้าแต่ชุดเกราะที่เสียหายของซือหยูกลับสะท้อนฝ่ามือของเขาได้ ชุดเกราะนี้จะต้องแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

  

“ข้าจะสู้จนเอาชีวิตเจ้ามาได้!”

  

สองศักดิ์สิทธิ์ตะโกนเขาตั้งใจจะจู่โจมไปอีกเมื่อเห็นว่าซือหยูยังไม่ตาย

  

ซือหยูใช้พลังไปเกือบหมดแล้วเขาหน้าซีดกว่าเดิมเมื่อต้องเจอฝ่ามือนั้น แต่สีหน้าเขาก็ยิ่งหนักแน่นและเฉียบขาดมากขึ้น

  

“ระวังชีวิตของเจ้าเองก่อนเถอะ”

  

เมื่อทั้งคู่จะสู้กันอีกครั้งก็เกิดเสียงดังจากก้นบึ้งมังกรใบไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ขยับไปมา

  

ซือหยูตกตะลึง

  

“ใครเปิดผนึกกันล่ะ?”

  

ไม่มีใครนอกจากซือหยูที่จะเปิดผนึกจากด้านนอกได้และมีเพียงคนข้างในเท่านั้นที่จะออกมา เขาสงสัยว่าใครกันที่กล้าออกมาขณะที่เขากำลังต่อสู้อย่างดุเดือด…

  

ซือหยูไม่พอใจอย่างมากแต่เขาก็ตัวแข็งทื่อก่อนที่เขาจะได้ตำหนิคนผู้นั้น เขาจ้องมองจุดเปิดของก้นบึ้งมังกรที่ราวกับมีสัตว์ประหลาดกำลังมองกลับมา…

  

สองศักดิ์สิทธิ์กับกู้ไทซูชักสีหน้า

  

“นั่นมันพลังอะไรกัน!แล้วทำไมถึงมีพลังแห่งความตายมากขนาดนั้นในก้นบึ้งมังกร?”

  

สองศักดิ์สิทธิ์สั่นไปทั้งร่าง

  

กู้ไทซูมองซือหยูและตะโกน

  

“เจ้าทำอะไรลงไป?แม้แต่ภูติก็ปล่อยพลังระดับนั้นไม่ได้หรอก!”

  

ในสายตาของเขาสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงกระบวนท่าน่ากลัวที่ซือหยูเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้า การต่อสู้กันหลายครั้งทำให้กู้ไทซูระวังท่าลับของซือหยูอย่างมาก

  

ซือหยูไม่สนใจพวกเขาเขาจ้องมองก้นบึ้งมังกรที่ดำสนิทด้วยเนตรวิญญาณเพราะอยากจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเขามองเข้าไปก็พบกับเนตรสีแดงเพลงที่จ้องเขากลับมา!

  

มันเยือกเย็นไร้หัวใจ และไม่ตอบสนองต่อสิ่งใด มันดูถูกทุกสิ่งมีชีวิตด้วยความอวดดี สิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเนตรนั้นเต็มไปด้วยพลังแห่งความตาย!

  

แค่มองครั้งเดียวก็ทำให้ซือหยูรู้สึกเจ็บปวดจนถึงดวงวิญญาณเขารู้สึกพลังของความตายได้ทะลวงดวงวิญญาณและเข้าระเบิดหม้อเก้ามังกรก่อนที่จะสั่นแกนกลางร่างของเขา

  

นี่เป็นครั้งที่สองที่หม้อเก้ามังกรเกือบจะออกจากจุดที่ตั้งอยู่ครั้งแรกมันเกิดขึ้นเมื่อจักรพรรดิโลหิตได้จู่โจมเขา และครั้งนี้ก็เป็นเพราะเนตรโลหิต

  

ซือหยูที่หน้าซีดตกใจอย่างมากเขาไม่รู้เลยว่าใครเป็นเจ้าของดวงตานี้! เขาคงจะตายไปแล้วถ้าไม่มีหม้อเก้ามังกร!

  

เขาหยุดมองมันเขาหนักใจอย่างมาก…

  

มีสัตว์ประหลาดปรากฏในก้นบึ้งมังกรรึ?แล้วเซี่ยนเอ๋อกับคนอื่นๆจะเป็นอะไรไหม?

  

ซือหยูชักสีหน้าอีกครั้งและรีบถอย

  

“แย่แล้ว!มีบางอย่างกำลังจะออกมา! ถอยเร็ว!”

  

กู้ไทซูสั่งถอยอย่างรวดเร็ว

  

“ทุกคนถอย!”

  

สีหน้าของสองศักดิ์ศิทธิ์เปลี่ยนไปเช่นกันเขารีบตะโกนสั่งให้คนของเขาออกมาให้พ้นทาง

  

พวกเขาทุกคนรู้สึกถึงพลังแห่งความตายที่อันตรายที่สุดจากก้นบึ้งมังกรและพลังเช่นนี้กำลังเข้าใกล้พวกเขาด้วยความเร็วสูง ทุกคนหยุดต่อสู้และมองไปที่ก้นบึ้งมังกร

  

พลังแห่งความตายยิ่งหนาแน่นขึ้นหมอกทมิฬเอ่อล้นออกมา หมอกทมิฬเหล่านี้คือพลังแห่งความตาย

  

“พลังแห่งความตายที่ควบแน่นเป็นอากาศ…แต่มันคืออะไรกันแน่?”

  

กู้ไทซูตกใจมากทุกคนรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะตายในไม่นาน

  

ทันใดนั้นหมอกทมิฬก็พุ่งออกมาจากก้นบึ้งมังกรมันดูเหมือนภูเขาลูกน้อยที่เป็นหมึกดำหนา

  

เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมองเห็นว่ามีสิ่งใดอยู่ภายในแต่พวกเขาก็รู้สึกถึงความดุร้ายที่แผ่ออกมา ราวกับว่ามีสัตว์ประหลาดดุร้ายที่ได้เกิดใหม่มาอยู่ในนั้น

  

ทุกคนกลั้นหายใจพวกเขามองหมอกทมิฬที่ลดขนาดลง มันลดขนาดลงเหล่าเท่าตัวมนุษย์และลดขนาดลงไปอีกจนกลายเป็นรูปลักษณ์ของมนุษย์ที่เผยออกมา

  

“เซี่ยนเอ๋อ?”

  

ซือหยูตกใจมากคนที่ปรากฏออกมาคือเซี่ยนเอ๋อ! เขาไม่อยากจะเชื่อว่าพลังอันดุร้ายนี่ถูกปล่อยมาจากนาง!

  

เมื่อซือหยูมองนางด้วยเนตรวิญญาณก็พบว่าร่างของนางเต็มไปด้วยหมอกแห่งความตายอย่างไร้ที่สิ้นสุด!โลหิตของนางยังมีพลังที่น่ากลัว!

  

“มันก็แค่พลังสายโลหิตของมนุษย์แต่นางครอบครองพลังอะไรกัน?”

  

สองศักดิ์สิทธิ์ตกใจมากเขาไม่คิดเลยว่าสัตว์ประหลาดไร้เทียมทานที่ดุร้ายจะเป็นแค่ผู้หญิงที่อ่อนแอ!

  

กู้ไทซูหน้าซีดเขาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง

  

“เป็นไปไม่ได้!ร่างกายแบบนี้จะมาอยู่ในเฉินหลงได้ยังไง? คุณสมบัติวิหคเพลิงแห่งความตาย…สายโลหิตวิหคเพลิงเก้านรก…”

  

ฟึ่บ!

  

สองศักดิ์สิทธิ์หน้าซีดราวกับกระดาษเมื่อได้ยินกู้ไทซูเขาหวาดกลัวอย่างมาก

  

“วิหคเพลิงแห่งความตายรึ?ร่างวิญญาณในอดีตกาลที่มีสายโลหิตวิหคเพลิงเก้าหาง คนที่มีร่างกายนั้นจะมีเนตรที่เชื่อมต่อกับนรก และจะพาสิ่งใดไปที่นั่นก็ได้!”

  

หวูอู๋ยี่ที่อยู่ในก้นบึ้งมังกรตกใจมาก

  

“วิหคเพลิงแห่งความตายถูกเรียกว่าร่างยมทูตได้ด้วยเพราะมันคือหนึ่งในร่างวิญญาณที่น่ากลัวที่สุดในโบราณกาล และมนุษญ์ทุกคนที่มีสายโลหิตนี้ก็จะถูกเรียกว่าผู้สืบเชื้อสายยมทูต คนเหล่านั้นมีพลังที่จะสังหารทุกสิ่งและนับว่าเป็นพระเจ้าในหมู่มนุษญ์…มันคือยมทูต”

  

“เซี่ยนเอ๋อมีกายาเทพที่ไม่เคยนปรากฏในจิวโจวเลยสักครั้งเคยมีแค่ครั้งเดียวที่สตรียมทูตได้ผ่านจิวโจว แต่เหล่าอสูรเนรมิตรก็ร่วมมือกันจู่โจมนางจนไม่ได้เห็นนางอีก!”

  

คุณสมบัติวิหคเพลิงแห่งความตายเป็นพลังต้านสวรรค์ที่ไม่เคยพบเห็นจากที่ไหนแม้แต่หยุนย่าสีก็ปรารถนาที่จะอยากได้นางเป็นศิษย์ แม้แต่กายาเทวะของเซี่ยจิงหยูก็เทียบไม่ติด!

  

“เอ๊ะข้าออกมาได้ยังไง?”

  

เซี่ยนเอ๋อลืมตาขึ้นพลังแห่งความตายแผ่ออกมาจากดวงตา พลังนั้นไปในทุกที่ที่นางมอง นางตกใจอย่างมาก

  

เมื่อเห็นซือหยูที่หางตานางรีบไปหาเขาด้วยความยินดี

  

“พี่ซือหยูข้าออกมาแล้ว! แต่พี่ใจร้ายจริงๆ ทิ้งข้าอีกครั้งได้ยังไง!”

  

“เซี่ยนเอ๋อข้าขอโทษ”

  

ซือหยูไม่รู้จะพูดอะไรอื่นเขารู้ว่าเซี่ยนเอ๋อจะต้องกินโอสถภูติไปเพราะต้องการที่จะช่วยเหลือเขา ซือหยูรู้ความตั้งใจของนางดี

  

เซี่ยนเอ๋อน้ำตารื้นเมื่อซบไหล่ของซือหยู

  

“พี่ซือหยูข้าไม่อยากให้พี่เสี่ยงชีวิตเลย ถ้าพี่ตาย ข้าคงจะเหงามาก ข้ามีแค่พี่กับท่านพ่อเท่านั้นนะ”

  

ซือหยูลูบหลังนางเบาๆดูเหมือนว่าเซี่ยนเอ๋อจะสัมผัสถึงบางอย่างได้ นางรีบผละตัวออกจากซือหยูและมองดูร่างกายของเขา

  

“ทำไมพี่ซือหยูอยู่ในสภาพนี้ล่ะ?”

  

นางเงยหน้ามองใบหน้าที่ซีดเผือดของซือหยูและโลหิตที่ไหลออกมาจากมุมปากของเขา

  

“พี่บาดเจ็บนี่”

  

เซี่ยนเอ๋อกำหมัดแน่นนางโทษตัวเองและไม่พอใจอย่างมาก

  

น่างยื่นมือเล็กๆไปเช็ดคราบโลหิตที่มุมปากของซือหยูดวงตาราวอัญมณีของนางเยือกเย็นลง

  

“พี่ซือหยูพักก่อนเถอะข้าจะปกป้องพี่เอง”

  

นางพูดและหันกลับไปใบหน้าที่งดงามของนางดูราวกับเป็นของนางไม้ แต่มันก็ดูเหมือนกับสัตว์ประหลบาดที่ดุร้ายต่อสองศักดิ์สิทธิ์และเหล่าภูติระดับสูงคนอื่นๆ

  

นางมองผ่านพวกเขาด้วยเนตรโลหิตร่างของเหล่าภูติที่สะท้อนดวงตาของนางได้ถูกพลังแห่งความตายพุ่งเข้าใส่

  

“ไปตายซะ!”

  

เซี่ยนเอ๋อพูดเพียงครั้งเดียว

  

นางไม่ได้ทำอะไรเลยนอกจากพูดออกไปแต่ทั้งโลกกลับเงียบกริบ เหล่าภูติระดับสูงเริ่มกลายเป็นเถ้าถ่าน ราวกับว่าพวกเขาเป็นเพียงกระดาษที่ถูกไฟเผา!

  

ไม่ว่าจะเป็นภูติระดับเจ็ดหรือแปดทุกคนล้วนหมกไหม้เป็นฝุ่นผง พวกเขาไม่รู้สึกแม้ความเจ็บปวดก่อนตาย พวกเขาแค่เพียงหายไป

  

ภูติสามสิบคนได้ตายในพริบตาเพียงเพราะเด็กสาวในอ้อมกอดซือหยูที่สั่งให้พวกเขาตาย!ทั้งโลกเงียบกริบราวกับป่าช้า

  

แม้ว่าหยุนย่าสีจะเคยบอกซือหยูว่าวิหคเพลิงแห่งความตายนั้นยอดเยี่ยมเพียงใดแต่ซือหยูก็ไม่เคยคิดฝันว่ามันจะน่ากลัวถึงเพียงนี้ แค่การเหลือบมองครั้งเดียวกับคำพูดครั้งเดียวก็ชี้เป็นตายของเหล่าภูติได้! เหมือนกับว่านางคือเทพแห่งความตาย!

  

“วิหคเพลิงแห่งความตาย…”

  

สองศักดิ์สิทธิ์เสียงแหบพร่าเขาสั่นไปทั้งตัว

  

พลังทำนายอนาคตของเซี่ยจิงหยูเพียงทำให้เขาอึดอัดใจแต่พลังของเซี่ยนเอ๋อทำให้เขาหวาดกลัวไปถึงส่วนลึกสุดของดวงวิญญาณ!

  

ฟึ่บ!

  

สองศักดิ์สิทธิ์พยายามจะใจเย็นลงขณะที่หันหลังไปช้าๆและบินหนี เขาไม่มีความคิดที่จะต่อสู้อีกต่อไปแล้ว เขาคงต่อสู้ไม่ได้อีกถ้าหากมียมทูตมาเก็บเกี่ยวชีวิตเช่นนี้ แม้แต่สายตาของคนในก้นบึ้งมังกรที่เขามองเห็นก็เปลี่ยนจากสัตว์ป่าที่รอคอยการถูกเชือดเป็นเหล่ามือเชือดที่รอคอยการเชือดสัตว์ป่า!

  

เมื่อเซี่ยนเอ๋อมองเขาอย่างเยือกเย็นร่างของเขาได้สะท้อนในแววตาของนาง นางพูดอีกครั้ง

  

“ตาย”

  

เสียงของนางทะลวงผ่านสายลมซือหยูรู้สึกได้อย่างแจ่มชัดว่ามีพลังลึกลับที่น่ากลัวได้ไหลซึมเข้ามายังโลกเฉินหลง จากนั้นเอง สองศักดิ์สิทธิ์ที่กำลังหลบหนีก็ได้กลายเป็นเถ้าถ่าน ร่างกายของเขาที่กำลังหลบหนีได้กลายเป็นธุลี ส่วนหัวของเขาที่ยังเหลืออยู่ก็ได้ตกลงสู่พื้น

  

แม้แต่ภูติระดับเก้าก็มิอาจขัดขืนคำประหารจากนางได้!ทุกคนใจสั่นเมื่อมองดูเซี่ยนเอ๋อผู้ไร้พิษภัยและน่าหลงรัก…

  

นางเป็นมนุษย์จริงๆงั้นรึ?เห็นกันอยู่ว่าเป็นยมทูตที่เข้ามาบงการชีวิตของผู้คน

  

ในก้นบึ้งมังกร

  

ผู้เฒ่าจิวตกตะลึงอย่างมาก

  

“วิหคเพลิงแห่งความตาย!ร่างวิญญาณที่น่ากลัวที่สุดในครั้งโบราณ”

  

เขาพูดอะไรไม่ออก…

  

ใครจะไปคิดเล่าว่าซือหยูจะซ่อนกายาเทวะไว้ข้างกายเช่นนี้?และ…เขายังทิ้งนางจนถึงฉากสุดท้ายก่อนจะปล่อยให้นางออกมาล้างบางเหล่าภูติชั้นสูง!

  

ไม่มีใครจะลืมภาพอันน่ากลัวเช่นนี้พวกเขาตกใจและอยู่ในภวังคต์ เสียงดังมาจากด้านข้างผู้เฒ่าจิว

  

“ผู้เฒ่าฉิว…?”

  

ผู้เฒ่าจิวตกใจเขาสงสัยว่านางหมดสติมาครึ่งปี นางควรจะตื่นขึ้นมาได้แล้ว…

  

หวูอู่ยี่เข้าไปพยุงผู้เฒ่าฉิวที่เพิ่งจะลบืมตาขึ้น

  

“ผู้เฒ่าฉิวตื่นแล้ว!ท่านหลับไปนานจริงๆ”

  

ผู้เฒ่าฉิวนิ่งไปครู่หนึ่งไม่นานนางก็กลับมาได้สติเมื่อมองรอบๆ ผู้เฒ่าฉิวเริ่มหวาดกลัว

  

“ข้าตื่นขึ้นมาตั้งแต่ครึ่งปีก่อนแล้วแต่มีคนไปยุ่งกับโอสถของข้า มันทำให้ข้าหลับมาจนถึงตอนนี้”

  

ผู้เฒ่าจิวสีหน้าหม่นหมองเมื่อได้ฟังนาง

  

“เป็นไปได้ยังไง?เจ้าอยู่ในแกนกลางพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ มีภูติตั้งมากมายแวดล้อมเจ้า จะมีคนผ่านเข้าไปยุ่งกับโอสถของเจ้าได้ยังไง?”

  

ผู้เฒ่าฉิวตื่นเต็มที่แล้วนางอธิบายช้าๆ

  

“ไม่เลยนางไม่ได้ผ่านเหล่าภูติเข้ามา แต่นางเป็นคนที่ดูแลข้า”

  

หวูอู๋ยี่กับผู้เฒ่าจิวตัวแข็งทื่อเพราะคนที่ดูแลนางในขณะที่ซือหยูปิดประตูฝึกตนก็คือเซี่ยจิงหยู!

  

“พวกเจ้าถูกนางหลอกแล้ว!เราต้องรีบไปบอกเจ้าพันธมิตรซือ มีบางอย่างที่นางแปลกไป!”

  

ผู้เฒ่าฉิวพยายามลุกออกจากเตียงเมื่อบอกข้อมูลอันน่าตกตะลึง

  

หวูอู๋ยี่ถามด้วยความกลัว

  

“ผู้เฒ่าฉิวเป็นอะไรรึ?”

  

ผู้เฒ่าฉิวรีบพูด

  

“เราต้องรีบบอกเจ้าพันธมิตรซือหยูว่านางคือคนที่ทำร้ายข้า”

  

“อะไรนะ?นางเป็นคนทำร้ายท่านรึ?”

  

ทุกคนในพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ตกใจมาก

  

ก่อนหน้านนั้นผู้เฒ่าฉิวได้พาเซี่ยจิงหยูที่หมดสติไปกับนางและออกจากเรือรบเพื่อรวมตัวกับซือหยู แต่เมื่อซือหยูพบนาง เขาก็พบว่านางอยู่ในสภาพปางตาย และนางก็หมดสติมาจนถึงวันนี้ และนางถูกทำร้ายเพราะเซี่ยจิงหยูที่หมดสติในตอนนั้น!

  

“เป็นไปได้ยังไง?ถึงเซี่ยจิงหยูจะไม่ได้หมดสติในวันนั้น แต่ทำไมนางถึงต้องทำร้ายท่านเลบ่า?”

  

ผู้เฒ่าเฉินที่เพิ่งเดินมาถึงไม่อยากจะเชื่อนาง

  

แต่คำพูดถัดมาก็ยิ่งทำให้พวกเขาตกใจยิ่งกว่าเดิม…

  

“เซี่ยจิงหยูรึ?พวกเจ้าถูกนางหลอกแล้ว นางไม่ใช่เซี่ยจิงหยู! นางเป็นคนอื่นที่น่ากลัวยิ่งกว่า! เจ้าต้องรีบบอกเจ้าพันธมิตรซือว่านางน่ากลัวและอันตรายที่สุด…”

  

ผู้เฒ่าฉิวพูดสุดเสียง