DND.714 – กระบี่ภูติปราบมังกร
ผู้เฒ่าฉิวทั้งโกรธกลัว และเป็นกังวลในคำพูด ความตกใจปรากฏอยู่บนใบหน้าทุกคนที่ได้ฟังนาง โดยเฉพาะผู้เฒ่าจิวที่คอยดูแลเซี่ยจิงหยูกับผู้เฒ่าฉิวมาตลอด
พวกเขาทั้งหมดสงสัย…เซี่ยจิงหยูที่หมดสติเป็นคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังทุกสิ่งจริงๆรึ?
ฉีหยุนเซี่ยงตกตะลึงนางไม่อยากจะเชื่อว่าเซี่ยจิงหยูในตอนนี้จะเป็นแค่ตัวปลอม และที่ทำให้ทุกคนตกใจยิ่งกว่าเดิมก็คือเซี่ยจิงหยูกล้าที่จะทำร้ายผู้เฒ่าฉิวทั้งๆที่มีผู้เฒ่าจิวอยู่ด้วย!
ถ้าหากผู้เฒ่าฉิวรู้ว่าซือหยูเป็นเจ้าพันธมิตรเช่นนั้นก็แสดงว่านางได้มีสติอยู่บ้างในตอนที่หลับใหล นั่นหมายความว่านางรู้เรื่องเหตุการณ์ของโลกและมิได้พูดเรื่องไร้สาระ
“ทุกอย่างที่ข้าพูดเป็นเรื่องจริงรีบบอกเจ้าพันธมิตรซือเร็ว”
ผู้เฒ่าฉิวพูดด้วยความเป็นห่วง
เมื่อนางมองรอบๆก็พบว่ามันแปลกไปนางจึงถาม
“แล้วเราอยู่ที่ไหน?เรือรบของพันธมิตรล่ะ?”
นางไม่รู้เรื่องที่เรือรบของพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ถูกทำลายไปตั้งนานแล้ว
“ท่านผู้เฒ่าฉิวเรามีเรื่องใหญ่ที่รับมืออยู่ เจ้าพันธมิตรซือในตอนนี้มิอาจรับฟังเรื่องใดได้”
บางคนพูดกับนาง
หลายคนใจเต้นแรงเพราะซือหยูตอนนี้กำลังต่อสู้อยู่เคียงข้างเซี่ยจิงหยู ถ้าคำพูดของผู้เฒ่าฉิวเป็นคำลวง และทั้งคู่มิอาจต่อสู้ร่วมกันได้ ซือหยูก็อาจจะต้องต่อสู้กับกู้ไทซูตามลำพัง ซึ่งผลที่ตามมาจะต้องเลวร้ายอย่างแน่นอน! และแม้จะเป็นเรื่องเช่นนี้ พวกเขาก็ต้องยืนยันความจริงก่อนจะทำอะไร
ผู้เฒ่าฉิวเคร่งเครียดกับสถานการณ์ที่ด้านนอกนางใจเย็นลงและเริ่มบอกเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต
“ในวันนั้นซือหยูบอกให้ข้าพาเซี่ยจิงหยูกับผู้เฒ่าจิวออกจากเรือรบล่วงหน้า นั่นก็เพราะซือหยูบอกว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดเรื่องใหญ่ในเรือรบ และเขาบอกให้ข้าทำเรื่องนี้เพื่อไม่ให้ฟู่กังซานมีเรื่องขู่พวกเรา”
ผู้เฒ่าฉิวหยุดไปและพูดต่อ
“ข้าทำตามที่เขาบอกและพาทั้งสองออกไปกับข้าในจุดนัดพบมันคือที่ที่ข้าจะต้องไปรอซือหยู”
นางส่ายหน้า
“แต่ตอนที่กำลังรอเซี่ยจิงหยูได้ตื่นขึ้นมา! ข้าเห็นวิญญาณที่แข็งแกร่งที่มีร่างเนื้อปรากฏบนหัวเซี่ยจิงหยู มันมีพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าภูติหลายเท่า!”
นางเบิกตาโพลงเล่าต่อไป
“วิญญาณนั้นเข้าสู่จิตใจของเซี่ยจิงหยูและควบคุมร่างกายของนางและจู่โจมข้า!นางบอกว่าข้าเห็นนางแล้ว ข้ามิอาจรอดไปได้ นางเลยระเบิดท้องของข้าจนข้าเจ็บสาหัส และนางยังทำให้ข้าหมดสติจนถึงวันนี้!”
เหล่าผู้คนสูดหายใจเข้าลึกเมื่อได้ฟังเรื่องน่ากลัวของนางแม้แต่ภูติก็มิอาจทำให้วิญญาณก่อร่างเนื้อได้! มีแค่ผู้เฒ่าจิวที่ท่าทางแปลกกว่าคนอื่น
ตามที่ซือหยูบอกหลังจากที่รักษาแผลของนาง ฝ่ามือเช่นนี้ควรจะเอาชีวิตผู้เฒ่าฉิวไปได้โดยง่าย แต่ท้ายสุดผู้ที่ลงมือกลับลดพลังและทิ้งให้นางบาดเจ็บ
แต่ผู้เฒ่าจิวก็ต้องสงสัย…ถ้าหากนางอยากจะกำจัดผู้พบเห็นแล้วทำไมนางถึงไว้ชีวิตผู้เฒ่าฉิวเล่า? เรื่องนี้ค่อนข้างไม่สมเหตุสมผล
“พอข้าตื่นขึ้นมานางก็ปรากฏตัวอีกครั้งและอัดพลังพิเศษใส่ร่างของข้า พลังนั่นทำให้ข้าหลับใหลต่อไป ข้าเพิ่งจะตื่นวันนี้นี่เอง!”
ผู้เฒ่าฉิวอธิบาย
และผู้เฒ่าจิวก็เข้าใจทุกอย่างแล้วเขายืนยันได้ว่าคำพูดของผู้เฒ่าฉิวเป็นความจริง นั่นก็เพราะว่าเซี่ยจิงหยูหายตัวไปจากพันธมิตรผู้คุมสวรรค์ในตอนที่นางไปเจอกับซือหยูตามลำพัง มันเป็นเวลาที่นางใส่พลังอสูรเนรมิตรให้ผู้เฒ่าฉิวไม่ทัน ในที่สุดนางจึงตื่นขึ้นมาได้
“เป็นนางจริงๆ!”
ฉีหยุนเซี่ยงขบริมฝีปากความกังวลปรากฏในดวงตา
“ข้าจะต้องไปบอกให้เขารู้เขาจะได้ไม่ประมาทนาง”
แต่ก็มีคนออกไปก่อนนางแล้ว…
“ข้าคนเดียวก็พอแล้ว!”
หวูอู๋ยี่ตะโกนแต่ไม่หันกลับมามองนางตะโกนด้วยเสียงอันเย็นชาแม้ใบหน้าจะกังวลอย่างมาก
นอกก้นบึ้งมังกร
หลังจากที่เซี่ยนเอ๋อแสดงพลังของวิหคเพลิงแห่งความตายพลังนั้นได้สังหารภูติระดับสูงไปจนหมด ซือหยูตกใจอย่างมาก กลับกลายเป็นว่าสาวน้อยที่ไร้พิษภัยผู้นี้คือคนที่น่ากลัวที่สุด!
“พี่ซือหยู”
ฉินเซี่ยนเอ๋อซ่อนความเยือกเย็นกลับไปหลังจากที่ฆ่าสองศักดิ์สิทธิ์นางหันกลับมามองซือหยู
นางเห็นสายตาของเขาที่ไม่เคยตกใจเช่นนี้มาก่อนจนประหม่าขึ้นมานางก้มหน้ากระโจนเข้าสู่อ้อมกอดของเขาและถามด้วยความตื่นเต้น
“พี่ซือหยูข้าไม่ได้เป็นตัวถ่วงพี่สินะ?”
นางมักจะสร้างปัญหาให้กับซือหยูแต่วันนี้นางได้ช่วยเขา! ความหลงรักในใจซือหยูเติบโตขึ้น เขาลูบหัวนางและตอบ
“เจ้าช่วยชีวิตข้าเอาไว้แม่นางเซี่ยนเอ๋อ”
เซี่ยนเอ๋อใจเต้นแรงกว่าเดิมเมื่อได้ยินเขาเรียกแบบนี้นางยินดีมาก และเวลานี้ก็เป็นเวลาที่ทั้งคู่เป็นสามีภรรยากันแล้ว!
เซี่ยจิงหยูมองภาพเหตุการณ์จากที่ห่างไกลความรู้สึกต่างๆปรากฏในแววตา นางเก็บซ่อนความรู้สึกทั้งหมดเอาไว้
“ก่อนจะแสดงความรักของพวกเจ้าเจ้าจะไม่ขจัดอันตรายตรงหน้าก่อนรึ? ฟู่กุยจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้”
คำเตือนของนางทำให้เซี่ยนเอ๋อหน้าแดงนางรีบผละออกจากตัวซือหยู นางรู้สึกลำบากใจเมื่อมองเซี่ยจิงหยูที่สง่างามและห่างไกลผู้นี้
นางไม่รู้ว่าทำไมสหายที่เคยคุ้นเคยในอดีตให้ความรู้สึกราวกับคนนอกราวกับว่าเป็นคนแปลกหน้า
ซือหยูมองนางและยิ้มอย่างเบาใจเหมือนกับได้ปลดเปลื้องบางอย่างออกจากตัวเซี่ยจิงหยูตัวสั่นโดยไม่มีเหตุผลเมื่อเห็นรอยยิ้มของเขา
“กำจัดเขาก่อนค่อยมาคุยกันเถอะ”
ซือหยูพูดด้วยใบหน้าเยือกเย็น
เซี่ยจิงหยูบินไปที่ด้านขวาของซือหยูขณะที่เซี่ยนเอ๋ออยู่ที่ด้านซ้ายทั้งสามมองกู้ไทซูอย่างเยือกเย็น พวกเขาไม่เคยสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันเลยสักครั้งเหมือนวันนี้
ผู้หญิงคนหนึ่งคือภรรยาของซือหยูส่วนอีกคนคือคนรักในอดีตของเขา ทั้งสามกำลังร่วมมือกันกำจัดเสี้ยนหนามสุดท้ายของเฉินหลง…นี่เป็นโชคชะตางั้นรึ?
กู้ไทซูที่เสียคนทั้งสามสิบเอ็ดคนไปหนักใจอย่างมากเขาควรจะได้เปรียบซือหยูที่หมดเรี่ยวแรง แต่จู่ๆก็มีผู้หญิงประหลาดที่คาดเดาอนาคตได้ปรากฏตัวออกมาก่อน จากนั้นก็มีวิหคเพลิงแห่งความตายปรากฏตัวขึ้นมาสังหารคนของเขาทั้งหมด! พลังแห่งความตายเช่นนี้ทำให้คนแบบเขายังต้องกลัว!
“ย่อมได้ย่อมได้ วิเศษนัก…ทำนายอนาคต…วิหคเพลิงแห่งความตาย ซือหยู เจ้าเก็บซ่อนเรื่องนี้ได้ดีนัก แล้วเจ้าก็ยังรวบรวมผู้หญิงที่น่าทึ่งพวกนี้เอาไว้กับตัว!”
ดูเหมือนว่ากู้ไทซูจะคิดถึงความสัมพันธ์ของซือหยูกับคู่หมั้นของเขานั่นทำให้เขาโกรธแค้นและเศร้ายิ่งกว่าเดิม
“แต่เจ้าคิดว่าจะฆ่าข้าได้รึ?”
ความเจ็บปวดปรากฏในแววตากู้ไทซูเขาเรียกหอคอยจักรพรรดิมาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่ได้ใช้งานมัน แต่เขาดึงกระบี่เก่าแก่ที่ปักอยู่ในหอคอยออกมาแทน
หอคอยกระบี่ มนุษย์ นี่เป็นสิ่งแรกที่ซือหยูได้เห็นเมื่อเจอเขา และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือกระบี่ที่มีพลังทำลายล้างมหาศาล
แม้แต่กู้ไทซูที่ถูกซือหยูไล่ต้อนก็ไม่ดึงกระบี่นี้ออกมาแต่เขาตัดสินใจชักกระบี่ออกมาเมื่อมีสามคนที่คิดจะฆ่าเขาปรากฏตัว
“กระบี่ภูติปราบมังกรเป็นสมบัติภูติที่ฆ่าจ้าวเทวะได้ทุกคน…”
เซี่ยจิงหยูพูดอย่างใจเย็นนางเห็นอนาคตได้ และนางก็คุ้นเคยกับมันแล้ว
สมบัติภูติเป็นอาวุธไร้เทียมทานที่จะควบคุมได้จากอสูรเนรมิตรเท่านั้นและพวกมันยังมีพลังที่เกินจินตนาการ กระบี่ตรงหน้าพวกเขามีพลังพอที่จะทำลายล้างทุกชีวิต!
กู้ไทซูชี้ดัชนีไปที่กระบี่มันเริ่มสั่นสะเทือนและเกิดรอยแตกหลายครั้ง มันระเบิดออก กระบี่ได้สลายกลายเป็นผง และมันก็เริ่มก่อตัวกลายเป็นกระบี่ยาวสีเลือด
สีเลือดนั้นมิใช่สีของตัวกระบี่เองแต่มันเป็นเลือดสดๆของมนุษย์ที่แผ่พลังที่น่ากลัวออกมา ทั้งกระบี่เล่มนี้ปกคลุมไปด้วยโลหิตของใครบางคน!
…ใครกันที่เป็นเจ้าของโลหิตนี้โลหิตของเขายังไม่แห้งแม้เวลาจะผ่านมาหลายปี!
“ครั้งสุดท้ายที่ใช้กระบี่นี้ข้าได้ฆ่ากึ่งอสูรเนรมิตรไป เลือดของมันยังไม่แห้ง…”
กู้ไทซูถือกระบี่และพูดเบาๆ
มันคือโลหิตของกึ่งอสูรเนริมตรไม่แปลกเลยที่กาลเวลามิอาจทำให้โลหิตของคนผู้นั้นเหือดแห้งไปได้ มันยังปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมาจนถึงวันนี้!