ตอนที่ 715 - ชดเชยด้วยชีวิต

The Divine Nine Dragon Cauldron

DND.715 – ชดเชยด้วยชีวิต

 

กู้ไทซูมองซือหยูกับผู้หญิงสองคนที่อยู่ข้างๆเขาด้วยแววตาคมกริบ

  

“กระบี่นี้เคยใช้ฆ่าพวกจ้าวเทวะมันต้องรวบรวมพลังในหอคอยจักรพรรดิสิบปีก่อนจะใช้ได้ ข้าคิดจะใช้มันตอนที่เจอกับราชาแห่งความมืดที่ซุกซ่อนพลังเอาไว้มหาศาล แต่ใครจะไปคิดเล่าว่าคนที่ซุกซ่อนพลังไว้มากมายอย่างเจ้าจะยังมีผู้หญิงที่มีร่างกายพิเศษอยู่อีก!”

  

“วันนี้จะถือเป็นข้อยกเว้นข้าจะใช้กระบี่นี้ฆ่ากึ่งภูติ แต่เจ้าสามคนจะต้องตายทั้งหมด ทั้งฎีกาสวรรค์พิสุทธิ์ พลังมองอนาคต และวิหคเพลิงแห่งความตาย สิบปีที่ใช้มันคุ้มค่าแล้ว!”

  

กู้ไทซูถือกระบี่ภูติปราบมังกรเอาไว้มันปล่อยรังสีกระบี่ที่คมกริบออกมาและมีเสียงคำรามของมังกรอยู่ด้วย ราวกับว่ามังกรที่เคยถูกกระบี่นี้ฆ่ายังคงร้องโหยหวนจนถึงวันนี้

  

รัศมีกระบี่ปราบมังกรที่แสงดั่งโลหิตสว่างจ้ายิ่งกว่าเดิมเมื่อเวลาผ่านไปทุกตำแหน่งที่ต้องแสงโลหิตต่างถูกกระบี่ฟาดฟัน

  

“ตาย”

  

กู้ไทซูพูดเพียงคำเดียวอย่างเยือกเย็นเขาฟาดกระบี่ไปด้านหน้า มันมีพลังที่มีอาจอธิบายได้

  

ราวกับว่าเป็นสวรรค์ที่ถือครองกระบี่เล่มนี้และทุกที่ในโลกก็เป็นระยะโจมตีของมันไม่มีทางที่จะหลบหนีได้เลย พวกเขาทำได้แค่เผชิญหน้ากับมันเท่านั้น ซือหยูเบิกตากว้างเมื่อสัมผัสถึงพลังทำลายล้างสูงสุดจากกระบี่

  

สีหน้าผู้เฒ่าจิวผู้อยู่ในก้นบึ้งมังกรเปลี่ยนไปหลายครั้งเขากำหมัดแน่น

  

“ไม่ต้องป้องกันแค่รีบหนีไปก็พอ! มันเป็นเศษสมบัติภูติที่เคยเป็นของจักรพรรดิโลหิต ถึงจะเป็นอสูรเนรมิตรก็ต้องสาหัส! เจ้าต้องหนี”

  

แต่ซือหยูกับหญิงสาวทั้งสองก็รู้อยู่แล้วโดยไม่ต้องให้ผู้เฒ่าจิวเตือน

  

“ให้ข้าลองดูหน่อย”

  

เซี่ยนเอ๋อก้าวไปข้างหน้าพลังแห่งความตายปรากฏในดวงตาที่น่ารักสดใสของนางอีกครั้ง

  

ดวงตาเยือกเย็นของนางจับจ้องไปที่กู้ไทซูนางราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน นางเปลี่ยนจากสาวน้อยน่ารักเป็นยมทูตในพริบตาเดียว!

  

“ตาย”

  

เซี่ยนเอ๋อพูดอีกครั้งพลังไร้ลักษณ์เข้าไปหากู้ไทซู

  

ครั้งนี้ซือหยูได้โอกาสใช้เนตรวิญญาณมองสิ่งที่เกิดขึ้น สิ่งที่เห็นทำให้เขาต้องตกใจ เขาพบวิหคเพลิงทมิฬที่มิอาจมองได้ด้วยตาเปล่าปรากฏตัวข้างกู้ไทซู

  

วิหคเพลิงปล่อยพลังแห่งความตายที่นร่ากลัวเป็นอย่างมากดวงตาของมันไร้ซึ่งความรู้สึกเหมือนกับยมทูต วิหคเพลิงบินรอบตัวกู้ไทซูอย่างไม่หยุดยั้ง พลังแห่งความตายของมันกำลังกลืนกินชีวิตของกู้ไทซูเข้าไป

  

เป็นเพราะพลังนี้เหล่าภูติระดับสูงทั้งหมดถึงตาย! พลังชีวิตและวิญญาณล้วนถูกกวาดลบ้างไปจากพลังแห่งความตาย! ถึงกู้ไทซูที่อยู่ตรงหน้าเขาในตอนนี้จะดูแปลกไปบ้าง แต่เขาก็ยังแตกต่างจากสองศักดิ์สิทธิ์โดยสิ้นเชิงในเรื่องของพลัง เขาสามารถรับรู้ถึงตัวตนของวิหคเพลิงทมิฬได้อย่างคาดไม่ถึง

  

“เจ้ายังกล้าเผชิญหน้ากับข้าที่มีกระบี่ปราบมังกรอีกเรอะ?”

  

กู้ไทซูถอนหายใจแรงอย่างเยือกเย็นและทำให้รัศมีกระบี่เปล่งประกายยิ่งกว่าเดิมรัศมีกระบี่ฉายแสงสู่วิหคเพลิง และวิหคเพลิงเองก็สลายไปราวกับควัน

  

เซี่ยนเอ๋อร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดนางหน้าแดง โลหิตไหลออกมาจากมุมปาก นางได้รับผลสะท้อนกลับมาเพราะวิหคเพลิงที่ถูกสังหาร

  

“เซี่ยนเอ๋อ!”

  

ซือหยูใจสั่นเขารีบเข้าไปพยุงนาง

  

“ข้าไม่เป็นไร”

  

เซี่ยนเอ๋อที่ในปากเต็มไปด้วยโลหิตพูดอย่างอ่อนแรง

  

“ข้าขอโทษ…กระบี่ภูติมันแข็งแกร่งเกินไปข้าช่วยพี่ไม่ได้เลย”

  

ซือหยูถอนหายใจผ่อนคลายลงเมื่อมั่นใจว่าเซี่ยนเอ๋อไม่ได้เป็นอะไรมากเขารู้สึกขอบคุณที่นางไม่ได้รับอันตรายถึงชีวิต

  

เขาหันไปมองกู้ไทซูอีกครั้งด้วยจิตสังหาร

  

“เจ้าสมควรตาย”

  

กู้ไทซูไม่สนใจคำขู่ของซือหยูนัก

  

“อยากจะฆ่าข้าเรอะ?ไว้เจ้าไปฝันต่อในนรกเถอะ!”

  

คำพูดของเขาดังก้องรัศมีกระบี่เองก็กำลังจะถึงตัวซือหยู การโจมตีของเขาราวกับจะทำลายล้างทุกสิ่ง

  

ซือหยูรู้ว่าไม่มีทางที่เขาจะขวางมันได้และความต่างในด้านฐานพลังและสมบัติเทพเองก็ทำให้ซือหยูพลิกสถานการณ์ไม่ได้เลย

  

ซือหยูมองหญิงสาวทั้งสองที่อยู่ข้างกายความแน่วแน่ปรากฏในแววตา

  

“เซี่ยนเอ๋อจิงหยู เจ้าสองคนถอยไป”

  

เขาพูดเบาๆเขายิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับหญิงสาวทั้งสองแม้ว่ารัศมีกระบี่โลหิตกำลังจะถึงตัว

  

เซี่ยนเอ๋อเห็นความแน่วแน่ในสายตาซือหยู

  

“พี่ซือหยูหนีไปด้วยกันเถอะ ได้โปรดอย่าสละตัวเองเลย”

  

ซือหยูลูบหัวนางเบาๆและตอบนางอย่างอ่อนโยน

  

“เราจะหนีไปที่ใดได้เล่า?ข้าไม่กลัวตาย แต่เจ้ากับจิงหยูจะต้องไม่ตาย”

  

ซือหยูยิ้มเบาๆเขารู้ว่านางคงไม่ยอมรับการตัดสินใจของเขา

  

“จิงหยูเจ้าต้องอยู่ต่อไปนะ”

  

เขากล่าวอำลากับนางเขามองหน้านางอย่างลึกซึ้งและผลักเซี่ยนเอ๋อไป เขาหันไปหารัศมีกระบี่ที่เข้ามาใกล้

  

“ตราบเท่าที่ข้ายังอยู่พวกนางจะต้องไม่ตาย…”

  

เขากัดฟันพูดเบาๆ

  

ในตอนนั้นเองร่างปลอมสองร่างได้ถูกเรียกออกมา เขาใช้วิชาร่างเทียม แต่ละร่างของเขานั้นมีพลังต้นกำเนิดแต่ละธาตุอัดแน่นอยู่ ร่างสีเพลิงคือต้นกำเนิดอัคคี ส่วนอีกร่างที่มีสายฟ้าแล่นไปมาก็คือต้นกำเนิดอัสนี

  

ขณะเดียวกันอากาศเย็นยะเยือกได้แผ่ออกมาจากตัวซือหยู เหล่าต้นกำเนิดนี้มิได้พบได้ยากกับเหล่าภูติ เพราะมันคือพลังที่เป็นแกนหลัก พลังต้นกำเนิดนับว่าไม่อันตรายกับภูตินัก

  

แต่ต้นกำเนิดที่ซือหยูถือเอาไว้ในมือนั้นปล่อยพลังที่แข็งแกร่งเป็นอย่างมากออกมา…

  

“หลอมรวมต้นกำเนิด”

  

ซือหยูกัดฟันควบคุมร่างปลอมและปล่อยให้แต่ละร่างปลอมรวมต้นกำเนิดเข้ามา

  

น้ำแข็งเพลิง สายฟ้า…ต้นกำเนิดพลังที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงได้หลอมรวมกันเป็นบุพผาหลากสี มันกลายเป็นบุพผางดงามที่มีเส้นสายพลังวาดอย่างชัดเจน

  

มันดูไม่แตกต่างจากดอกไม้ของจริงเลยแต่มันก็มีพลังที่น่ากลัวอยู่ด้วย ทุกคนที่มองเป็นต้องร้อนรนเมื่อได้เห็นมัน พลังกระบี่ที่พร้อมทำลายทุกสิ่งกลับมลายหายไปเพราะบุพผานี้

  

“วิชานี้อีกแล้วสินะ”

  

กู้ไทซูสีหน้าหม่นหมองเขาเคยได้เห็นพลังของวิชานี้มากับตา

  

“ตายซะ!”

  

กู้ไทซูกัดฟันเขาแกว่งกระบี่ไปที่ซือหยู

  

ซือหยูตอบกลับทันที

  

“จงหายไป!”

  

กระบี่สีเลือดได้ปะทะกับบุพผาหลากสี

  

ฟึ่บ!

  

เสียงเบาๆดังขึ้นเมื่อบุพผาแตกสลายแต่พลังวายุบ้าคลั่งที่กลืนกินทุกสิ่งในเส้นทางยังคงปะทุออกมา

  

กระบี่ของกู้ไทซูและพลังของซือหยูถูกวายุบ้าคลั่งดูดกลืนเข้าไปพลังกระบี่ของกู้ไทซูถูกปั่นกระจายออกมาในทุกทิศทาง แต่พลังของมันก็ลดลงไปด้วย

  

แกร๊ง!แกร๊ง! แกร๊ง!

  

เสียงโลหะกระทบนับไม่ถ้วนดังขึ้นเมื่อพลังกระบี่ได้กระจายมาหาเกราะราชาศิลานิรันดร์ของซือหยูไม้หกทิศเองก็เคลื่อนไหวไปมาเพื่อขวางพลังกระบี่อันบ้าคลั่ง แต่พลังนั้นมีมากมายเหลือเกินจนไม้หกทิศต้านไว้ได้แค่ส่วนเดียว พลังกระบี่ที่เหลือได้จมลึกไปในเกราะราชาศิลานิรันดร์

  

เกราะราชาศิลานิรันดร์นั้นแทบจะไม่มีรอยขีดข่วนแต่พลังกระบี่ที่ผ่านเข้ามาก็ทำให้เกราะเสียหายไปได้ ถ้าหากมันต้องรับพลังกระบี่ตรงๆที่ไม่ได้กระจายเข้ามา มันก็คงป้องกันเขาไม่ได้

  

หลังจากรับพลังกระบี่หลายครั้งเกราะราชาศิลานิรันดร์ที่ปกป้องซือหยูนับครั้งไม่ถ้วนในอดีตเริ่มมีช่องเปิดที่ทำให้พลังเล็ดรอดเข้าไปได้ จุดบริเวณท้องที่อ่อนแอที่สุดของเกราะได้กลายเป็นจุดอ่อนของซือหยูแล้ว

  

พลังกระบี่ได้พุ่งตรงไปยังท้องของซือหยูจนฉีกเป็นแผลกว้างซือหยูร้องครางเบาๆด้วยความเจ็บปวด จุดกำเนิดพลังของเขาที่อยู่ตรงท้องก็ฉีกขาด

  

พลังกระบี่อันแข็งแกร่งยังคงทะลวงร่างกายและทำลายพลังชีวิตอันรวยรินที่หลงเหลือในร่างกายของเขาพลังกระบี่ที่รุกล้ำเข้าไปทำให้ซือหยูร่วงลงจากกลางอากาศราวกับใบไม้ที่เหี่ยวแห้ง

  

ท้องนภาไร้ขอบเขตสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขาเขาไม่รู้ว่าท้องนภามาจากเบื้องบนหรือเบื้องล่าง และเมื่อดูสภาพของร่างกายตัวเอง เขาก็รู้แล้วว่านี่คือจุดจบของเขา

  

“มันจะจบตรงนี้สินะ?”

  

ซือหยูถอนหายใจด้วยความขมขื่นเขามองเซี่ยจิงหยูที่ปลอดภัยดีและหัวเราะอย่างผ่อนคลายใจ

  

“ข้าจะได้เป็นอิสระแล้วสินะ…”

  

เขาแต่งงานกับเซี่ยนเอ๋อเพราะเขาสัญญาเอาไว้และเซี่ยจิงหยูก็โศกเศร้าที่เขาทำแบบนั้น เขาคงทำได้แค่ใช้ชีวิตนี้ปกป้องนางเพื่อชดใช้

  

ผู้เฒ่าจิวในก้นบึ้งมังกรรู้แล้วว่าทำไมซือหยูถึงเสี่ยงชีวิตเข้าสู้กับกู้ไทซูมันเป็นเพราะว่าเขาต้องการที่จะตาย เขาต้องการจะส่งชีวิตของเขาให้กับเซี่ยจิงหยูหลังจากที่แต่งงานกับเซี่ยนเอ๋ออย่างเป็นทางการแล้ว

  

“ไม่นะ!”

  

เสียงร่ำร้องจากเซี่ยนเอ๋อดังก้องนางรีบพุ่งไปรับร่างซือหยูเอาไว้ในอ้อมกอด

  

“พี่ซือหยู”

  

เซี่ยนเอ๋อลืมตากว้างดวงตาของนางบวมแดงเมื่อเห็นสภาพร่างของซือหยู

  

นางร้องไห้ด้วยความโศกเศร้า

  

“อย่าตายนะ!ไม่มีพี่แล้วข้าจะใช้ชีวิตต่อไปยังไง?”

  

เสียงร้องอันเศร้าหมองในดวงใจที่อ่อนแอได้แสดงความรู้สึกส่วนลึกที่สุดของนางออกมาซือหยูอยากจะพูดกับนาง แต่ร่างของเขาอยู่ในหุบเหวแห่งความตาย พูดแม้แต่คำเดียวยังมิอาจทำได้

  

เขาอ้าปากพยายามจะพูดแต่มันก็หุบลงไปอย่างอ่อนแรง เขาทำอะไรไม่ได้เลย ภาพที่มองเห็นได้มืดมัวลง เขาพร้อมรับโชคชะตาแล้ว

  

“ไม่!”

  

เซี่ยนเอ๋อร้องสุดเสียงและรวบรวมพลังชีวิตในมือและอัดลงไปในร่างซือหยูเพื่อยื้อชีวิตของเขาต่อไป

  

แต่พลังกระบี่ยังไม่จางหายไปจากร่างกายของเขาพลังชีวิตของนางที่อ่อนแอเมื่อเทียบกันได้สลายไปอย่างรวดเร็ว น้ำตาดั่งอัญมณีไหลออกมาจากดวงตา ไม่ว่านางจะอัดพลังชีวิตไปเท่าใด นางก็มิอาจช่วยชีวิตเขาได้

  

ซือหยูรู้สึกอบอุ่นในหัวใจถ้าเขาได้ตายในอ้อมกอดของเซี่ยนเอ๋อ ทุกสิ่งที่ทำมาก็นับว่าไม่สูญเปล่า เขายื่นมือไปลูบหน้าเซี่ยนเอ๋อก่อนจะพูดด้วยความยากลำบาก

  

“เซี่ยนเอ๋ออย่าร้องไปเลย ข้าไม่ได้ตาย ข้าแค่กลับบ้านของข้าง ดั่งใบไม้ร่วงสู่ผืนดิน”

  

เซี่ยนเอ๋อยังคงร้องไม่หยุดและก้มหน้าแนบอกของเขานางดูเหมือนเด็กที่เสียญาติสนิทที่สำคัญที่สุดไป เสียงร่ำไห้อันโศกเศร้าทำให้ทุกคนที่ได้ยินเสียใจไปตามๆกัน

  

ซือหยูเริ่มมองอะไรไม่เห็นอีกแล้วเขาพยายามจะหันไปมองกู้ไทซูที่ยังลอยอยู่ที่เดิม แต่ทั้งร่างของกู้ไทซูก็แทบจะแหลกสลาย สภาพของเขาไม่ได้ดีไปกว่าซือหยู นั่นทำให้ซือหยูโล่งใจลง

  

ส่วนกระบี่ปราบมังกรในมือของเขาก็เสียรัศมีกระบี่ไปแล้วมันร่วงลงกับพื้นดั่งเศษเหล็ก

  

ฟึ่บ!

  

แสงสีชมพูเปล่งประกายมีสัตว์ประหลาดจากมุกวิญญาณเก้าหยกกินเศษกระบี่เข้าไป มันบินกลับมาหาซือหยู

  

มันคือกิเลนน้อยที่หลงรักสมบัติทุกประเภทมันตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้เศษสมบัติภูติ มันกระโดดโลดเต้นไปมาบนอกของซือหยู

  

เมื่อมันก้มหน้าลงมองมันก็กระพริบตาหลายครั้ง มันรู้สึกว่ามีบางอย่างที่แปลกไป มันดันหัวกับหอของซือหยู แต่ก็พบว่าเขาไม่ตอบสนองอะไรเลย

  

กิเลนน้อยใช้ขาหน้าเกาหัวของมันดวงตานั้นเต็มไปด้วยความสงสัย มันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับซือหยู

  

มันมองเซี่ยนเอ๋อที่ร่ำไห้ก่อนจะหันกลับมามองซือหยูที่ร่างชุ่มเลือดดูเหมือนมันจะรู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้น มันก้มหัวดมอกของซือหยู

  

เมื่อมันดมดูก็พบว่าชีวิตของซือหยูกำลังจะจบลงในอีกไม่นานมันตัวแข็งทื่อ เศษกระบี่ที่คาบเอาไว้ตกออกจากปาก น้ำตาคลอเบ้าของมัน

  

มันเลียหน้าซือหยูด้วยลิ้นนุ่มๆมันร้องสะอึกสะอื้นเมื่อรู้ว่าชีวิตของผู้เป็นนายกำลังจะจบลง