DND.716 – สังหารธุ์ไทซู
“ซือหยูจงตายไปก่อนซะเถอะ”
มีบ้างที่โศกเศร้าแต่ก็มีคนอื่นที่กำลังคลั่ง
กู้ไทซูที่บาดเจ็บสาหัสนั้นกำลังจะตายเขาหัวเราะอย่างโหดเหี้ยม
“เจ้าจงตายอย่างสงบไปซะเถอะเดี๋ยวข้าจะส่งผู้หญิงสองคนนี้ไปกับเจ้าด้วย เจ้าจะได้ไม่ต้องเหงาในนรก”
ซือหยูเกือบต้องตายเมื่อเจอกับกู้ไทซูที่กระโจมเทพสวรรค์และตอนนี้ก็เป็นเช่นเดียวกัน
ซือหยูพ่ายแพ้ในการเผชิญหน้าทั้งสองครั้งและครั้งนี้เขาสูญเสียไปอย่างอเนจอนาถ
“งั้นเรอะ?”
ซือหยูมองเยาะกลับไปเมื่อซือหยูพูดจบ วงเวทใหญ่เท่าฝ่ามือก็ลอยขึ้นมาจากพื้นทะเลใต้กู้ไทซู
วงเวทเปล่งแสงสีดำสิ่งรอบข้างกู้ไทซูเปลี่ยนไปในทันที เขาได้พบกับทุ่งหิมะที่เยือกเย็นไปถึงกระดูก
กู้ไทซูสูญเสียฐานพลังทั้งหมดในทุ่งหิมะแห่งนี้เขากลายเป็นแค่มนุษย์อ่อนแอที่หนาวสั่นเมื่อสายลมพัดผ่าน
“เวทความฝันวิญญาณเทวะเยือกแข็ง?”
กู้ไทซูตกตะลึงเขาที่เป็นคนจากดินแดนพรสวรรค์จะไม่รู้เรื่องลำดับเวทนี้ได้อย่างไร? มันคือลำดับเวทที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของดินแดนพรสวรค์ทั้งสิบแปด
เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าซือหยูที่กำลังจะตายจะยังมีกระบวนท่าลับซ่อนเอาไว้อยู่อีก
เขาวางลำดับไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?ตั้งแต่ที่เขามาที่นี่ เขากับซือหยูต่อสู้กันมาโดยตลอด ซือหยูไม่มีเวลาใช้มันแน่
สิ่งเดียวที่อธิบายได้ก็คือเวทความฝันนั้นถูกวางเอาไว้มานานแล้วและมันถูกทิ้งให้เป็นกระบวนท่าสุดท้าย
กู้ไทซูหยุดให้หัวใจเต้นแรงไม่ได้เมื่อคิดถึงอุบายทั้งหมดเขาเป็นกังวลเมื่อมองหาจุดอ่อนของลำดับและออกจากมัน มิเช่นนั้นเขาจะต้องโดนฆ่าแน่
เขามองหาจุดอ่อนของทุ่งหิมะอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเขาจะอยู่ในทุ่งหิมะแต่ในสายตาของคนรอบๆจะเห็นว่ากู้ไทซูนั้นเพียงยืนอยู่กับที่ไม่ไหวติงราวกับต้นเสา
“ตอนนี้แหละ…ฆ่ามันเลย…”
ซือหยูพูดด้วยความยากลำบาก
นี่คือโอกาสเดียวที่พวกเขาจะได้กำจัดกู้ไทซู
เซี่ยนเอ๋อเงยหน้าเช็ดน้ำตาดวงตาของนางมีทั้งความเศร้าและความชิงชัง
“ทำไมกัน?ทำไมแกต้องมายุ่งกับชีวิตพวกเรา?”
เซี่ยนเอ๋อกำหมัดแน่นดวงตาของนางเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
“พี่ซือหยูต้องเจอกับความยากลำบากและแทบจะไม่รอดตายแต่พี่ซือหยูก็ยังมีจิตใจที่บริสุทธิ์และจะไม่ยอมติดค้างกับผู้ใด หรือทำให้ใครผิดหวัง”
“แกมีปัญหาอะไรกับพวกเรานัก?ทำไมแกต้องพยายามจะกำจัดพวกเราทุกคนด้วย?”
นางดูเหมือนกำลังตะโกนอ้อนวอน และบอกถึงความอยุติธรรมที่ซือหยูพบเจอมาตลอดชีวิต
“ถ้าโลกนั้นอยากจะฆ่าพี่ซือหยูข้าก็จะใช้ทั้งชีวิตของข้าทำลายโลกของพวกแกซะ”
เซี่ยนเอ๋อดูราวกับเป็นเทพแห่งความตายนางทั้งไร้หัวใจและเยือกเย็น แววตาของนางมีพลังแห่งความตายแผ่ออกมา
“ตาย!พวกเจ้าทุกคนต้องตาย…”
เซี่ยนเอ๋อปลดปล่อยความชิงชังทั้งหมดในใจและตะโกนลั่น
พลังแห่งความตายได้แผ่ออกมาล้อมรอบตัวกู้ไทซูและจะพาเขาไปยังหุบเหวนรก
กู้ไทซูที่ไม่มีกระบี่ปราบมังกรคงต้องตายเท่านั้นเมื่อพบกับพลังระดับนี้
ปั้ง!
เสียงเบาๆดังขึ้นมาวิหคเพลิงทมิฬปรากฏเหนือหัวกู้ไทซู
แต่ก็มีพลังแปลกๆปรากฏออกมาล้อมวิหคเพลิงทมิฬเอาไว้พร้อมกับสลายมันไป
“หึหึข้าไปไม่นานแต่สถานการณ์ก็เปลี่ยนไปเช่นนี้ เกินคาดจริงๆ”
ชายชุดสีอำพันปรากฏตัวจากความว่างเปล่าร่างของเขาปล่อยพลังที่น่ากลัวออกมา
เขาคือฟู่กุยที่กลับมาทันเวลาพอดี
เซี่ยนเอ๋อเจอกับพลังสะท้อนกลับอีกครั้งนางร้องเบาๆด้วยความเจ็บปวดและกระเด็นกลับมาที่ข้างซือหยู
ความหวาดกลัวมิได้ปรากฏในแววตาเซี่ยนเอ๋อเมื่อต้องเผชิญหน้ากับจ้าวเทวะดวงตาของนางสงบนิ่งราวกับวารี
“ร่างวิหคเพลิงแห่งความตายรึหึหึ ไม่คิดเลยว่าร่างยมทูตที่ไม่เคยปรากฏในจิวโจวจะมาอยู่ที่เฉินหลง!”
ฟู่กุยมองเซี่ยนเอ๋อด้วยความสนใจเขาตาเป็นประกายความโลภ
“ร่างเทวะเช่นนี้คงสูญเปล่ากับอสูรน้อยอย่างเจ้าข้าจะดูแลมันแทนเจ้าเอง”
ฟู่กุยพูดอย่างโหดร้ายเขาเลียริมฝีปากด้วยความตื่นเต้น
“บังเอิญนักที่ข้าบ่มเพาะวิชากลืนกินพลังสายโลหิตแม่สาวน้อย เจ้าเป็นของขวัญของข้าจริงๆ”
ฟู่กุยเลือกเส้นทางบ่มเพาะในวิชาอสูรเขาบ่มเพาะวิชาโลหิตเหนือกว่าคนอื่นใด เขายังมีพลังวิเศษที่น่าตกตะลึงที่จะกลืนกินพลังสายโลหิตของคนอื่นได้
เซี่ยนเอ๋อแววตาแน่วแน่ฟันของนางแทรกไปด้วยโลหิต นางมองเขาอย่างเยือกเย็น
“ให้สุนัขกินเนื้อข้ายังดีกว่าให้คนต่างโลกอย่างเจ้ามาเอาไป”
ฟู่กุยหัวเราะอย่างชั่วร้าย
“มันไม่ได้แล้วแต่เจ้าหรอกนะ”
เขาโบกมือไปทางเซี่ยนเอ๋อหัวภูติผีห้าหัวที่น่าเกลียดพุ่งออกมาจากแขนเสื้อและพุ่งเข้าใส่นาง
เหล่าหัวผีนั้นมีใบหน้าที่อัปลักษณ์พลังภูติของมันมีกลิ่นเหม็นเน่าและยังมีพลังที่แข็งแกร่งพอจะคร่าชีวิตภูติ
แต่ละหัวมีพลังภูติระดับเก้าแค่ภูติระดับเก้าคนเดียวอย่างกู้ไทซูก็เกือบจะส่งซือหยูไปตายแล้ว ไม่ต้องพูดถึงห้าหัวเลย
ทุกคนรวมถึงคนในก้นบึ้งมังกรตื่นตกใจแม้ว่าจ้าวเทวะจะไม่ได้จู่โจมพวกเขา แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะชนะ
หัวผีอ้าปากและพุ่งไปที่นางอย่างรวดเร็วมันคิดจะฉีกนางเป็นชิ้นๆและกลืนกินเลือดเนื้อเพื่อดูดซับแก่นโลหิต
เซี่ยนเอ๋อมิได้หวาดกลัวพลังแห่งความตายแผ่ออกมาจากดวงตา นางจ้องมองหัวผีอย่างไม่ลดละ แต่แม้นางจะพูดคำว่า ‘ตาย’ เหล่าหัวผีก็ไม่สะทกสะท้านอะไร มันยังคงพุ่งเข้าใส่นาง
“วิหคเพลิงแห่งความตายคร่าชีวิตได้แต่เจ้าจะเอาชีวิตใดไปจากผีเล่า? แม่สาวน้อย เจ้าได้เจอกับหายนะแล้ว”
ฟู่กุยหัวเราะ
เซี่ยนเอ๋อตกตะลึงนางยิ้มอย่างขมขื่น
“พี่ซือหยูข้าขอโทษ ข้าคงต้องไปก่อน ข้าต้องไปรอพี่ที่โลกหน้าก่อน”
เซี่ยนเอ๋อจิตใจกล้าแกร่งและหนักแน่นมาก
นางยินดีจะจบชีวิตตัวเองมากกว่าที่จะให้หัวผีกลืนกินไปและปล่อยให้สายโลหิตถูกแย่งชิงโดยคนอื่น
แต่ก่อนที่นางจะได้ทำอะไรหัวผีทั้งห้าก็กรีดร้องเสียงแหลม มันหนีไปคนละทิศละทางราวกับเจอสิ่งที่น่ากลัว
แต่ก่อนที่จะได้หนีเสียงกรีดร้องของพวกมันก็หยุดลงไปดื้อๆ พลังกระบี่สีเทาได้ทะลวงหัวทั้งห้าในพริบตาเดียว
สิ่งนี้เกิดขึ้นโดยที่ฟู่กุยไม่ทันระวังเขาร้องครางเบาๆ โลหิตไหลออกมาจากมุมปากทั้งสองข้าง เขาได้รับผลสะท้อนกลับจากหัวผีที่ถูกกำจัด
“เกิดอะไรขึ้น?”
ฟู่กุยเบิกตากว้างเขาอึดอัดใจเมื่อเห็นพลังกระบี่สีเทา
“พลังปีศาจรึ?มันคือพลังอะไรกัน?”
รอยยิ้มของฟู่กุยหายไปโดยสิ้นเชิง
เขาเริ่มถอยกลับและมองหาพลังกระบี่สีเทาที่ดูเหมือนจะเป็นจุดอ่อนในพลังของเขา
ซือหยูร่างมืดได้ทิ้งพลังปีศาจเอาไว้ในเวทความฝันพลังปีศาจนี้เป็นพลังที่แม้แต่จักรพรรดิโลหิตยังหวาดกลัว แล้วจ้าวเทวะแค่คนเดียวจะไม่รู้สึกอะไรรึ?
“เจ้าหนู?นั่นมันท่าสังหารของเจ้าจริงๆสินะ?”
ฟู่กุยรู้สึกราวกับถูกกับดักของซือหยู
มันจะบังเอิญสักเพียงใดกันที่เขาจะกลับมาในทันทีที่ชีวิตของกู้ไทซูตกอยู่ในอันตราย?
เขาซ่อนตัวอยู่ตั้งแต่ที่กู้ไทซูใช้กระบี่และต่อสู้กับซือหยูอย่างเอาเป็นเอาตายแล้ว
เขายังหวาดกลัววิชาของซือหยูและรอจนกว่าทั้งสองฝ่ายจะบาดเจ็บหนักก่อนจะปรากฏตัวออกมาจัดการกับเรื่องที่เหลือ
สถานการณ์เป็นไปอย่างที่เขาคิดแต่ซือหยูที่เกือบตายกลับยังมีลูกไม้ที่น่ากลัวทิ้งเอาไว้และทำให้กู้ไทซูขยับตัวไม่ได้
จากนั้นฟู่กุยจึงปรากฏตัวออกมาด้วยสองเหตุผลเหตุแรกคือการช่วยชีวิตกู้ไทซู ส่วนอีกเหตุก็คือการสังหารซือหยูที่หมดภัยคุกคามและรับความดีความชิบ
แต่เขาไม่คิดเลยว่าซือหยูจะยังมีพลังปีศาจที่น่ากลัวเหลือเอาไว้เผื่อเขาด้วย
ฟู่กุยรู้ว่าพลังนี้ถูกเก็บไว้รับมือกับเขาเขารู้สึกว่าซือหยูได้วางแผนรับมือเขาเอาไว้ล่วงหน้า
แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงๆซือหยูจะมองข้ามกู้ไทซูได้อย่างไรในเมื่อยังมีจ้าวเทวะอย่างฟู่กุยอยู่ด้วย?
พลังปีศาจจากเวทความฝันนั้นถูกจัดแจงให้กับฟู่กุยโดยเฉพาะ
เมื่อพลังปีศาจสังหารหัวผีทั้งห้าพลังนั้นก็อ่อนแอลง แต่มันก็ยังมีพลังอีกมากที่ทำให้ฟู่กุยต้องระวังตัว
ฟึ่บ!
พลังปีศาจพุ่งเข้าใส่ฟู่กุยด้วยความเร็วสูงที่แม้แต่จ้าวเทวะก็มิอาจหลบได้
ฟู่กุยใจเต้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อต้องเจอกับวิกฤติและประสบการณ์ในการบ่มเพาะมาหลายร้อยปีก็บอกเขาว่าพลังนี้มากพอที่จะเอาชีวิตของเขาไปด้วย
เขาหลบไม่ได้และเขาก็ยังเผชิญหน้ากับมันไม่ได้อีก
เขามองรอบๆและจ้องมองกู้ไทซูที่หยุดนิ่งในเวทความฝัน
เขาลังเลอยู่บ้างก่อนจะกัดฟันและบินไปยังกู้ไทซู
“ท่านกู้ขออภัย แต่มันก็แค่ร่างเงาของท่าน โปรดอภัยให้ข้าเถอะ”
ฟู่กุยเอื้อมมือไปทางกู้ไทซูและดูดร่างของเขาเข้ามาที่ด้านหน้า
กู้ไทซูที่เพิ่งจะเป็นอิสระจากเวทความฝันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเขางุนงงไปหมด
เขาโล่งใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าพลังของฟู่กุยอยู่ด้านหลังเพราะมีคนมาช่วยเขาแล้ว
เขามองซือหยูที่อยู่ไกลออกไปและยิ้มอย่างเยือกเย็น
“ซือหยูทุกอย่างจบลงแล้ว เจ้าฆ่าข้าไม่ได้หรอก ส่วนข้าน่ะรึ? ข้าจะฆ่าพวกเจ้าทั้งญาติสนิทมิตรสหาย!”
และเมื่อเขาได้พูดออกไปเขาก็พบว่ามีบางอย่างที่ประหลาด พอถึงตอนนั้นพลังปีศาจก็ได้ทะลวงร่างของเขาอย่างเงียบเชียบ
เขาไม่ได้มองพลังปีศาจก่อนที่มันจะเข้ามาที่ร่างของเขาด้วยซ้ำเขาสลายไปราวกับต้นไม้ตายที่ถูกเผา
ตราบจนสติถูกลบล้างเขาก็ยังไม่รู้ว่าสิ่งใดที่ฆ่าเขา
เมื่อพลังปีศาจฆ่ากู้ไทซูมันก็อ่อนแอลงไปมากมันยังพุ่งเข้าใส่ฟู่กุยต่อไป
และแม้ว่าฟู่กุยจะกู้สถานการณ์มาได้เขาก็ยังไม่คลายใจ เขาใช้พลังทั้งหมดในการรับมือกับมัน
ปั้ง!
เสียงระเบิดครั้งใหญ่ดังขึ้นฟู่กุยกระเด็นไปสิบลี้ เกิดบาดแผลใหญ่บนอกของเขา มันดูค่อนข้างร้ายแรง
เขาบาดเจ็บสาหัสแต่ก็ไม่ตาย
ฟู่กุยรอดมาได้หวุดหวิดเขายังคงตัวสั่นเพราะความกลัว
มันน่ากลัวเกินไป!พลังปีศาจเสี้ยวเดียวเกือบจะทำให้เขาตาย
ถ้าหากกู้ไทซูไม่รับพลังส่วนมากไปจ้าวเทวะอย่างเขาก็คงไม่มีโอกาสรอดชีวิต
เขาใจสั่นไปนานและหันไปมองซือหยูอีกครั้งด้วยความหวาดกลัวและจิตสังหารที่พวยพุ่งขึ้นมาราวกับน้ำหลาก
“เจ้าจะมีชีวิตต่อไปไม่ได้อีกแล้ว!ตายซะ!”
ความโกรธของจ้าวเทวะสามารถสร้างซากศพได้หลายล้านคนแต่ก่อนที่เขาจะได้จู่โจม ใบไผ่สีทองที่ทางเข้าก้นบึ้งมังกรก็ได้เปิดออก มีหญิงสาวงดงามบินออกมาด้วยความกังวลใจ
แย่แล้ว!ฟู่กุยใจหายเพราะถ้าเขาใช้พลังทั้งหมด เขาก็ทำอะไรกับใบไผ่เงินกล้วยไม้สวรรค์ที่แข็งแกร่งไม่ได้
และเขายังหวาดกลัวที่เซี่ยจิงหยูบินมาที่ข้างซือหยูนางคิดจะพาเขาหนีไปด้วยกัน