ตอนที่ 527 แย่แล้วๆ เป็นเรื่องแล้ว / ตอนที่ 528 ฮ่องเต้องค์ก่อนเป็นคนที่เป็นภัยต่อผู้อื่น

ฮูหยินข้าอายุสามขวบครึ่ง

ตอนที่ 527 แย่แล้วๆ เป็นเรื่องแล้ว

 

 

ทางด้านเว่ยหมิ่นทำสำเร็จแล้ว กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปกับสายลมยากที่จะหลีกเลี่ยงได้ ส่วนทางด้านเหลียงอู๋เย่ว์ เฝิงเยี่ยไป๋ทักทายหานสือพอเป็นพิธี เขาเปิดตาข้างหนึ่งปิดตาข้างหนึ่งไม่ซักต่อให้ยุ่งยาก แล้วปล่อยเขาเข้าไป รอด้านในให้ไฟไหม้ กะเวลาคร่าวๆ รอคนไหม้ได้ที่แล้วค่อยเข้าไปเก็บกวาด ถ่านกองเดียว ไม่ถือว่าทำงานขัดคำสั่ง

 

 

ตอนเช้าเจี่ยชีก็ได้รับคำสั่งจากเฝิงเยี่ยไป๋ให้เริ่มค้นหาศพ พอดีข้างทางมีขอทานใกล้ตาย ดูแล้วรูปร่างพอๆ กับเหลียงอู่เย่ว์ เพียงแต่ผอมกว่านิดหน่อย ทว่าเอาไฟเผาสักหน่อยก็เหลือแต่กระดูกแล้ว ใครก็ไม่สามารถดูออกว่าอ้วนหรือผอม

 

 

เจี่ยชีกับเฝิงเยี่ยไป๋ไปด้วยกัน หานสือจัดการธุระได้อย่างเรียบร้อย ด้านในรอชำระล้างให้สะอาด เมื่อรับเงินมาแล้วก็ต้องจัดการให้เรียบร้อย เงินสามารถแก้ปัญหาเรื่องยุ่งยากได้ เส้นทางนี้สะดวกราบรื่น จึงหาเหลียงอู๋เย่ว์พบได้อย่างรวดเร็ว

 

 

เหลียงอู๋เย่ว์โดนขังอยู่ที่จวนท่านหญิงเป็นเดือนๆ เป็นห่วงด้านนอกแต่ก็ออกไปไม่ได้ บางครั้งคนด้านนอกพวกนั้นก็หยุดปากไม่อยู่ ข่าวบางอย่างก็เข้าหูเขาว่าเว่ยหมิ่นอาศัยอยู่ตำหนักอวี้ชิงแล้วยังพูดอีกว่าเว่ยหมิ่นกับฮ่องเต้เป็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว เขาทั้งโกรธทั้งร้อนใจแต่ทว่าออกไปไม่ได้ ความอาฆาตแค้นที่มีอยู่เต็มอกระบายออกมาไม่ได้ ทางเดียวคือดื่มเหล้าเพื่อให้ลืม หลายครั้งที่แทบจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ จนเฉินยางได้ส่งจดหมายมาหาเขา เนื้อความด้านในกล่าวถึงน้ำใจของเว่ยหมิ่น เพราะสิ่งนี้ถึงทำให้เขามีชีวิตอยู่ได้จนถึงวันนี้ ไม่กี่วันก่อนหน้าเฝิงเยี่ยไป๋ก็ส่งจดหมายมาหาเขากล่าวว่าจะมาช่วยเขา เช้านี้เขาจึงเตรียมตัวเรียบร้อย ในใจก็คิดคำนวณแผนการหลังจากออกไปจะต้องสังหารฮ่องเต้ให้จงได้

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋เมื่อหาเหลียงอู๋เย่ว์พบก็รีบร้อนเดินไปมาในห้อง ลักษณะท่าทางรีบร้อนอยู่ไม่สุข ทราบข่าวแล้วก็นั่งไม่ติดที่ เจี่ยชีจับคนบนบ่าทุ่มลงพื้น ขวางอยู่หน้าเหลียงอู๋เย่ว์พอดี เหลียงอู่เย่ว์เห็นคนที่ห่ออยู่ในกระสอบจึงถามเฝิงเยี่ยไป๋ว่า “นี้จะทำอะไร”

 

 

“ตัวตายตัวแทน เอาเสื้อผ้าของเจ้ามาเปลี่ยนให้เขาชุดหนึ่ง ไม่มีเวลามาให้เจ้าชักช้าแล้ว เร็วเข้า”

 

 

เหลียงอู่เย่ว์เตะเท้าดูเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “ตายแล้วหรือ”

 

 

เจี่ยชีตอบ “ขอทานนอนตายอยู่ข้างทาง รูปร่างพอๆ กับเจ้า”

 

 

หากเอาคนเป็นมาแทนเขา นั่นถือว่าเขาผิดมหันต์ แต่ว่ามาคิดดูแล้ว เฝิงเยี่ยไป๋ไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องแบบนั้น เพื่อหาตัวตายตัวแทนถึงกับฆ่าคนคนหนึ่งจะทำให้เกิดความยุ่งยากได้ไม่คุ้มเสีย กลับจะเป็นจุดอ่อนที่ฮ่องเต้ใช้มาจับได้

 

 

เขาหยิบเสื้อผ้ามาสวมให้ศพชุดหนึ่ง เหลือไว้ครึ่งหนึ่งให้พวกเขาสามารถมองออกว่านี้คือเสื้อผ้าที่เขาใช้สวมใส่ก็พอแล้ว

 

 

จัดการเรียบร้อยแล้ว เหลียงอู๋เย่ว์อุ้มไหเหล้าบนโต๊ะสาดไปที่ร่างของศพ จากนั้นโยนเทียนลงไป เสียงดังพรึบไหม้ขึ้นมา “พวกเราจะออกไปอย่างไร”

 

 

เหลียงอู๋เย่ว์ไม่มีฝีมือพอที่จะเตะต่อย แค่ปีนกำแพงก็ล้วนเปลืองแรง คำถามนี้ไม่สำคัญอะไร เฝิงเยี่ยไป๋ขี้เกียจจะตอบเขา เมื่อออกจากประตู เจี่ยชีก็ยกคอเสื้อเหลียงอู๋เย่ว์แล้วยกเขาขึ้นมา เมื่อชั่งดูแล้วไม่หนักไม่เบา พาเขาขึ้นสันกำแพงไม่ใช่เรื่องยากอะไร ทั้งสามคนอยู่บนหลังคาแล้ว หานสือเป็นคนรวดเร็วหูตาไว กระเบื้องขยับเพียงนิดเดียวก็รู้แล้วว่าคนอยู่ตรงไหน หันกลับไปมองที่หลังคาจึงเห็นทั้งสามคนกำลังหนีพอดี

 

 

เหลียงอู๋เย่ว์พูดด้วยความตกใจเบาๆ ว่า “ถูกพบเข้าแล้ว แย่แล้วๆ เป็นเรื่องแล้ว”

 

 

ใครจะรู้หานสือเหลือบมองแวบหนึ่งก่อนจะละสายตาไป เหมือนพวกเขาไม่ได้อยู่ตรงนั้น แล้วยังสั่งให้กองกำลังทหารที่กำลังมุ่งหน้าไปทางพวกเขาไปอารักขาที่อื่น ชัดเจนแล้วว่าเขาทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งเปิดตาข้างหนึ่งปล่อยพวกเขาไป

 

 

เฝิงเยี่ยไป๋ก็ไม่เกรงใจ ทั้งสามคนกระโดนลงมาจากชายคาด้านหน้า มาถึงตรอกด้านหลังจวนของท่านหญิง เลี้ยวที่โค้งนั้นแล้วไม่เห็นทั้งสามอีกเลย

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 528 ฮ่องเต้องค์ก่อนเป็นคนที่เป็นภัยต่อผู้อื่น

 

 

เฉินยางรู้ว่าคืนนี้เฝิงเยี่ยไป๋ออกไปช่วยเหลียงอู๋เย่ว์ ก่อนไปเขาได้ให้คำสัญญาอย่างจริงใจว่าจะต้องไม่เป็นอะไรแน่ๆ ให้นางวางใจ นางจะวางใจได้อย่างไร เสี่ยวจินอวี๋ก็ร้องไห้หนัก หยอกล้ออย่างไรก็ไม่ดีขึ้น ในใจเฉินยางก็รู้สึกไม่สงบตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

 

 

แม่นมป้อนนมให้เสี่ยวจินอวี๋ ทว่าเสี่ยวจินอวี๋ไม่ยอมกิน กลับแหกปากร้องเสียงดังกังวาน

 

 

“เจ้าเด็กคนนี้วันนี้เป็นอะไรหรือ ทำไมถึงร้องไม่หยุดเลยเล่า” เฉินยางรับเสี่ยวจินอวี๋มา ทั้งจูบทั้งหยอกล้อ แต่ทว่าเขาก็ยังไม่หยุดร้อง น้ำตาก็ไม่หยุดไหล นางถูกเสียงร้องไห้รบกวน ทำให้นางกระวนกระวายเป็นอย่างยิ่ง สายสัมพันธ์พ่อลูกใจถึงใจ หรือว่าเฝิงเยี่ยไป๋จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น นางไม่กล้าคิดไปไกลเกินไป ในหัวมีเสียงดังกึกก้องคล้ายฟ้าร้องฟ้าแลบฉายภาพความคิดนั้นไปมา ทันทีที่ความคิดนั้นหายไป จึงอุ้มเสี่ยวจินอวี๋ไว้ น้ำตาทั้งสองข้างก็ไหลออกมาพร้อมกัน

 

 

ซั่งเหมยมองดูนี้กลายเป็นอะไรไปแล้ว ร้องไห้คนเดียวก็วุ่นวายพอแล้ว นี่ทั้งสองคนพร้อมกันอีกประเดี๋ยวหลังคาคงถล่มลงมา จึงรีบเรียกแม่นมให้อุ้มเสี่ยวจินอวี๋ไปแล้วเอาผ้ามาเช็ดหน้าให้นาง เช็ดไปก็พูดโน้มน้าวไป “ซั่งเซียงให้ท่านซื่อจื่อไปหาท่านหมอแล้ว เด็กร้องไห้เป็นเรื่องปกติ ไหนท่านว่ามาสิว่าท่านร้องไห้ด้วยเหตุอันใด แม่กับลูกชายตะโกนร้องไห้ด้วยกันตอนกลางค่ำกลางคืน จะทำให้คนตกใจกลัวได้”

 

 

เฉินยางสะอึกสะอื้น ยกแขนเสื้อขึ้นเช็ดหน้าเช็ดตาแล้วถามนางว่า “ท่านพี่กลับมาแล้วหรือ”

 

 

“ยังหรอก ก่อนไปไม่ใช่ว่านายท่านบอกว่ากองทหารมีงานสำคัญมิใช่หรือ คาดว่าคงอีกสักพักหนึ่งถึงจะกลับมา… หรือว่าท่านคิดถึงท่านอ๋องแล้ว สามีภรรยาวันข้างหน้ายังมีโอกาสอยู่ด้วยกันอีกเยอะไม่ใช่แค่สามสี่ชั่วโมง ข้าน้อยยังจะเป็นอะไรได้อีกเล่า ท่านทำให้ข้าน้อยตกใจจริงๆ”

 

 

เรื่องนี้เฝิงเยี่ยไป๋เคยพูดกับนาง พวกซั่งเหมยไม่ทราบเรื่อง เรื่องใหญ่เช่นนี้ถ้าหากข่าวรั่วไหลออกไปคงถึงแก่ชีวิต นางจึงไม่บอกเรื่องนี้กับซั่งเหม่ย ที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่ใช่คิดถึงเขา แต่คิดเหตุผลอื่นที่ดีกว่าไม่ออก จึงได้แต่เอาเรื่องลูกมาเป็นข้ออ้าง “ข้าปวดใจที่เห็นเขาร้องไห้ แม่ลูกใจถึงใจแค่เข้าร้องไห้ข้าก็ทนไม่ไหวแล้ว”

 

 

แม่นมอุ้มเสี่ยวจินอวี๋ออกไปแล้ว ท่านหมอที่ซั่งเซียงเชิญมาก็ถึงแล้ว เมื่อตรวจดูแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เด็กเล็กร่างกายยังไม่แข็งแรง ความเย็นทำให้ปวดท้องได้ จึงจัดยาทาให้สองสามชุด ทาบนท้องก่อนนอนให้ท้องอุ่นเสียหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว

 

 

ทุกคนในห้องล้วนถอนหายใจออกมาด้วยความเบาใจ แต่ทว่าในใจของเฉินยางกลับไม่สบายใจ นี่ก็ออกไปนานหลายเพลาแล้ว ทำไมถึงยังไม่เห็นเขากลับมา คงไม่ใช่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกนะ หากเรื่องนี้รั่วไหลออกไปครอบครัวของนางคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ นางไม่เป็นไร ความเป็นความตายอยู่กับนางมาตลอดจึงไม่รู้สึกว่าเสียหาย แต่ว่าเสี่ยวจินอวี๋ยังเล็ก เพิ่งเกิดมาบนโลกนี้ไม่นาน ยังไม่รู้จักโลกนี้ดีแม้แต่พูดก็ยังพูดไม่ได้ เขาคงไม่ใช่ว่าเพิ่งเกิดมาแล้วก็ต้องประสบกับเคราะห์ร้ายเช่นนี้หรอกนะ

 

 

เมื่อเป็นแม่คนแล้ว เรื่องที่ต้องคิดถึงก่อนเสมอล้วนเป็นเรื่องลูก เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญ ตัวเองจะเป็นอย่างไรก็ไม่สนใจแล้ว ในหัวล้วนคิดถึงแต่ว่าลูกจะเป็นอย่างไร วันนั้นไม่ช้าก็เร็วต้องมาถึงแน่ นับตั้งแต่ที่เฝิงเยี่ยไป๋เข้าเมืองรับหน้าที่ในราชสำนักเป็นต้นมา หรืออาจจะตั้งแต่วินาทีที่ฮ่องเต้องค์ก่อนมีราชโองการลงมา ทุกอย่างก็ล้วนถูกกำหนดไว้แล้ว

 

 

ฮ่องเต้องค์ก่อนท่านนี้เป็นบุคคลที่เป็นบ่อเกิดของหายนะกับผู้อื่น เมื่อตำแหน่งฮ่องเต้เปลี่ยนมาถึงลูกชายของเขาก็เรียบร้อยแล้วยังจะต้องทิ้งราชโองการนี้ไว้อีก เขาตายแล้วอะไรก็ไม่ต้อนสนแล้ว ทว่าก็ยังจะเหลือลูกชายเหล่านั้นไว้ให้ทำร้ายฆ่าฟันกันเองเพื่อตำแหน่งฮ่องเต้ เขาจะทำร้ายลูกชายของตัวเองก็ไม่เป็นไร ยังจะมาทำร้ายสามีของนาง ตั้งใจที่จะกลั่นแกล้งตระกูลเฝิงใช่หรือไม่