ตอนที่ 525 คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะกล้าลอบสังหารข้า
มือของเว่ยหมิ่นยังคล้องไว้บนคอของฮ่องเต้ แล้วค่อยๆ ผละจูบจากเขา ริมฝีปากสีแดงสดหยักยิ้มหัวเราะขึ้นมา สวยหยาดเยิ้มพราวเสน่ห์ยิ่งกว่าปีศาจร้าย
ฮ่องเต้ซบหน้าลงบนตัวของเว่ยหมิ่น คำพูดสักประโยคก็พูดไม่ออก ถึงขนาดเรียกก็เรียกไม่ทัน เว่ยหมิ่นผลักเขาออก ความหนักใจพลันหายไปพร้อมกับความตื่นตระหนก และความยินดียิ่งก็มาถึง ในที่สุด ในที่สุดวันที่รอคอยก็มาถึง นางฆ่าฮ่องเต้ก็เพื่อแก้แค้นให้กับลูกในอนาคตที่ยังไม่เกิดของนาง
“เจ้า… คิดไม่ถึงว่าเจ้า…จะกล้าลอบ… ลอบสังหาร… ข้า” เลือดที่คอฮ่องเต้ไหลไม่หยุด จึงใช้มือกุมไว้ที่คอ แต่เลือดยังคงไหลออกตามซอกนิ้ว ปิ่นสีทองเปื้อนไปด้วยเลือด สะท้อนแสงจันทร์น่าสยดสยอง
คอเสื้อและเสื้อด้านหน้าเว่ยหมิ่นเปียกโชกไปด้วยเลือดของฮ่องเต้ไม่เว้นแม้แต่ที่หน้า ภายใต้แสงโคมเหลืองปรากฏให้เห็นความโหดร้ายทารุณ เว่ยหมิ่นปล่อยฮ่องเต้ให้นอนเป็นอัมพาตอยู่บนเตียง ส่วนตนก็มาล้างหน้าที่อ่าง แล้วนำเสื้อผ้าที่ติดมาด้วยไปยืนเปลี่ยนที่หลังฉากกั้น
ฮ่องเต้ตะโกนร้องแต่ไร้เสียง เพียงอ้าปากเลือดก็ไหลเหมือนน้ำไหลจ๊อกๆ ไม่หยุด เขาเป็นฮ่องเต้ผู้สง่าผ่าเผยที่หลงรักนางอย่างโงหัวไม่ขึ้น ในสายตาเขาล้วนมีแต่นาง ปรารถนาที่จะยกทั้งใจให้นาง ไม่คิดว่าวันนี้กลับมาพลาดท่าด้วยน้ำมือของนางโดยการที่นางใช้ปิ่นปักผมมาแทงที่คอ ฮ่องเต้ที่ใกล้ตายจ้องมองคนเบื้องหลังฉากกั้น ถึงแม้ว่ารูปร่างจะอรชรอ้อนแอ้น แต่เวลานี้เขาไม่มีอารมณ์จะมาชื่นชม ในสายตามีแต่ความเกลียดชัง ไม่อยากที่จะเชื่อ
“ข้า…ข้าปฏิบัติต่อเจ้าด้วยความจริงใจ…”
เว่ยหมิ่นเปลี่ยนเสื้อเรียบร้อย เดินออกมาเป็นหญิงงามอรชรอ้อนแอ้นดูฉลาดปราดเปรื่อง นางก้าวไปบีบหน้าฮ่องเต้แล้วตอบด้วยความเกลียดชัง “เจ้าฆ่าลูกของข้าแล้วยังหวังให้ข้ายกโทษให้ ทิ้งสามีทิ้งบ้านมาอยู่กับเจ้าหรือ เด็กเล็กขนาดนั้นเขายังไม่ทันได้ออกมา เจ้าลงมือได้อย่างไร ลงมือได้อย่างไร!”
นอกกระโจมล้วนแต่เป็นคนของเขา นางไม่กล้าร้องเสียงดัง เดี๋ยวจะเป็นการเรียกคนมา นางคงต้องชดใช้ด้วยชีวิตของนางซึ่งไม่คุ้ม ฮ่องเต้ผู้อยู่เหนือทุกสรรพสิ่ง สามารถกลับเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้อย่างง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ เพียงคำพูดง่ายๆ คำพูดเดียวก็กำหนดเป็นกำหนดตายได้ ออกจากวังครั้งหนึ่งมีทหารรักษาพระองค์ติดตามมากกว่าพันคน คนที่กลัวตายเช่นนี้ เขาก็คงไม่คิดว่าตัวเองจะมีจุดจบเช่นนี้
คืนนี้ไม่นานนัก นางไม่สามารถโอ้เอ้อยู่ได้ ใช้ผ้าห่มห่อฮ่องเต้ให้มิดชิด แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าอุดปากของเขาไว้ เลือดของฮ่องเต้ไหลเยอะเกินไป ตอนนี้สีหน้าซีดขาวหมดสติไปแล้ว แต่เมื่อคิดถึงความเกลียดชังที่แบกไว้อยู่ในใจก็ช่างเถอะ จริงๆ เขาก็ไม่มีแรงที่จะตอบโต้กลับแล้ว ได้แต่ปล่อยให้คนเขาเหยียบย่ำ
เว่ยหมิ่นห่อฮ่องเต้เสร็จแล้วก็วางม้วนผ้าผืนใหญ่ไว้หน้าเตียงก่อนตะโกนร้องเรียก “นางกำนัล”
นางกำนัลที่ดูแลนางด้านนอกโค้งคำนับที่ประตูก่อนตอบ “ท่านหญิงมีอะไรให้ข้าน้อยรับใช้”
“เข้ามาเปลี่ยนชุดแทนข้าหน่อย”
นางกำนัลคนนั้นหน้าแดง ฮ่องเต้ยังทรงอยู่ด้านใน ให้นางเข้าไปเปลี่ยนตอนนี้ฮ่องเต้คงไม่คิดจะทดสอบคุณธรรมในจิตใจหรอกกระมัง นางไม่กล้าชักช้าเดี๋ยวจะเสียเวลาทำเรื่องดีของฮ่องเต้ นางมีกี่หัวก็คงไม่พอให้ตัด จึงรีบเปิดกระโจมเข้าไปทำความเคารพที่เตียงนอน เงยหน้าขึ้นก็เห็นท่านหญิงอยู่หน้าเตียง เลยเดินเบาๆ เข้าไปหา “ท่านหญิง ทรงยกแขกขึ้นเพคะ ข้าน้อยจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้”
เว่ยหมิ่นยกแขนขึ้น เหลือบมองฮ่องเต้ที่ห่อผ้าไว้อย่างแน่นหนา หันไปยิ้มให้กับบ่าวรับใช้ “ข้าวางต่างหูข้างหนึ่งไว้ที่พื้น เจ้าช่วยข้าหาหน่อย นั่นเป็นของที่ฮ่องเต้ทรงให้ หายไปจะมีโทษได้”
นางกำนัลได้ยินก็ไม่สงสัยว่ามีฮ่องเต้อยู่ จึงคุกเข่ากับพื้นแล้วเริ่มคลำหา ฮ่องเต้ยังพอมีสติอยู่บ้าง ได้ยินคนมาก็เริ่มส่งเสียงครวญคราง นางกำนัลได้ยินเสียงอู้อี้ๆ ก็รู้สึกแปลกใจ จึงหันกลับไปดู แต่ยังไม่ทันได้ดูให้ชัดเจน ก็โดนไม้ทุบจนหมดสติไป
ตอนที่ 526 ฮ่องเต้กับท่านหญิงพักยกกันแล้ว
โต๊ะบูชาข้างๆ มีเชิงเทียน เว่ยหมิ่นใช้มันตีนางกำนัลจนสลบไป จากนั้นลากนางมาไว้ที่หลังฉากกั้นแล้วเปลี่ยนชุดกับนาง ถอดเครื่องประดับหัวออกแล้วปล่อยผมลงเปลี่ยนเป็นทรงผมของนางกำนัล ร่องรอยภายในห้องทำความสะอาดจนหมดจด นางยังคงได้ยินเสียงครวญครางของฮ่องเต้ จึงตรงเข้าไปหยิบเชิงเทียนฟาดไปทีเขาทีหนึ่ง ในที่สุดเขาก็เงียบเสียงไป นางจัดกระโปรงให้เรียบร้อย แสร้งทำเป็นพูดด้วยเสียงอันดังว่า “ข้าน้อยขอลา” แล้วถอยออกจากกระโจมไป
เมื่อออกมาก็ชนเข้ากับขันทีน้อยที่ยกน้ำชามาถวาย ขันทีน้อยยื่นหัวมองไปที่ด้านใน แล้วเอาศอกกระทุ้งนาง “นี่ ด้านในเป็นอย่างไรบ้าง ฮ่องเต้กับท่านหญิง… พักยกกันแล้วหรือ”
แม้ด้านนอกจะมืดแต่นางก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น กลัวจะมีคนจำได้แล้วที่ตนทำมาเมื่อครู่ทั้งหมดจะล่มไม่เป็นท่า และยังกลัวว่าขันทีจะถามไม่เลิก จึงจำเป็นต้องพูดด้วยน้ำเสียงที่เฉียบขาด “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า เรื่องของเจ้านาย เจ้ากล้ามาสอดรู้ถึงหน้ากระโจม ไม่กลัวฮ่องเต้จะทรงได้ยินแล้วตัดลิ้นเจ้าหรือ ถ้าอยากรู้จริงๆ เจ้าก็เข้าไปดูเองแล้วกัน อย่ามาเดือดร้อนข้า”
ขันทีน้อยโดนนางพูดดักไว้ จึงลูบๆ ปลายจมูก บ่นพึมพำแล้วเดินจากไป
เว่ยหมิ่นมองไปทั่วทุกสารทิศ ทุกทางที่พอจะสามารถหนีได้ล้วนแต่มีทหารรักษาพระองค์เฝ้าอยู่พอๆ กับในวัง ถ้าจะวิ่งออกไปคงเสียแรงเปล่า
เฝิงเยี่ยไป๋พูดไว้ว่าในป่ามีคนคอยช่วยเหลือนาง นางเพียงแค่หนีไปในป่าก็พอแล้ว การเฝ้ารักษายามแม้จะเข้มงวด แต่เส้นทางในป่าไม่ได้มีแค่ทางเดียว ตั้งแต่เด็กนางมักจะมาที่นี้กับเฝิงเยี่ยไป๋และเหลียงอู๋เย่ว์ ตอนกลางคืนแม้จะดูทิศทางไม่ค่อยออก แต่ว่าทิศทางโดยคร่าวๆ นางยังพอจำได้ เส้นทางจะอ้อมไกลสักหน่อย แต่ว่าแบบนี้ถึงจะปลอดภัย จะได้ไม่โดนคนสังเกตเห็นได้ง่าย
ขันทีน้อยที่ถวายชาเมื่อแยกกันก็รีบวิ่งกลับไปที่ค่าย ข้างกายพั่งไห่มีคนคอยปรนนิบัตินวดไหล่นวดขาให้ ส่วนเขาก็ไม่อาจว่างได้ จึงเข้าไปรินชาร้อนส่งให้แล้วยิ้มหน้าระรื่น “ท่านผู้ดูแล เมื่อครู่นี้ข้าน้อยผ่านหน้ากระโจมของฮ่องเต้ ฮ่องเต้กับท่านหญิงทรงอยู่ด้านใน… เดิมทีข้าน้อยอยากจะสืบถามสักหน่อย แต่ว่าโดนนางกำนัลของท่านหญิงฉุนใส่มาเต็มๆ … ท่านว่าฮ่องเต้กับท่านหญิง…”
พั่งไห่ยกขาถีบเขาคว่ำลงที่พื้น “เจ้าสงสัยว่าชีวิตตัวเองยาวไปหรือรู้สึกว่าสมองตัวเองเยอะไป เรื่องของฮ่องเต้เจ้าก็ีกล้าสอดปากสอดคำลับหลัง หน่วยของเราหากจะจับเจ้าไปเปิดโปงกับฮ่องเต้ เจ้าก็ล้างคอเตรียมรอมีดไว้ดีๆ แล้วกัน”
ขันทีน้อยตกปากรับคำไม่กล้าแล้ว ท่านผู้ดูแลโปรดไว้ชีวิตเขาสักครั้งหนึ่ง
จริงๆ แล้วพั่งไห่เองก็ประหลาดใจ ถึงอย่างไรเสียฐานะของท่านหญิงจะจัดไว้ตรงนั้น แต่ไม่ใช่สนมธรรมดาในวัง ตามที่รู้กันยังคงเป็นคนมีเจ้าของ กับฮ่องเต้ก็ขนาดนั้น… ทำให้คนประหลาดใจจริงๆ ใครจะไม่อยากรู้อยากเห็นบ้างเล่า แต่กลัวหัวตัวเองจะหลุดเลยไม่มีใครกล้าเสี่ยงอันตราย
“ท่านหญิงกับนางกำนัลข้างกายเล่า ไปเรียกนางมาพวกเรามีเรื่องจะต้องถาม”
“ตอนนี้น่าจะอยู่ในห้องปฏิบัติงาน ท่านผู้ดูแลอยากพบนาง ข้าน้อยก็จะไปตามมาให้”
พั่งไห่ตอบรับคำหนึ่งและถามอีกว่า “ให้เจ้าหาคนสองสามคนไปเฝ้ากระโจมไว้ เฝ้าไว้ดีหรือไม่ ให้มันเฉลียวฉลาดหน่อย ข้างนอกไม่เหมือนในวัง หากฮ่องเต้เกิดเรื่องอะไรขึ้นมา พวกเราก็จบแห่กันพอดี”
ขันทีโค้งคำนับตอบ “ท่านวางใจได้ แม้แต่ดวงตาก็ไม่กล้ากะพริบ จ้องอยู่ตลอด มีแค่ท่านหญิงเรียกคนเข้าไปเปลี่ยนชุด คนเข้าไปแล้วก็ออกมา หลังจากนั้นก็ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ อีกเลย”
“เอาล่ะ เจ้าออกไปเถอะ” ฮ่องเต้ทรงมีจิตใจฮึกห้าวดุจม้ามังกร ยิ่งมีสาวงามที่คิดถึงอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอยู่ข้างกาย คาดว่าคงจะอดใจไม่ไหว ผู้ชายอารมณ์หุนหันพลันแล่นเป็นปกติ คืนนี้ไม่ว่าอย่างไรก็คงจะต่อถึงพรุ่งนี้ ถึงจะเรียกคนเข้าไปปรนนิบัติ