ในเมื่อชาติก่อนเย่เทียนสร้างชื่อในโลกทหารรับจ้างได้ และถึงขั้นจับตัวสมาขิกของแก๊งกะโหลกสักลายได้หลายคน นอกจากความสามารถที่มากพอแล้ว สติปัญญาก็สำคัญมากเช่นกัน
ดูจากการทำตัวของหลัวสามแล้ว เห็นได้ชัดว่ามาลองเชิง ไม่อย่างนั้นคงไม่ใช้กำลังภายในทั้งคู่อย่างรู้ใจกันหรอก
ด้วยเหตุนี้ เย่เทียนจึงเกิดการคาดเดาอย่างใจกล้าว่าหลังจากนี้ ไม่แน่ว่าหลัวสามจะเชิญชวนตัวเองไปร่วมสำนักเดียวกับเขา
แม้จะยังไม่รู้ว่าปูมหลังเป็นยังไง แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อเย่เทียนในการแผนซ้อนแผน เล่นละครแอบอ้างบารมี
ขอเพียงสำนักที่อยู่เบื้องหลังตระกูลฉินข่มคนที่อยู่เบื้องหลังบริษัทแซ่เจิ้งได้ ถึงไม่กล้ารับประกันว่าจะทำให้อีกฝ่ายยอมแพ้เรื่องยาปฏิชีวนะ แต่อย่างน้อยก็ทำให้พวกนั้นไม่กล้าใช้ลูกไม้ชั้นต่ำอีก
และเขาจะฉวยเวลานี้กระชากงูพิษที่ซ่อนอยู่อย่างแก๊งS.P.Lออกมา แล้วเขาจะมีเวลาเหลือเฟือในการคิดบัญชีกับบริษัทแซ่เจิ้ง
“พี่เย่ อย่าโกรธเลยนะ พวกคุณปู่ไม่ได้มีเจตนาไม่ดีจริงๆ”
เวลานั้น ฉินโล่หยินไล่ตามออกมาจากคฤหาสน์
“กรี๊ด!”
แต่เด็กสาวใส่รองเท้าส้นสูง บนพื้นก็ดันเป็นทางโขดหินแบบเป็นร่อง ส้นเท้าของเธอสะดุดจนเธอล้มไปด้านหน้าทั้งคน
ยังดีที่เย่เทียนความรู้สึกไว ในขณะที่ฉินโล่หยินกำลังจะล้มลง เขาก็ยื่นมือออกไปอย่างฉับไว แขนอันมีแรงของเขาโอบเอวบางของเด็กสาวไว้และดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด
สาวสวยอยู่ในอ้อมอก กลิ่นน้ำหอมจางๆอบอวลอยู่ที่ปลายจมูก เย่เทียนชักจะสติเตลิด
น่าสงสารชายหนุ่มวัยเยาว์แสนดีอย่างเขาที่แต่งงานเร็ว จนบัดนี้สัมผัสที่แนบชิดที่สุดกับภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของเขาก็คือหอมแก้ม
ฉินโล่หยินสวยเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หลังจากรู้ว่าเย่เทียนมาก็ยิ่งแต่งตัวพิถีพิถัน
ใบหน้างดงามแต่งหน้าบางๆ บวกกับกระโปรงยาวคอวีสีเหลืองอ่อนที่สวมใส่ ยิ่งขับผิวขาวนวลของเด็กสาวให้เด่น จนเย่เทียนหายใจหนักหน่วงขึ้นอย่างอดไม่ได้
ชั่วขณะนั้น เย่เทียนเหมือนโดนอะไรเข้าสิง เขาโน้มหัวลงไปช้าๆอย่างควบคุมไม่อยู่
ฉินโล่หยินตาเบิกกว้าง คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนจะทำแบบนี้
เธอลังเลในใจ แต่ท่าทางของเย่เทียนก้าวร้าวเกินไป จนเธอไม่อาจตั้งสติได้ทัน
จนกระทั่งเย่เทียนพยายามบุกเข้าไปเพื่อครอบครองริมฝีปากหอมหวานของเด็กสาว ฉินโล่หยินถึงค่อยๆได้สติกลับมา และรีบผลักเย่เทียนออกด้วยแรงทั้งหมดที่มี
เด็กสาวมองค้อนเย่เทียนอย่างเขินอายและหน้าแดง และหันหลังหนีกลับเข้าไปในคฤหาสน์
ผู้ชายที่มีครอบครัวแล้วอย่าแตะ!
นี่เป็นคำเตือนที่ตกทอดมาหลายพันปีในประเทศจีน แม้ว่าฉินโล่หยินจะไม่ปฏิเสธที่ตัวเองมีความรู้สึกดีๆให้เย่เทียน แต่เธอไม่อาจก้าวข้ามด่านจริยธรรมไปได้จริงๆ
เย่เทียนมองร่างบางของฉินโล่หยินที่วิ่งหนีไปอย่างลนลานก็ต้องหัวเราะเฝื่อนๆและส่ายหัว นึกรำพันในใจว่าวันนี้เป็นอะไรไป? ทำไมตัวเองถึงต้านแรงยุไม่ได้เลยล่ะ
……
หอวั่งไห่เป็นหอน้ำชาที่อยู่มาหลายร้อยปี ดูจากด้านนอกแล้วเก่าแก่นิดหน่อยอย่างช่วยไม่ได้ แต่ที่นี่เป็นสถานที่เจรจาที่โลกใต้ดินเมืองเจียงหนันให้การยอมรับกับถ้วนหน้า
อาจเพราะตัวหอวั่งไห่ไม่ค่อยมีลูกค้าอยู่แล้ว และอาจเพราะหยางซิงมีการเตรียมการ ทั้งหอวั่งไห่ดูร้างๆ ไม่มีลูกค้าเลยสักคน
“ไม่ทราบว่าใช่คุณเย่มั้ยครับ? เถ้าแก่หยางรออยู่ด้านบนนานแล้วครับ”
ร่างของเย่เทียนปรากฏตัวปุ๊บ ผู้เฒ่าเพียงคนเดียวในหอวั่งไห่ก็เดินเข้ามาต้อนรับ
“อืม” เย่เทียนพยักหน้าเล็กน้อย เดินขึ้นไปยังห้องโถงชั้นสองภายใต้การนำของผู้เฒ่า
ชั้นสองอันกว้างขวางมีที่นั่งเพียงที่เดียวเท่านั้น นอกจากหยางซิงยังมีสาวต่างชาติผมทองตาฟ้าอีกหนึ่งคนซึ่งกำลังอิงแอบบนตัวหยางซิงด้วยท่าทีว่านอนสอนง่าย พร้อมส่งเสียงหัวเราะใสๆดั่งกระดิ่ง
“คุณชายเย่”
เมื่อเห็นเย่เทียนปรากฏตัว สีหน้าหยางซิงฉายแววซับซ้อน และรีบผลักสาวน้อยที่แทบจะแขวนอยู่บนคอตัวเองออก ร่างกายแข็งตึงอย่างอดไม่ได้
ไม่ว่ายังไงเย่เทียนก็เคยเป็นพี่ใหญ่ของเขา เป็นคนที่เขาเคยยกย่องชื่นชม บัดนี้ต้องห้ำหั่นกัน จะบอกว่าเขาไม่กลัวเลยสักนิดคงไม่จริงหรอก
เย่เทียนไม่ตอบอะไรหยางซิง ไม่แม้แต่จะมองเขาด้วยซ้ำ เย่เทียนเดินไปด้านหน้าด้วยท่าทีเรียบๆ ดึงเก้าอี้ตัวหนึ่งออกด้วยท่าทีไม่ยี่หระและนั่งลงตรงข้าม
หยางซิงที่ตอนแรกนึกหวั่นเกรงอยู่บ้างเริ่มโมโหขึ้นมา สีหน้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีแดง
ไม่ว่าเมื่อก่อนจะเป็นยังไง แต่ยังไงซะเขาในตอนนี้ก็เป็นราชันย์คนใหม่แห่งโลกใต้ดินในเมืองเจียงหนัน ท่าทางของเย่เทียนในตอนนี้จะโอหังเกินไปหรือเปล่า
“แฮนนาห์ รินชาให้คุณชายเย่สักถ้วยซิ”
แต่หยางซิงก็ไม่ได้วู่วามทำอะไร เขาข่มอารมณ์และหันไปสั่งสาวต่างชาติข้างกาย
สาวต่างชาติพยักหน้าตกลง เธอลุกขึ้นจากที่นั่ง ยกกาน้ำชาก้มตัวรินชาหอมให้เย่เทียน ไม่สนเลยว่าการทำแบบนี้จะเปิดเผยหน้าอกหน้าใจหมดเปลือก
เย่เทียนแสยะยิ้มมุมปาก นัยน์ตาสีนิลจ้องหน้าหญิงสาวเขม็ง ไม่มองภาพที่หญิงสาวตั้งใจเผยให้เห็นอย่างหื่นกามเลย
“คุณเย่ เชิญดื่มชาค่ะ”
ครู่เดียว สาวต่างชาติก็รินชาเร็จ ริมฝีปากแดงพูดภาษาจีนที่ติดสำเนียงฝรั่ง
“อืม”
รอยยิ้มของเย่เทียนกว้างขึ้นไปอีก เขามองสาวผมทองอย่างมีนัย ยกถ้วยชาขึ้นชาๆทว่าไม่รีบร้อนเอาเข้าปาก
“ทำไมเหรอครับ คุณชายเย่กลัวว่าผมจะวางยาพิษเหรอครับ?”
หยางซิงเห็นท่า นัยน์ตาฉายแววเย็นเยียบ สองมือที่อยู่ใต้โต๊ะกำหมัดแน่นอย่างอดไม่ได้ แต่หน้าตาไม่แสดงอารมณ์มาก ฝืนยิ้มออกมาแข็งๆ
“นายวางยาพิษหรือเปล่าฉันไม่รู้ แต่…..”
เย่เทียนฟังแล้วกวาดสายตามองน้ำชาสีส้มเรียบๆ และพูดอย่างแฝงความหมาย “แต่นายเล่นของอะไรหรือไม่ก็พูดยาก”
เมื่อเขาพูดประโยคนี้ออกไป คนที่มีปฏิกิริยาคนแรกไม่ใช่หยางซิง หากแต่เป็นแฮนนาห์ข้างกายเขาที่เพิ่งนั่งที่!
ร่างอ้อนแอ้นของเธอสะดุ้งอย่างอดไม่ได้ นัยน์ตาสีครามเป็นประกายประหลาด
“ฮ่าๆ คุณชายเย่รู้จักล้อเล่นเสียจริง”
“หอวั่งไห่เป็นสถานที่ที่ขึ้นชื่อเรื่องเจรจา ถ้าผมลงมือกับคุณที่นี่ เชื่อว่าพี่น้อยหลายคนคงไม่พอใจผม”
หยางซิงก็ตื่นตระหนกในใจเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนจะดูเรื่องนี้ออกด้วย เขารีบหัวเราะเบาๆเพื่อกลบเกลื่อน
“ไม่ว่านายจะนั่งอยู่ในตำแหน่งอะไร ก็ไม่อาจเปลี่ยนฐานะคนทรยศของนายได้ คนที่ไม่พอใจในตัวนายมีเยอะแยะไป!”
เย่เทียนหัวเราะเย็นๆ แม้เขาจะดูไม่ออกว่ามีบางสิ่งอยู่ในน้ำชา แต่เขาสัมผัสได้ว่าชาถ้วยนี้ไม่ธรรมดา จึงวางน้ำชาลงอีกครั้ง
ทว่าสายตาของเย่เทียนไม่ได้จับจ้องอยู่ที่หยางซิง แต่มองสาวผมทองอย่างสนอกสนใจ
“คุณแฮนนาห์ เราอย่าอ้อมค้อมกันเลยดีกว่า ยังไงซะคุณก็เป็นหนึ่งในหัวหน้าแก๊งS.P.Lอันเลื่องชื่อ ไม่จำเป็นต้องหลบอยู่หลังหมาตัวหนึ่งหรอกนะครับ”
ใช่แล้ว สาวผมทองคนนี้ก็คือหนึ่งในสามหัวหน้าแก๊งS.P.Lที่ดังเทียบเท่ากับหมาป่าโลภ เจ็ดสังหาร!