บทที่ 403 ผมไม่สนใจของที่ใช้แล้ว

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

“คุณแฮนนาห์ ในเมื่อตอนนี้ผมมาอยู่ที่นี่แล้ว เราอย่ามามีลักลมคมในกันดีกว่า”

“เป็นถึงหนึ่งในสามหัวหน้าแก๊งS.P.L คุณเจ็ดสังหารผู้โด่งดังไปถึงต่างประเทศ กลับซ่อนตัวอยู่หลังหมาตัวหนึ่ง ถ้าเรื่องนี้แพร่ออกไปคงจะทำลายชื่อเสียงเกรียงไกรของคุณอยู่นะครับ”

ใช่แล้ว หลายๆคนคงไม่คิดไม่ฝันว่า เจ็ดสังหาร หนึ่งในสามหัวหน้าแก๊งS.P.Lจะเป็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้

ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะตกหลุมพรางของเจ็ดสังหารจริงๆ และโง่ดื่มน้ำชาเข้าไป

แน่นอนว่าต่อให้เป็นคนที่ไม่ดื่มชาเพราะระแวง ก็คงมองข้ามสาวสวยบอบบางอย่างเจ็ดสังหารไปโดยอัตโนมัติ แต่เพ่งเป้าหมายไปที่หยางซิงแทน

แต่คนที่มาคือเย่เทียนเชียวนะ! คนที่มีความทรงจำจากชาติก่อน!

สมัยตามสืบเรื่องของแก๊งกะโหลกสักลายเย่เทียนก็เคยบาดหมางกับแก๊งS.P.Lมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นสามหัวหน้าแก๊ง หรือผู้นำสูงสุดของแก๊งS.P.L เย่เทียนจำได้หมด

ตั้งแต่ที่เขาเพิ่งเข้ามาในห้องก็รู้แล้วว่าตัวเองของงานเลี้ยงหงเหมิงในครั้งนี้ไม่ใช่คนทรยศอย่างหยางซิง แต่เป็นมือสังหารหญิงระดับท็อปอย่างเจ็ดสังหาร!

เจ็ดสังหารอยากจะเล่นลอบโจมตีโดยอำพรางตัวตน ไม่มีทางสำเร็จอยู่แล้ว

เมื่อเห็นเย่เทียนพูดเปิดโปงพื้นเพของตัวเอง นัยน์ตาสีครามของเจ็ดสังหารฉายแววแตกตื่นอยู่แวบหนึ่ง แต่ไม่นานนักก็สงบลงอีกครั้ง รอยยิ้มมุมปากค่อยๆหุบกลับไป

ในเมื่อเธอสร้างชื่อด้วยการฆ่าคนได้ ย่อมต้องผ่านมรสุมมามาก ถึงจะมีเรื่องเกิดความคาดหมายนิดหน่อย แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่ต้องแตกตื่นเพราะเรื่องแค่นี้

กลับมามองหยางซิง เขาสิมีปฏิกิริยาใหญ่โต

นัยน์ตาเขาหรี่ลงและอดตัวสั่นไม่ได้ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนจะรู้ตัวตนจริงๆของเจ็ดสังหาร

“เย่เทียน! ในเมื่อนายรู้ว่าคุณเจ็ดสังหารเป็นใคร ฉันขอเตือนให้นายพูดจาดีๆหน่อย!”

แต่นาทีต่อมาหยางซิงกลับเกรี้ยวกราดขึ้นมา ถึงขั้นเรียกชื่อเย่เทียนตรงๆ

โดนเรียกว่าเป็นหมาตัวหนึ่งต่อหน้าขนาดนี้ ไม่ว่าใครก็ต้องโมโหกันทั้งนั้น

แน่นอนว่าที่เขาทำเป็นโมโหก็เพื่อกลบเกลื่อนความผวาในใจ เรื่องนี้มีเพียงตัวหยางซิงที่รู้

เพียะ!

เย่เทียนเงยหน้ามองหยางซิงด้วยท่าทีเกียจคร้าน ยื่นมือออกมาฉับพลันและตบหน้าเขาอย่างแรงโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง

ฉาดนี้ทั้งไวทั้งดุดัน หยางซิงไม่คิดเลยว่าเย่เทียนจะลงมือตบเขา จึงโดนเข้าที่หน้าอย่างแรง

ตุ้บ!

ร่างสูงใหญ่ของหยางซิงโดนเย่เทียนตบจนล้มลงไปกองกับพื้น ตรงแก้มเป็นรอยแดงห้านิ้วแดงแจ๋ขึ้นมาในบัดดล และค่อยๆบวมขึ้น

เจ็ดสังหารก็ตกใจเช่นกัน ใบหน้าสวยๆนั่นเย็นยะเยือก สายตาจ้องเย่เทียนเขม็งอย่างเย็นชา

หักหน้า! แบบนี้จะเหมือนหักหน้าเกินไปแล้ว!

ในเมื่อรู้อยู่แล้วว่าเธอคือเจ็ดสังหาร แต่เย่เทียนยังตบหน้าหยางซิงต่อหน้าตัวเอง แบบนี้ไม่เรียกว่าหักหน้าแล้วจะให้เรียกว่าอะไร

“เย่เทียน ไอ้เวรตะไลนี่…..”

หยางซิงโดนตบจนเวียนหัว เขารีบพยุงเก้าอี้ลุกขึ้นมา และชี้เย่เทียนด้วยหน้าตาเกรี้ยวกราด

“แกมันก็แค่หมาตัวหนึ่ง ฉันคุยกับเจ้านายของแกอยู่ ถึงตานายมาเห่ามั่วซั่วตอนไหนกัน?!”

“หมาก็เป็นหมาอยู่วันยังค่ำ ชีวิตนี้ทั้งชีวิตมีแต่ต้องกระดิกหางขอความเห็นใจ!”

แต่ไม่รอให้หยางซิงพูดอะไร เย่เทียนกลับส่ายหัวเล็กน้อยและขัดขึ้นพร้อมหัวเราะเย็นๆ

“ไอ้ระยำเอ๊ย เชื่อมั้ยเดี๋ยวฉันจะเรียกคนไปฟันเฉิน…..”

หยางซิงเดือนจนควันออกหู ชี้นิ้วสั่นๆไปที่เย่เทียน ถ้าสายตาฆ่าคนได้ เกรงว่าเย่เทียนคงโดนหยางซิงฆ่าหั่นศพไปแล้ว

“หุบปาก!”

แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้หยางซิงก็ไม่อาจตะโกนคำขู่ออกมาได้เช่นเดียวกัน เจ็ดสังหารโบกมือและพูดอย่างเย็นชา “ออกไป!”

หยางซิงชะงัก และรีบเกลี้ยกล่อมเจ็ดสังหาร “คุณเจ็ดสังหาร จะมัวเปลืองนำ้ลายกับไอ้เวรนี่ทำไมครับ ผมว่าฆ่าเขาไปเลยจะดีกว่า”

“ไม่ได้ยินที่คุณชายเย่พูดเมื่อกี้เหรอ นายเป็นแค่หมาตัวหนึ่ง!”

นัยน์ตาเจ็ดสังหารฉายแววอาฆาตเย็นเยียบ และเอ่ยเสียงเย็น “ฉันบอกให้นายออกไป!”

“คุณ….ผม…..”

หยางซิงหน้าตาเอ๋อรับประทาน เขาอ้าปากทว่าพูดอะไรไม่ออก ได้แต่สะบัดแขนเสื้ออย่างโมโหและเดินออกไปด้วยความกราดเกรี้ยว

“คุณชายเย่ ฉันดูแลสั่งสอนหมาของฉันไม่ดีเอง หวังว่าคุณจะไม่ถือสา”

เมื่อประตูห้องปิดลงอีกครั้ง อยู่ๆเจ็ดสังหารก็คลี่ยิ้ม ราวกับเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“คุณชายเย่ ในเมื่อคุณรู้แล้วว่าฉันเป็นใคร ฉันว่าคุณก็คงรู้แล้วว่าเรื่องที่พวกเราแก๊งS.P.Lอยากทำ จนบัดนี้ยังไม่เคยมีเรื่องไหนที่ไม่สำเร็จ”

“แต่ฉันขอพูดกับคุณตามตรงเลยนะ ในเมื่อคุณฆ่าหมาป่าโลภได้ เชื่อว่าฝีมือมีแต่จะเหนือว่าหมาป่าโลภ”

“ผู้นำของเราชื่นชมคุณมาก และสั่งฉันไว้ว่าต้องให้โอกาสคุณสักครั้ง”

“ขอเพียงคุณยอมเข้าร่วมกับแก๊งS.P.Lของเรา และช่วยนำข้อมูลวิจัยยาปฏิชีวนะของบริษัทแซ่เฉินมาให้เรา เราจะไม่เอาความเรื่องที่หมาป่าโลภตาย”

“และจะให้คุณได้เป็นหมาป่าโลภคนใหม่ด้วย รับรองว่าหลังจากนี้คุณจะมีชีวิตที่หรูหราอู้ฟู่”

ขณะที่พูด เจ็ดสังหารลุกขึ้นจากที่นั่ง และเดินไปอยู่ข้างกายเย่เทียนด้วยท่าทางเย้ายวน

เธอหยิบน้ำชาถ้วยที่เริ่มเย็นแล้วขึ้นมาจิบ และเลียปากอย่างแพรวพราว ก่อนจะก้มลงไปเย้าแหย่อยู่ข้างหูเย่เทียน

“คุณชายเย่ พวกเราจริงใจมากนะคะ ฉันรับรองว่าชาถ้วยนี้ไม่มีปัญหาแน่นอน”

“และฉันรู้อีกด้วยว่าถึงคุณชายเย่จะแต่งงานมีเมียแล้ว แต่เหมือนจะไม่ได้ลึกซึ้งกับภรรยาของคุณมากเท่าไหร่ ขอเพียงคุณยอมเข้าร่วมแก๊งS.P.Lของเรา บางที่ฉันอาจจะสนองความต้องการของคุณในด้านนี้ได้นะคะ”

เย่เทียนยิ้มเย็นในใจ ทว่ากลับแกล้งแสดงสีหน้าหื่นกาม มือใหญ่ของเขาฟาดไปที่ก้นงอนของเจ็ดสังหารอย่างไม่เกรงใจ

“แหมๆ หุ่นของคุณเจ็ดสังหารนี่ดีจริงๆเลยนะครับ เด้งสู้มือจัง”

“ผมคิดไม่ถึงเลยว่าคุณเจ็ดสังหารชื่อดังจะยอมเสียสละเพื่อแก๊งS.P.Lขนาดนี้ ถึงขั้นยอมใช้ร่างกายเข้าแลกเลยเหรอครับ”

เห็นท่าทางหื่นๆของเย่เทียนแล้วเจ็ดสังหารมีสีหน้าดื่มด่ำ นัยน์ตากลับมีความดูแคลนแวบผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็นิสัยเหมือนๆกันจริงด้วย เป็นสิ่งมีชีวิตที่ใช้ท่อนล่างคิด!

“น่าเสีย….น่าเสียดายจริงๆ…..”

ทว่า ไม่รอให้เจ็ดสังหารพูดอะไร เย่เทียนกลับเปลี่ยนท่าทีและทำหน้าทำตาเสียดาย

“เสียดายอะไร?”

เจ็ดสังหารผงะ ไม่ค่อยเข้าใจว่าเย่เทียนหมายความว่ายังไง

“ผมยอมรับว่าคุณเป็นผู้หญิงสวยจริงๆ แต่คุณยอมเอาร่างกายเข้าแลกเพื่อดึงผมเข้าเป็นพวก ผมคิดว่านี่คงไม่ใช่ครั้งแรกที่คุณทำแบบนี้สินะ”

“ขอโทษจริงๆ ผมไม่มีความสนใจต่อของที่ใช้แล้วสักนิด!”

เย่เทียนแสยะยิ้มดูถูกที่มุมปาก นัยน์ตากลับมามีสติแล้วอย่างสมบูรณ์ เหลือท่าทีหื่นกามซะที่ไหน

“นายอยากตายใช่มั้ย!”

เจ็ดสังหารได้ยินแล้วบันดาลโทสะทันที เล็บเรียบยาวที่ทาด้วยยาทาเล็บสีดำคู่นั้นข่วนไปที่หน้าเย่เทียนประหนึ่งมีดคม

“ในที่สุดก็ทนไม่ไหวแล้วสินะ? อย่าคิดว่ามีแค่คุณที่มีกรงเล็บสิ”

เย่เทียนหัวเราะ และยกมือด้วยท่าทางที่ดูเหมือนเชื่องช้าทว่าแท้จริงแล้วไวดุจสายฟ้า ฝ่ามือแต๊ะอั๋งจู่โจมไปที่หน้าอกของเจ็ดสังหาร…