บทที่ 1914+1915

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1914 คนอัปลักษณ์ หญิงวิปริต! 6

หนำซ้ำอีกนิดเดียวก็จะเอาชีวิตเขาไปแล้วด้วย!

เสี่ยวเนี่ยนโม่ยังคงสับสนหลังครุ่นคิดอยู่หลายตลบ แต่เขาแน่ใจอยู่เรื่องหนึ่งคือ สตรีนางนี้ไม่ได้มีเจตนาดีต่อเขาอย่างแน่นอน!

สตรีนางหนึ่งแต่งตัวเป็นบุรุษผู้หนึ่ง อีกทั้งยังปกปิดใบหน้าด้วยหน้ากากที่ทำให้คนขวัญผวาได้ขนาดนี้ เช่นนั้น ใบหน้าที่แท้จริงของนางจะต้องอัปลักษณ์ยิ่งเป็นแน่ ถึงได้มีจิตวิปริต มาข่มเหงรังแกเด็กน้อยคนหนึ่งอย่างเขา…

เมื่อนึกถึงอุบายสกปรกที่สตรีนางนี้ใช้กับเขา เสี่ยวเนี่ยนโม่พลันเดือดดาล ทนไม่ไหวเอ่ยปากส่งเสียงด่าทอนาง “คนอัปลักษณ์ หญิงวิปริต เจ้าติดตามข้ามาทำไม?”

มีเพียงเสียงสายลมพัดผ่านท่ามกลางป่าดิบชื้น ไม่มีการเคลื่อนไหวใดเลย คนหน้าผีลึกลับผู้นั้นก็ไม่ได้ปรากฏกายออกมา ดูเหมือนจะจากไปแล้วจริงๆ

เสี่ยวเนี่ยนโม่ทอดถอนใจด้วยความโล่งอก ไม่สนใจเรื่องนี้อีก ตามหาเส้นทางต่อไป

หลังจากเขาสำรวจโดยรอบแล้ว ภายในหัวพลันเกิดเสียงดังตูมขึ้นมา!

เมื่อสักครู่เดิมทีเขาตามหาเส้นทางออกไปพบแล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าในช่วงเวลาสั้นๆ สภาพแวดล้อมโดยรอบกลับเกิดการเปลี่ยนแปลงสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ราวกับมีคนเพิ่มเติมบางสิ่งเข้าไปในพื้นฐานค่ายกลที่มีอยู่ ทำให้ค่ายกลนี้ยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก…

บัดนี้ เสี่ยวเนี่ยนโม่หาทางออกไม่พบแล้ว! เขาต้องเริ่มหาใหม่แต่แรก!

ไม่ต้องถามเลย ทั้งหมดนี้ล้วนยังคงเป็น ‘ผลงาน’ ของคนหน้าผีลึกลับผู้นั้น!

เสี่ยวเนี่ยนโม่แทบจะทักทายบรรพบุรุษแปดชั่วโคตรของคนผู้นั้นในใจไปรอบหนึ่งแล้ว ทำได้เพียงตามหาเส้นทางออกใหม่อีกครั้งอย่างจนปัญญา

บนศิลายักษ์ก้อนหนึ่งตรงจุดกำเนิดของตาค่าย กู้ซีจิ่วยืนต้านสายลม ลมพัดอาภรณ์เธอพลิ้วปลิวไสว นิ้วมือลูบไล้หน้ากากบนใบหน้าของตัวเอง ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอยิ้มบางๆ ออกมา

คนอัปลักษณ์?

หญิงวิปริต?

นานมากแล้วที่ไม่มีผู้ใดบนโลกกล้าก่นด่าเธอเช่นนี้…

เธอมองเข้าไปในค่ายกลแวบหนึ่ง ยกมือขึ้นนวดคลึงขมับทันใด ส่งเสียงกระซิบเบาๆ ว่า ‘ที่แท้…ก็เป็นเขาจริงๆ ข้าว่า ยามนี้ข้าตามหาเขาพบแล้ว ขั้นตอนต่อไปต้องทำอย่างไร? ภารกิจของข้าเสร็จสิ้นแล้วใช่หรือไม่?’

‘ยังหรอก เจ้าต้องส่งมอบกล่องให้เขา เขาต้องเปิดมันออกถึงจะมั่นใจได้ว่าเขาเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์หรือไม่’ เสียงหญิงไม่ใช่ชายไม่เชิงนั้นแว่วดังข้างหูของเธออีกครั้ง

กู้ซีจิ่วนิ่งงัน เอาเถิด

เธอขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ ต้องการพักผ่อนสักเล็กน้อย รอคอยเด็กน้อยผู้นั้นออกมา

ความจริงตอนเธอออกมาได้วางกลอุบายไว้ ทำให้ตาค่ายที่ทำลายค่ายกลเด่นชัดขึ้นเล็กน้อย ด้วยความฉลาดเฉลียวของเด็กน้อยนั่นจะต้องออกมาได้อย่างรวดเร็วแน่นอน

เธอแหงนหน้ามองท้องฟ้า ท้องฟ้าเริ่มมืดลง ใกล้จะดึกดื่นแล้ว

นึกไม่ถึงว่าเด็กน้อยน่ารักอย่างเสินเนี่ยนโม่จะเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ นี่เป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของเธอจริงๆ

อันที่จริงจิตใต้สำนึกของเธอต่อต้านเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ท่านนี้อยู่บ้าง

เธอมักจะรู้สึกว่าชีวิตนี้ของตัวเองถูกลิขิตสวรรค์บงการตามอำเภอใจ ไม่รู้ว่าแอบก่นด่าลิขิตสวรรค์ไปไม่รู้ตั้งกี่ครั้ง ตอนนั้นเธอยังคิดว่าหากตามหาเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์พบ เธอต้องหาทางเอาคืนเขาสักหน่อย ให้เขาได้ลิ้มรสการถูกบงการเสียบ้าง!

ภายในจิตใต้สำนึกของเธอ เจ้าแห่งลิขิตสวรรค์คือบุคคลล้ำลึกเฉลียวฉลาดที่สุด นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเด็กที่น่ารักขนาดนี้…

‘ต่อให้เขาเป็นเจ้าแห่งลิขิตสวรรค์ ก็ไม่มีทางเปิดกล่องนี้ได้จนกว่าจะอายุครบหนึ่งปีเต็ม เจ้าแน่ใจว่าจะยังอยากรอเขาอยู่ที่นี่?’ เสียงลึกลับเอ่ยถาม

กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง ‘…แล้วทำไมเจ้าไม่บอกให้เร็วกว่านี้!’

เรือนกายเธอพลันวาบไหว โบยบินแหวกนภา หายวับไปในพริบตา

ภารกิจที่กู้ซีจิ่วพัวพันมาสองร้อยปี ในที่สุดวันนี้ก็ดูเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เธอรู้สึกโล่งอกโล่งใจอย่างแท้จริง

อีกสองเดือนจะถึงวันเกิดของเสินเนี่ยนโม่ สองเดือนนี้สำหรับกู้ซีจิ่วแล้วถือเป็นการฆ่าเวลาอย่างง่ายดาย

หลายปีมานี้ เธอยุ่งง่วนอยู่กับภารกิจตลอดจนไม่ได้ชื่นชมทิวทัศน์ดินแดนเบื้องบนสักเท่าไหร่ เช่นนั้นเธอใช้เวลาสองเดือนนี้ชื่นชมทิวทัศน์สักหน่อยก็ไม่เลว

————————————————————–

บทที่ 1915 อันสิ่งที่เรียกว่าสวรรค์ลิขิตวาสนารัก

กู้ซีจิ่วรู้สึกเบากายสบายใจเมื่อไม่มีภารกิจใดๆ ดังนั้นเธอจึงเดินเล่นไปทั่วในดินแดนเบื้องบน!

อันที่จริงดินแดนนี้ก็มีภพภูมิที่เปรียบเสมือนโลกมนุษย์ เพียงแต่มนุษย์ในภพภูมินี้ล้วนเป็นคนที่มีพลังวิญญาณประมาณขั้นเจ็ดและแปด และเคยเป็นชนพื้นเมืองของทวีปแห่งนี้ ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองชั้นต่ำสุดที่มีวรยุทธ์ต่ำต้อย…

เมื่อเปรียบเทียบกับเทพเซียนเหล่านั้นที่เหาะเหินไปมาไม่มีอะไรทำหรือมานะฝึกฝนทุกวัน ความจริงกู้ซีจิ่วชอบเที่ยวเล่นในภพภูมิมนุษย์มากกว่า ที่นั่นมีไอโลกียะเข้มข้น อารมณ์ความรู้สึกของผู้คนตรงไปตรงมา ทำให้เธอประทับใจมากกว่า

ภพภูมิมนุษย์ของดินแดนนี้เป็นภพภูมิที่พลังวิญญาณค่อนข้างเบาบางอย่างเห็นได้ชัด แต่ทัศนียภาพไม่เลวจริงๆ หน้าผาและยอดเขาสูงชัน ทะเลสาบและมหาสมุทร ทะเลทรายและแหล่งน้ำเขียวขจี ทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมสรรพ

กู้ซีจิ่วนึกไม่ถึงว่าตอนเดินเที่ยวเล่น ณ ที่แห่งหนึ่งในดินแดนเบื้องล่าง จะได้พบเจอกับตระกูลเสินจิ่วหลี

ที่นั่นคือยอดเขาปีกคู่เหินหาว

ลักษณะของยอดเขานี้เหมือนวิหคสองตัวกำลังกางปีกเคียงคู่โบยบิน จึงมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่ายอดเขาคูรัก

เบื้องล่างของยอดเขาเป็นมหาสมุทรที่โหมซัดคำราม แนวปะการังขรุขระและสูงชันอย่างยิ่ง

ทิวทัศน์ของยอดเขาปีกคู่เหินหาวไม่เลวทีเดียว ทว่าที่มันมีชื่อเสียงไม่ใช่เพราะทัศนียภาพที่สูงลิ่ว แต่สถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่คนนิยมมาสละชีพบูชารัก ในทุกปีมีคู่รักชายหญิงไม่น้อยที่ไม่อาจครองคู่กันได้เนื่องด้วยเหตุผลมากมายหลากหลาย จึงเลือกวิธีการสละชีพบูชาความรักนี้เสีย เล่าขานกันว่าหลังจากคู่รักกระโดดลงจากที่นี่แล้ว เมื่อกลับชาติมาเกิดอีกครั้งจะได้อยู่ด้วยกันทุกภพทุกชาติไป…

กู้ซีจิ่วเคยได้ยินเรื่องสถานที่นี้ตอนอยู่โลกมนุษย์ เธอเกิดความสนใจขึ้นมาชั่วขณะหนึ่งจึงมาดูสักหน่อย

นึกไม่ถึงว่ายามที่เมฆากำลังจะเคลื่อนคล้อย กลับพบว่ายอดเขาแห่งนี้มีคนสามคนยืนอยู่

มีเสินเนี่ยนโม่ และยังมีคู่รักเยาว์วัยอีกคู่หนึ่ง

คู่รักเยาว์วัยคู่นั้นไม่ได้มาชื่นชมทัศนียภาพ แต่มาเพื่อสละชีพบูชารัก

เพียงแต่ตอนที่พวกเขารวบรวมความกล้ากระโดดลงไปเบื้องล่าง เสินเนี่ยนโม่ที่มาเที่ยวเล่นพบเข้า เสินเนี่ยนโม่เคลื่อนไหวได้ทันท่วงที มือข้างหนึ่งดึงรั้งคนที่ตัดสินใจแน่วแน่แล้วกลับมา…

คู่รักเยาว์วัยตกตะลึงเป็นอย่างมาก

เนื่องจากเมื่อครู่ร่างกายของพวกเขาลอยอยู่กลางอากาศแล้ว อีกทั้งมหาสมุทรใต้ยอดเขาแห่งนี้มีแรงโน้มถ่วงชนิดพิเศษอย่างหนึ่ง หากผู้ใดกระโดดลงไปจากยอดเขา ต่อให้เป็นวิชาเหินทะยานก็ไม่อาจโบยบินขึ้นไปได้ จะต้องตกลงไปเบื้องล่างปานลูกตุ้มถ่วงน้ำหนัก…

เพราะฉะนั้น หากเรือนกายลอยล่องไปในอากาศแล้ว พละกำลังมหาศาลสู่เบื้องล่างจะรุนแรงยิ่งนัก คนที่ผอมเพรียวก็หนักอึ้งดังขุนเขาลูกหนึ่งได้

นึกไม่ถึงว่าจะถูกเจ้าเด็กน้อยเบื้องหน้าดึงกลับมาได้ทันที!

เด็กน้อยเบื้องหน้ารูปงามและทรงพลังอย่างน่าอัศจรรย์

คู่รักเยาว์วัยคู่นั้นต่างตกตะลึง…

ดังนั้นเมื่อเสินเนี่ยนโม่เอ่ยถามเหตุผลที่พวกเขากระโดดหน้าผา พวกเขาจึงไม่ได้รังเกียจว่าเขาเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง ยอมบอกเล่าแต่โดยดี

อันที่จริงคู่รักเยาว์วัยคู่นั้นเหมาะสมกันมาก อีกทั้งพ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายก็เห็นดีเห็นงามด้วย ตอนที่พวกเขาหมั้นหมายกันแม้แต่สวรรค์ก็ยังยินดี กำไลคู่บุพเพร่วงหล่นลงมาสวมบนข้อมือของคู่รักเยาว์วัยคนละวง หรือเรียกได้ว่าการแต่งงานของพวกเขาเป็นบุพเพสวรรค์ลิขิต ได้รับคำอวยพรจากเบื้องบน

เดิมทีนี่เป็นเรื่องดี แต่ผิดที่ทั้งสองคนยังเด็กและเปี่ยมด้วยอารมณ์ พวกเขาทะเลาะกันรุนแรงคราหนึ่ง ด้วยความโมโหชั่วขณะหนึ่ง จึงถอนหมั้นกันโดยไม่สนใจคำคัดค้านของทางบ้าน ทำลายบุพเพสวรรค์ลิขิตครั้งนี้ลง

ทว่าท้ายที่สุดทั้งสองคนยังคงรักกัน หลังจากความขุ่นเคืองคลี่คลาย ทั้งสองต่างเสียใจภายหลัง ต้องการจะกลับมาเดินร่วมทางกันอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้คนทางบ้านของทั้งสองฝ่ายคัดค้านกันหมด

เนื่องจากมีเรื่องเล่าขานกันในทวีปแห่งนี้ว่า เมื่อใดที่บุพเพสวรรค์ลิขิตถูกทำลายลง ทั้งสองคนก็ไม่อาจครองคู่กันได้อีก

หากพวกเขายังรั้นที่จะครองคู่กันโดยไม่สนใจสิ่งใด จะต้องพบเจอกับความโชคร้ายครั้งใหญ่…

คู่รักเยาว์วัยคู่นี้ไม่เชื่อ ดื้อรันหัวชนฝาต้องการจะครองคู่กันให้ได้ นึกไม่ถึงว่าจะมีมหันตภัยตามพวกเขามานับจากนั้นเป็นต้นไป

———————————–