รูแฮรู้สึกคุ้นหน้าหยางหยาง หยางหยางกล่าวต่ออย่างใจเย็นด้วยน้ำเสียงสั่น 

 

 

“หม่อมฉันทราบดีว่าเป็นการเสียมารยาท แต่ไม่แน่ใจว่าอะไรดลใจให้หม่อมฉันหยุดแล้วเฝ้าดูเหตุการณ์นั้นจนได้ นางผู้นั้นที่กำลังจะเข้าไปในตำหนักบุกบี แต่ก็ได้ล่าถอยกลับไป” 

 

 

หยางหยางจ้องเขม็งไปยังโฮซานาด้วยสายตาที่ทั้งโกรธและเศร้าสร้อย นางตั้งใจไม่เอ่ยนามของโฮซานา ความแค้นของนางเอ่อล้นไปถึงลำคอ หยางหยางเอ่ยปากพูดต่อไปด้วยความหนักอึ้ง 

 

 

“หม่อมฉันเห็นนางผู้นั้น รับของบางอย่างจากฝ่าบาทฮวางเซจาเพคะ” 

 

 

นางกำนัลของตำหนักบุกบีรับ ‘ของบางอย่างที่น่าสงสัย’ จากฮวางเซจา คือข้อสรุปคำให้การของหยางหยาง 

 

 

รูแฮส่งแรงฮึดฮัดจากลำคอของตน แม้จะเป็นรายละเอียดเล็กน้อย แต่ก็ไม่อาจรอดพ้นสายตาของบีพาอัน แน่นอนว่ารูแฮจำเหตุการณ์ที่หยางหยางเล่าได้ เขานึกออกทันทีที่ได้เห็นโฮซานาที่ถูกมัดไว้ด้วยเชือกหยาบกับเก้าอี้ นางกำนัลที่พอเห็นเขาก็ตัวสั่นเทา ห่อเครื่องหอมที่นางทำตกด้วยความรีบร้อน และเขาที่หยิบห่อผ้านั้นขึ้นมา พลางเรียกนางให้หยุดเดิน 

 

 

“ในตอนนั้นหม่อมฉันไม่ทราบว่าสิ่งนั้นคืออะไร แต่พอมาตอนนี้ ดูเหมือนว่ามันจะเป็นยาพิษเพคะ” 

 

 

ยาพิษ 

 

 

คำสั้นๆ นี้ ทะลุทะลวงบรรยากาศอันน่าอึดอัดของศาลหลวง และทิ่มแทงใจอย่างรุนแรง ทั้งเยือกเย็นและแหลมคม รูแฮกล่าวคัดค้านขึ้นมา ซึ่งเป็นการพังทลายความเงียบงันอันหนาวเหน็บและน่าหวาดหวั่น 

 

 

 “กระหม่อมเรียกนางไว้เพื่อมอบห่อเครื่องหอมให้นางนั้นคือเรื่องจริง แต่สิ่งนั้นหาใช่สิ่งที่กระหม่อมจัดเตรียมไปเองไม่ หากแต่เป็นสิ่งของที่นางทำตกพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“ห่อเครื่องหอมอย่างนั้นหรือ” บีพาอันทวนคำพูดของรูแฮ พลางมองและพยักหน้าให้สัญญาณทหารราชองครักษ์นายหนึ่ง เสียงฝีเท้าของทหารสองสามนายรุดออกจากกรมราชองครักษ์ไป บีพาอันถามหยางหยางต่อ 

 

 

“นางกำนัล หยางหยาง เจ้าเห็นโฮซานาทำของสิ่งนั้นตกพื้นหรือไม่” 

 

 

“หม่อมฉันได้ยินฮวางเซจาเรียกนาง จึงได้มองไปที่ประตูเล็ก หากว่าฝ่าบาทฮวางเซจาทรงหยิบของก่อน แล้วค่อยเรียกนางล่ะก็…” 

 

 

“เห็นหรือไม่เห็น ตอบมาเท่านั้นพอ” บีพาอันพูดตัดบทหยางหยาง ที่กำลังพยายามพูดอย่างระมัดระวัง และมองในมุมของรูแฮด้วย หยางหยางตอบกลับไปอย่างขลาดกลัวว่า 

 

 

“ม ไม่เห็นเพคะ” 

 

 

รูแฮพูดค้านขึ้นมาอีกครั้ง 

 

 

“กระหม่อมหยิบห่อเครื่องหอมที่ตกพื้นขึ้นมา แล้วจึงเรียกนางที่รีบร้อนให้หยุด นางกำนัล หยางหยางได้เห็นกระหม่อมหลังจากที่กระหม่อมได้เรียกนางกำนัลนางนั้นให้หยุด ซึ่งในขณะนั้นกระหม่อมได้หยิบมันขึ้นมาถือไว้เรียบร้อยแล้ว จึงเป็นที่แน่นอนอยู่แล้วว่านางกำนัล หยางหยางจะไม่สามารถเห็นข้าก้มลงหยิบมันขึ้นมาได้ ขอทรงพิจารณาลำดับเหตุการณ์อย่างแน่ชัดด้วยพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

ทว่าการตะโกนของรูแฮกลับกลายเป็นคำร้องที่ไม่มีเสียงสะท้อนใดกลับมา บีพาอันไม่แม้แต่จะฟังคำค้านของรูแฮ บีพาอันพยักหน้าส่งสัญญาณให้หยางหยางออกไป หลังจากที่นางออกไปแล้ว การไต่สวนก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง 

 

 

“ฮวางเซจาเอง ในฐานะพ่อทูนหัว ได้พบปะกับชายาเซจาสองต่อสองบ่อยเพียงใดหรือ” 

 

 

“ปกติจะพับกันทุกๆ สองวันพ่ะย่ะค่ะ หากนานหน่อยก็ไม่เกินสี่วัน” 

 

 

“ค่อนข้างบ่อยทีเดียว” 

 

 

“เรื่องนั้น…” 

 

 

“เรารู้ดีอยู่แล้ว ว่าเจ้าเป็นคนมีความรับผิดชอบสูง” บีพาอันตัดบทรูแฮ แต่ก็พูดเชิงสนับสนุน แต่ถึงขั้นนี้แล้วมันฟังดูเหมือนเป็นการล้อกันเล่นเสียมากกว่า และแล้ว 

 

 

“ว่าแต่ ฮวางเซจาที่แน่ชัดว่ามีความรับผิดชอบสูง จนไปยังตำหนักบุกบีอย่างสม่ำเสมอทุกๆ สองวัน เหตุใดช่วงนี้จึงไม่ได้ไปพบชายาเซจาเลย” 

 

 

“การเตรียมการจัดสอบเข้ารับราชการรอบแรกในฤดูใบไม้ร่วงได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว งานในฝ่ายพิธีการจึงยุ่งมากพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“การเตรียมการจัดสอบเข้ารับราชการรอบแรกของฝ่ายพิธีการ เริ่มในช่วงนี้ของทุกปีเลยหรือ” 

 

 

เป็นคำถามที่หวังให้รูแฮติดกับอีกแล้ว อุบายของบีพาอันชัดแจ้งเกินไป แต่รูแฮก็ตอบตามความจริง 

 

 

“ช่วงเวลาที่แน่นอนไม่อาจกำหนดชัดได้ แต่บอกได้ว่าเริ่มเตรียมงานในช่วงเวลาไร่เรี่ยกันเสมอพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“แม้จะงานยุ่งถึงเพียงนี้ แต่เมื่อแปดวันที่แล้ว เจ้าก็ยังไปยังตำหนักบุกบีสินะ นั่นก็เป็นการไปหาชายาเซจาด้วยหน้าที่ของพ่อทูนหัวใช่หรือไม่” 

 

 

เมื่อแปดวันที่แล้ว คือจุดเริ่มต้นแห่งการถาโถมเข้ามาของงาน งานที่ถามโถมเข้ามาทำให้รูแฮเกิดความวู่วาม เขาเกรงว่างานที่ยุ่งจะทำให้ต้องเลื่อนวันมอบจดหมายให้แก่กโยซึลไปอีก 

 

 

ดังนั้นกระหม่อมจึงหาเวลาไปตำหนักบุกบี เพื่อมอบจดหมาย แล้วก็กลับมา 

 

 

ในวันนั้นรูแฮมอบจดหมายให้แก่กโยซึล แล้วกลับไปยังวังใต้ โดยไม่ได้เข้าพบฮเยจิน ความพึงพอใจจากการที่ได้มอบจดหมาย บวกกับความยุ่งเหยิงในจิตใจ ทำให้เขาไม่ได้เข้าไปพบชายาเซจา นั่นคือความผิดพลาดครั้งใหญ่ รูแฮตอบกลับอย่างไร้เรี่ยวแรงว่า 

 

 

“ในวันนั้นกระหม่อมไม่ได้เข้าพบชายาเซจาพ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

“เช่นนั้น เหตุใดเจ้าจึงไปยังตำหนักบุกบี ในเมื่อไม่ได้จะไปเข้าพบชายาเซจา” 

 

 

เพื่อไปพบกโยซึลอย่างไรล่ะ เพราะได้พบกับกโยซึลที่ตำหนักบุกบีอยู่เสมอ เลยจะนำจดหมายไปมอบให้แก่นาง 

 

 

รูแฮกลืนน้ำลาย ครั้นพอเมื่อรูแฮตอบช้า บีพาอันจึงถามย้ำอีกครั้ง 

 

 

“จะบอกว่าเจ้าดั้นด้นเดินจากตำหนักนัมชอนที่อยู่วังใต้เพื่อไปยังตำหนักบุกบีที่อยู่วังเหนือ โดยที่ไม่แม้แต่จะเข้าพบชายาเซจาหรือ” 

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ” รูแฮตอบสั้นๆ  

 

 

ครั้งนี้เขาไม่อาจแก้ตัวอะไรได้เลย เขาทำได้เพียงยอมรับหลักฐานที่อยู่ของตนเองเท่านั้น เสียงซุบซิบของเหล่าเสนาบดีรอบๆ ลานไต่สวนค่อยๆ ดังขึ้น 

 

 

ถึงกระนั้นเขาก็ไม่อาจพูดความจริงออกไปตรงๆ ได้ ว่าตนไปเพียงแค่พบกับกโยซึลที่นั่นแล้วกลับไป เรื่องที่ไปพบกโยซึล เขาไม่อาจบอกบีพาอันได้ 

 

 

*** 

 

 

การไต่สวนคือการโต้แย้งที่กินแรง รูแฮยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหา ส่วนบีพาอันเองก็ดำเนินการไต่สวนอย่างร้ายกาจ พยายามต้อนผู้บริสุทธิ์ให้กลายเป็นผู้กระทำผิดให้ได้ การโต้เถียงอันยาวนานและดุเดือดยังไร้ซึ่งผลแพ้ชนะ  

 

 

บีพาอันได้กลับตำหนักดงชอนก็เมื่อฟ้าเริ่มมืดและกลายเป็นสีแดงแล้ว ในที่สุดก็จะได้ล้มตัวลงนอนพักเสียที ทว่ากลับมีแขกที่คิดไม่ถึงรอเขาอยู่เสียอย่างนั้น  

 

 

“ฝ่าพระบาทฮวางแทจาพ่ะย่ะค่ะ พระชายาฮวางแทจา กโยซึลทรงขอเข้าเฝ้า และทรงรออยู่พ่ะย่ะค่ะ” 

 

 

กโยซึลมาหาและเฝ้ารอตั้งแต่ที่บีพาอันยังไม่กลับมา นี่คือปัญหาที่ยากกว่าการไต่สวนอันยาวนั้นที่เพิ่งจบไปเมื่อครู่เสียอีก 

 

 

“ฝ่าพระบาทฮวางแทจาเพคะ” 

 

 

กโยซึลเอ่ยเรียกบีพาอันด้วยน้ำเสียงราวกับล้มลงในตอนนั้นก็มิปาน บีพาอันหาได้ตอบกลับ เขาเอาแต่จ้องมองกโยซึลด้วยสายตาเย็นชา กโยซึลเปิดริมฝีปากเล็กและแห้งของนาง แล้วพูดว่า 

 

 

“ฮวางเซจาทรงอยู่กับหม่อมฉันในตอนนั้นเพคะ”