“ฮวางเซจา จงหันหน้าไปมองนางกำนัลที่อยู่ตรงนั้น”
เสื้อผ้าสีขาวของนางมีรอยขาดไปทั่ว และเปื้อนรอยเลือดเต็มไปหมด เชือกฟางนั้นผูกมัดผิวอ่อนบอบบางของหญิงสาวเอาไว้อย่างไร้ความปราณี ใบหน้าของนางบาดเจ็บและบอบช้ำ จนแทบมองไม่ออกว่าเป็นใคร
“แม่นางคนนี้…” รูแฮค่อยๆ พิจารณาใบหน้าบอบช้ำ และปูดบวมของนาง จากนั้นถึงดูออก และเอ่ยปากออกไปโดยไม่ตั้งใจ
นางคือหญิงสาวที่เขาได้พบเจอโดยบังเอิญที่หน้าประตูเล็กของตำหนักดงบี เมื่อสิบห้าวันก่อนนั่นเอง
“ไหนว่าไม่ค่อยได้มีปฏิสัมพันธ์กับข้ารับใช้ของวังเหนือ ทว่าพอเห็นนางกลับจำได้ในทันที”
บีพาอันเป็นเช่นเหยี่ยวที่ร้ายกาจ เขามองออกถึงจิตใจที่กระสับกระส่ายของรูแฮ แต่ว่าการไล่ต้อนของบีพาอันจนถึงตอนนี้นั้นก็ยังเป็นเพียงการคาดเดาที่สรุปผลแน่ชัดได้ยาก รูแฮตอบออกไปอย่างไม่ลังเลด้วยเสียงอันมั่นคง
“กระหม่อมเทียวไปมาระหว่างวังเหนือ เป็นเวลาเดือนกว่าได้แล้ว เช่นนั้นก็เป็นไปได้ที่จะคุ้นหน้านางกำนัลของที่นั่น สิ่งที่พระองค์ซักถามจนถึงตอนนี้ ขึ้นอยู่กับความสงสัยและหลักฐานแวดล้อมเพียงเท่านั้น ทรงกล่าวหากระหม่อมเช่นนี้ ราวกับว่าทรงมีคำตอบในใจอยู่แล้ว เพียงทำการไต่สวนให้พอเป็นพิธีไปเท่านั้น”
ไม่ว่าจะในฐานะผู้ถูกไต่สวน หรือในฐานะที่เป็นรูแฮในยามปกติ นี่ถือเป็นคำพูดที่รุนแรงยิ่งนัก เกิดเสียงอื้ออึงขึ้น จากเหล่าเสนาบดีที่นั่งเป็นแถวทั้งทางซ้ายและขวาของบีพาอัน บีพาอันกำหมัดที่วางอยู่บนพนักวางแขนแน่น แต่เขายังมองลงไปยังรูแฮด้วยสายตาราบเรียบ บีพาอันไม่เร่งรีบเลยแม้แต่น้อย เขาค่อยๆ หว่านแหและกระชับวงล้อมด้วยคำถามทั่วไป ดูไม่มีแก่นสารเท่าไร ส่วนผู้ที่เริ่มเหนื่อยหอบก็เป็นใครไปไม่ได้นอกจากรูแฮ
“เหนือสิ่งอื่นใด การพูดว่ากระหม่อมตั้งใจมุ่งร้ายแก่ทายาทของเซจา บินซองนั้น เป็นคำพูดที่ไร้สาระและไร้เหตุผลสิ้นดี กระหม่อมจะทำสิ่งเลวทรามเยี่ยงนั้นได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ”
“เราไม่เคยบอกเจ้าเลย ว่าเกิดเหตุร้ายขึ้นกับลูกของเซจา เหตุใดถึงมั่นใจว่าเป็นเรื่องนี้กัน”
คำถามของบีพาอันยังคงเป็นคำถามที่ไม่คิดเช่นเคย แม้จะไม่มีใครพูดออกมา แต่ทุกคนในที่นี้ต่างก็ทราบข้อเท็จจริงนี้กันดีอยู่แล้ว อันที่จริงต่อให้เป็นเด็กเล็กก็ยังเดาจากการฟังไต่สวนได้ แต่อย่างไรก็ตามบีพาอันก็แสร้งทำเป็นไร้เดียงสา เขาเล่นบทเด็กไร้เดียงสาได้อย่างร้ายกาจนัก
“กระหม่อมพิจารณาและคาดเดาจากคำถามที่ทรงถามมาถึงตอนนี้ และดูเหมือนว่าจะเดาถูกเสียด้วย ต่อให้เป็นคนที่ไม่ทราบเรื่องราวอันใดเลยก็ตาม หากได้ฟังการไต่สวนโดยฮวางแทจาก็ย่อมอนุมานและสันนิษฐานออกมาได้โดยง่ายดายพ่ะย่ะค่ะ”
รูแฮรู้สึกหมดหวังกับคำถามที่วกไปวนมาเช่นนี้ จนยากที่จะระงับอารมณ์โกรธเอาไว้ได้ อารมณ์ของเขาเริ่มคุกรุ่น แต่บีพาอันก็คล้อยตามไปโดยง่าย ยอมเข้าใจแต่โดยดี
“ฮวางเซจาเป็นผู้ที่ฉลาดหลักแหลม กระทั่งเซจายังไปร้องขอให้เป็นพ่อทูนหัวให้บุตรตน การวิเคราะห์สถานการณ์ย่อมไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ” บีพาอันพยักหน้าเบาๆ แล้วทำการสอบสวนต่อ
“หากคำให้การจากปากของฮวางเซจาเป็นเรื่องจริง แสดงว่าเจ้าก็ไม่เคยได้พบปะกับนางกำนัล นามว่าโฮซานา เป็นการส่วนตัวเลยใช่หรือไม่”
“กระหม่อมเองก็เพิ่งทราบว่านางชื่อว่าโฮซานาจากพระองค์เมื่อครู่พ่ะย่ะค่ะ”
“ดี” บีพาอันพยักหน้าอีกครั้ง รูแฮสามารถหายใจได้คล่องเสียที ดูเหมือนว่าการไต่สวนที่ถูกบังคับให้มาเข้าร่วมนี้ ในที่สุดก็จะจบลงแล้ว ทว่าในครั้งนี้รูแฮคิดผิดไป
“นำนางกำนัลหยางหยางเข้ามา”
นางกำนัลที่ชื่อว่าหยางหยางนี้ แน่นอนว่ารูแฮไม่รู้จักนางเลย และเขาก็ตื่นตระหนก เพราะนางคือตัวละครใหม่ที่ปรากฏตัวออกมา
ครั้งนี้บีพาอันวางบ่วงอะไรไว้ดักรูแฮอีกกัน วิธีการของบีพาอันค่อนข้างจะกดดันและกวนประสาท แต่ก็เป็นขั้นเป็นตอนและมีตรรกะที่แน่นหนา รูแฮผู้ต้องถูกไต่สวน รู้สึกอึดอัดใจและไม่ได้รับความเป็นธรรม แต่เขาก็ทำได้เพียงยอมรับความสามารถในการไต่สวนของบีพาอัน
นางกำนัลอีกนางหนึ่งถูกนำตัวเข้ามายังสถานที่ไต่สวน นางต่างจากนางกำนัลคนแรก เพราะนางสวมใส่เสื้อผ้าสะอาดสะอ้าน และก้าวเดินเข้ามาด้วยตัวเอง
เราเคยเห็นนางที่ตำหนักบุกบี
รูแฮพิจารณาใบหน้าของหยางหยาง นางสวมใส่ชุดนางกำนัล ประสานมือไว้ข้างหน้าแน่น ตัวสั่นเทาด้วยสีหน้าหวาดกลัว ร่องรอยของน้ำตาปรากฏชัดที่ขอบตาของนาง
“ฮวางเซจา เจ้าจำหน้านางกำนัลนางนี้ได้หรือไม่” ชัดเจนเลยว่าเป็นคำพูดเหน็บแนม รูแฮตอบกลับไปเฉพาะความจริง ไม่มีขาดหรือเกิน
“พอจะทราบว่าเป็นนางกำนัลจากตำหนักบุกบีพ่ะย่ะค่ะ”
“ก็ควรจะเป็นเช่นนั้น” บีพาอันตอบกลับอย่างเนือยๆ จากนั้นจึงหันไปสั่งหยางหยาง
“นางกำนัลหยางหยาง แจ้งความที่เจ้าเล่าเมื่อวาน อย่าให้ตกหล่นแม้แต่น้อย”
หยางหยางน้อมตัวลงคำนับไปทางบีพาอัน นางไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา ไหล่ของนางสั่นเทา พลางเปิดปากขึ้นมาพูดด้วยเสียงอู้อี้ นางชำเลืองมองรูแฮด้วยหางตา
“เมื่อประมาณสิบห้าวันก่อน ขณะที่หม่อมฉันกำลังนำผ้าไปฝากซักที่โรงซักล้าง หม่อมฉันไม่อยากถูกคนอื่นจับได้ จึงเดินไปตามทางด้านหลังของตำหนักบุกบี หม่อมฉันได้ยินเสียงพระองค์ท่านจากที่ไกลๆ นั่นคือทางประตูเล็ก ปกติราชวงศ์ทุกพระองค์จะเสด็จเข้าออกทางประตูใหญ่ ไม่เคยพบพระองค์ใด ณ ที่ประตูเล็กเลย หม่อมฉันจึงสับสนเป็นอย่างมาก ไม่แน่ใจว่าจะต้องไปถวายคำนับดี หรือจะหลีกไปอย่างเงียบๆดีเพคะ”
“เจ้าของเสียงที่เจ้าได้ยินนั้น แน่ชัดว่าเป็นฮวางเซจาใช่หรือไม่” บีพาอันต้องการตรวจสอบโดยละเอียดจึงถามแทรกเข้ามา หยางหยางตกใจและพยักหน้า นางยิ่งน้อมตัวลงต่ำไปอีก
“เพคะ แม้จะทรงอยู่ห่างไกลออกไป แต่เป็นฝ่าบาทฮวางเซจาแน่นอนเพคะ”
“อยู่ไกล แล้วเจ้ามั่นใจได้อย่างไร”
“หม่อมฉันเป็นผู้ได้รับความไว้วางใจจากพระชายาเซจา ถึงขั้นที่ทรงมอบหมายให้นำฉลองพระองค์ไปซัก หม่อมฉันคือหนึ่งในนางกำนัลที่รับใช้ใกล้ชิดพระชายามากที่สุดคนหนึ่ง เมื่อฮวางเซจาได้เข้าไปยังห้องบรรทม หม่อมฉันเองก็ได้คอยอยู่และช่วยทำธุระบางอย่างแทนฮวางเซจาด้วย ดังนั้นจึงไม่มีทางที่หม่อมฉันจะจำน้ำเสียงที่ฟังมาเป็นเดือนๆ ไม่ได้เพคะ”
คำของหยางหยางนั้น ไม่มีการโกหกใดเลย เวลาที่รูแฮไปพบกับฮเยจินสองต่อสอง จะมีนางในคอยอยู่สองสามคนที่มุมห้อง แม้จะเป็นพ่อทูนหัวของบุตรในครรภ์ และถึงจะเป็นฮวางเซจาเองก็ตาม แต่ก็ยังมีกฎระเบียบของการพบกันระหว่างชายหญิงอยู่
ใช่แล้ว นางคือคนที่เราได้เจอบ่อยๆ นี่เอง