บทที่ 1428 ตกอสูรปี

Reverend Insanity เทพปีศาจหวนคืน

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยแสงสีแดง

 

เดิมทีสถานที่แห่งนี้ไม่มีสิ่งใด แต่ตอนนี้มีค่ายกลวิญญาณขนาดใหญ่ตั้งอยู่

 

ค่ายกลวิญญาณนี้ปลดปล่อยกลิ่นอายของกาลเวลาออกมา เห็นได้ชัดว่ามันเป็นค่ายกลวิญญาณบนเส้นทางแห่งกาลเวลา

 

ฟางหยวน ไป่หนิงปิง ไห่ลั่วหลัน เทพธิดาเมี่ยวหยิน เทพธิดากระต่ายขาว และอิงอู๋เซี่ยอยู่ภายในค่ายกลวิญญาณนี้

 

ค่ายกลวิญญาณทำงานมาแล้วเป็นเวลานาน

 

มันใช้วิญญาณปีอมตะระดับเจ็ดเป็นแกนกลางและใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำระดับแปดเป็นส่วนสนับสนุน แกนกลางของค่ายกลวิญญาณไม่จำเป็นต้องเป็นวิญญาณระดับสูงกว่าเสมอไป ตัวอย่างเช่นค่ายกลวิญญาณนี้ที่ใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำระดับแปดเป็นส่วนสนับสนุน

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะนี้มาจากมรดกที่แท้จริงของไห่ฟาน

 

จุดประสงค์ของมันคือการเชื่อมต่อกับสาขาของสายธารแห่งกาลเวลาในมิติช่องว่างอมตะ

 

มันถูกเรียกว่าค่ายกลวิญญาณตกอสูรปี

 

ชื่อของมันค่อนข้างน่าสนใจ คนอื่นๆอาจใช้คำนี้ในการตกปลา แต่ไห่ฟานต้องการตกอสูรปี ในความเป็นจริงไห่ฟานต้องการใช้มันจับอสูรปีแรกกำเนิด

 

ตั้งแต่ไห่ฟานได้รับวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ เขาก็ได้เรียนรู้ข้อบกพร่องของมัน กลิ่นอายของวิญญาณอมตะดวงนี้จะดึงดูดอสูรปีแรกกำเนิดเข้ามาผ่านสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา

 

ดังนั้นไห่ฟานจึงต้องหาวิธีแก้ปัญหา

 

วิธีแรกที่ไห่ฟานนึกถึงคือค่ายกลวิญญาณที่ฟางหยวนใช้วางกับดักฟงจิวเก้อและส่งเขาเข้าไปในสายธารแห่งกาลเวลาก่อนหน้านี้

 

อย่างไรก็ตามวิธีนี้มีจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่

 

มันจะทำให้เวลาในมิติช่องว่างของผู้อมตะหยุดเดิน เมื่อเวลาไม่เคลื่อนไหว ทรัพยากรทั้งหมดที่อยู่ภายในมิติช่องว่างก็จะไม่เติบโต วิญญาณจะไม่สามารถอาศัยอยู่ เขาต้องนำวิญญาณออกมาภายนอก

 

เรื่องนี้อันตรายมาก หากเกิดการต่อสู้ พวกมันอาจถูกทำลายโดยศัตรูของเขา

 

ไห่ฟานเป็นคนฉลาด เขาคิดวิธีนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกสุดท้ายเท่านั้น

 

เขาค้นคว้าต่อไปและพบวิธีใหม่ ตราบเท่าที่มีอสูรปีแรกกำเนิดอยู่ในมิติช่องว่างของเขา อสูรปีแรกกำเนิดตัวอื่นจะไม่เข้ามาในอาณาเขตของมันแม้กลิ่นอายของวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำจะเย้ายวนใจเพียงใดก็ตาม

 

ดังนั้นไห่ฟานจึงคิดหาวิธีเลียนแบบกลิ่นอายของอสูรปีแรกกำเนิด

 

แต่ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงของเขาไม่สูงนัก เขาไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้

 

ต่อมาเขาพิจารณาเกี่ยวกับการเลี้ยงอสูรปีแรกกำเนิดด้วยตัวเขาเอง

 

แต่ถ้ำสวรรค์ของเขาไม่ใหญ่มากนัก มันเต็มไปด้วยทรัพยากร มันยากที่จะสร้างสภาพแวดล้อมที่เหมาะสมสำหรับอสูรปีแรกกำเนิด นอกจากนี้ในการเลี้ยงอสูรปีแรกกำเนิด เขาจำเป็นต้องเริ่มจากการเลี้ยงอสูรปีบรรพกาลก่อนจะยกระดับมัน หลังจากทั้งหมดสวรรค์สีเหลืองไม่มีอสูรปีแรกกำเนิดวางขาย

 

กระบวนการนี้ใช้เวลานานเกินไป ไห่ฟานมีอายุขัยไม่เพียงพอ

 

เมื่อทั้งสองวิธีไม่สามารถทำได้ ไห่ฟานจึงคิดอีกวิธีหนึ่ง เขาจะใช้วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำเรียกอสูรปีแรกกำเนิดออกมาและทำให้มันกลายเป็นทาส

 

ความสำเร็จบนเส้นทางแห่งทาสของไห่ฟานอยู่ในระดับปรมาจารย์ มันไม่ได้เลวร้ายเหมือนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลง

 

แต่มันไม่ง่ายที่จะใช้ท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรปีแรกกำเนิด

 

ในช่วงสุดท้ายของชีวิต ไห่ฟานสามารถสร้างค่ายกลวิญญาณอมตะตกอสูรปี

 

ค่ายกลวิญญาณอมตะนี้สามารถเรียกอสูรปีแรกกำเนิดออกมาแต่เขาไม่สามารถควบคุมมัน หลังจากทั้งหมดสิ่งนี้เป็นเพียงการตกไม่ใช่การอัญเชิญ

 

แนวคิดดั้งเดิมของไห่ฟานคือการอัญเชิญอสูรปีแรกกำเนิดภายใต้การควบคุมของเขา

 

แต่กระทั่งถึงจุดจบของชีวิต ไห่ฟานก็ยังไม่บรรลุเป้าหมาย

 

หากเขามีเวลามากกว่านี้ เขาอาจทำสำเร็จ

 

ไม่มีสิ่งใดสามารถเอาชนะกาลเวลา กระทั่งอัจริยะก็ไม่สามารถ

 

หากฟางหยวนมีเวลาเพียงพอ เขาจะสามารถเติมเต็มความปรารถนาของไห่ฟานและสร้างท่าไม้ตายอมตะอัญเชิญอสูรปีแรกกำเนิดได้โดยตรง

 

มรดกที่แท้จริงไม่ใช่แค่ของขวัญแต่ยังเป็นตัวช่วยชั้นยอด

 

อย่างไรก็ตามฟางหยวนไม่มีเวลาพัฒนาท่าไม้ตายดังกล่าว

 

เขาจำเป็นต้องใช้ค่ายกลวิญญาณตกอสูรปีแรกกำเนิดก่อนที่จะใช้ท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อยสะกดข่มมัน

 

‘หากไห่ฟานมีท่าไม้ตายอมตะทาสแปดสิบต่อร้อย เขาจะได้รับอสูรปีแรกกำเนิด’

 

‘ตอนนี้อันตรายเกินไปสำหรับข้าที่จะไปยังสายธารแห่งกาลเวลา นอกจากมันจะเป็นสถานที่อันตราย วังสวรรค์ก็คงเตรียมการบางอย่างเอาไว้แล้ว’

 

ก่อนหน้านี้ฟางหยวนส่งฟงจิวเก้อไปยังสายธารแห่งกาลเวลา แต่ฟงจิวเก้อสามารถหลบหนีออกมา นี่ทำให้ฟางหยวนสามารถคาดเดาบางสิ่ง

 

‘ฟงจิวเก้อรอดชีวิตมาได้อาจเป็นเพราะความสามารถของเขาเองหรืออาจเป็นการจัดเตรียมของวังสวรรค์ในสายธารแห่งกาลเวลา’

 

‘ไม่ว่ากรณีใดเมื่อข้าเข้าสู่สายธารแห่งกาลเวลา กรณีที่เลวร้ายที่สุดคือข้าจะถูกขัดขวางและซุ่มโจมตี’

 

‘ในสายธารแห่งกาลเวลา ข้าไม่มีความได้เปรียบด้านสถานที่ ข้าไม่เชี่ยวชาญการต่อสู้ที่นั่น เว้นเพียงข้าจะมีอสูรปีแรกกำเนิดที่ช่วยปกป้องและรับรองความปลอดภัยของข้า’

 

เขาจะไม่ตกอยู่ในอันตรายหากเขาเตรียมตัวไปอย่างเพียงพอ

 

เป็นเพียงเวลานี้ที่เสียงดังมาจากสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา

 

“เจี๊ยก เจี๊ยก…”

 

‘ดูเหมือนอสูรปีแรกกำเนิดจะถูกล่อลวงเข้ามาในที่สุด!’ ดวงตาของฟางหยวนส่องประกายขึ้น

 

ภายในค่ายกลวิญญาณ สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาส่องปรากฎขึ้น

 

ลิงตัวใหญ่มองค่ายกลวิญญาณอมตะผ่านสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา

 

ดวงตาของมันมีขนาดเท่าช้าง สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาราวกับช่องเล็กๆที่บางคนกำลังลอบมองดูจากหลังประตู

 

มันไม่พบฟางหยวนแต่มันมองเห็นวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ

 

เมื่อเห็นวิญญาณอมตะระดับแปดดวงนี้ ความอยากอาหารของมันก็พุ่งสูงขึ้น มันเริ่มน้ำลายไหล

 

วิญญาณวัน วิญญาณเดือน และวิญญาณปีเป็นอาหารของอสูรปี ในสายตาของอสูรปีแรกกำเนิด วิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำไม่ต่างจากอาหารจานใหญ่ที่ไม่มีที่สิ้นสุด

 

“เจี๊ยก เจี๊ยก…”

 

มันสูดหายใจลึกและพยายามเข้าสู่มิติช่องว่างของฟางหยวน

 

อสูรปีมีความสามารถในการเดินทางจากสายธารแห่งกาลเวลาไปยังที่ใดก็ได้ในโลกใบนี้ ฟางหยวนเคยอัญเชิยอสูรปีมาก่อน พวกมันสามารถออกมาจากสายธารแห่งกาลเลาและเข้าสู่สนามรบได้ทันที

 

ตราบเท่าที่สายธารแห่งกาลเวลาไหลผ่านบริเวณนั้น อสูรปีก็สามารถเข้าออก

 

มิติช่องว่างของฟางหยวนก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

 

แต่การเข้าไปในมิติช่องว่างของผู้อมตะยากกว่าการเดินทางไปยังห้าภูมิภาคและสองสวรรค์

 

อสูรปีแรกกำเนิดใช้มือของมันขยายสาขาของสายธารแห่งกาลเวลา

 

‘มิติช่องว่างของข้าเป็นเพียงแดนศักดิ์สิทธิ์ มันอาจเล็กเกินไปและไม่สะดวกที่พวกมันจะเข้าออก แต่มันยังสามารถเก็บสัตว์อสูรแรกกำเนิด’

 

ฟางหยวนรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งเมื่อเห็นอสูรปีแรกกำเนิดตัวนี้

 

เนื่องจากการเข้าหรือออกเป็นเรื่องยาก ดังนั้นเมื่อมันเข้าสู่การต่อสู้ มันจะไม่สามารถหลบหนีได้โดยง่าย

 

หลังจากอสูรปีวอกแรกกำเนิดเข้ามาในมิติช่องว่างของฟางหยวน สาขาของสายธารแห่งกาลเวลาที่อยู่ด้านหลังมันก็ซ่อมแซมตัวเอง

 

“เจี๊ยก เจี๊ยก…”

 

อสูรปีวอกแรกกำเนิดใช้จมูกดมกลิ่น เมื่อตระหนักถึงกลิ่นอายของวิญญาณอมตะปีไหลผ่านราวกับสายน้ำ มันก็กระโจนร่างไปยังจุดหมายทันที

 

“ปัง!”

 

อสูรปีวอกแรกกำเนิดพุ่งชนกำแพงพลังงานที่มองไม่เห็นขณะที่ค่ายกลวิญญาณไม่แม้แต่จะเกิดการสั่นสะเทือน

 

ย้อนกลับไปเมื่อไห่ฟานคิดค้นค่ายกลวิญญาณนี้ เขาก็พิจารณาถึงสถานการณ์นี้เอาไว้แล้ว