บทที่ 364 เรื่องเมื่อสิบสองปีก่อน

รักหวานอมเปรี้ยว

มายมิ้นท์เม้มริมฝีปาก“ฉันมีลูกหรือเปล่าคุณไม่รู้เหรอ?”

ซินดี้ยิ้มออกมาอย่างขอโทษ“ขอโทษด้วยนะคะประธานมายมิ้นท์ จู่ๆสมองของฉันก็คิดมากเกินไป ท่านอย่าโกรธนะคะ”

“ฉันไม่ได้โกรธ นี่เป็นหลานคนหนึ่งของเพื่อนฉัน ชื่อไมโล”ขณะที่พูด มายมิ้นท์ก็ค่อยๆผลักไมโลมายังเบื้องหน้าของเลขาซินดี้“ไมโล สวัสดีคุณน้าซินดี้”

“สวัสดีครับคุณน้าซินดี้”ไมโลโค้งคำนับอย่างสุภาพ

“สวัสดี สวัสดี”ซินดี้มองไปยังไมโล หัวใจแทบจะละลาย

เด็กน้อยคนนี้น่ารักเป็นอย่างมาก

“ให้ลูกอม!”ซินดี้คิดขึ้นมาได้ว่าวันนี้ตอนเช้าก่อนที่ตนจะออกมาข้างนอก ได้ยัดลูกอมใส่กระเป๋าไว้สองเม็ด จึงรีบหยิบลูกอมออกมาให้กับไมโล

ไมโลไม่ได้รับมา อีกทั้งยังเงยหน้ามองไปยังมายมิ้นท์

มายมิ้นท์พยักหน้าเล็กน้อย

เขาจึงยื่นมือออกไปรับ“ขอบคุณคุณน้าซินดี้”

“ไม่ต้องเกรงใจค่ะ”ซินดี้เห็นเขารับลูกอมของตนยิ้มจนตาเยิ้ม

มายมิ้นท์อดไม่ได้ที่จะยักคิ้ว

นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเลขาซินดี้ยิ้มอย่างมีความสุขขนาดนี้

ในบริษัทเลขาซินดี้มีฉายาอยู่ฉายาหนึ่งที่คนต่างรู้กัน นั้นก็คือแม่ชีเมี่ยเจวี๋ย

ซึ่งก็หมายความว่า แต่งตัวดูแก่ อีกทั้งยังใส่แว่นตาขอบดำเรียบๆอีกคู่ อีกทั้งยังชอบทำหน้าไร้อารมณ์ และท่าทางที่ดุดัน ดังนั้นฉายานี้ไม่มาก็เพราะเหตุผลนี้

ตอนนี้เมื่อเห็นเลขาซินดี้ยิ้มออกมาแบบนี้ มายมิ้นท์อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

ที่แท้ต่อให้เป็นคนที่มีนิสัยเคร่งขรึมขนาดไหน หยุดของน่ารักไม่ได้เลย

“ใช่แล้ว เลขาซินดี้เอาตารางงานวันนี้มาให้ฉันดูหน่อยนะคะ”มายมิ้นท์จูงมือไมโลแล้วเดินไปยังโซฟาในห้องทำงาน

เลขาซินดี้เดินตามข้างหลัง รีบเปิดแฟ้มเอกสารอย่างรวดเร็ว และนำตารางงานที่อยู่ด้านในมอบให้กับมายมิ้นท์

หลังจากที่มายมิ้นท์รับไปดู“นอกจากตอนบ่ายที่ต้องไปเจรจาธุรกิจ ที่เหลือก็ตามนี้เลย”

“รับทราบค่ะ!”เลขาซินดี้พยักหน้าพลางตอบกลับ

มายมิ้นท์ยืนตารางงานคืนให้กับหล่อน “โอเค คุณออกไปก่อนเถอะ ไปซื้อขนมขบเคี้ยวและของเล่นให้กับไมโล”

ซินดี้มองไปยังไมโลอย่างเห็นด้วยเป็นที่สุด“รับทราบค่ะประธานมายมิ้นท์ ฉันจะรีบซื้อกลับมาให้เร็วที่สุดนะคะ”

มายมิ้นท์ อึม หนึ่งที

หลังจากที่เลขาซินดี้เดินจากไป เธออุ้มไมโลมาไว้ที่บนโซฟา“ไมโล หนูดูทีวีอยู่ที่นี่ก่อนนะคะ เดี๋ยวคุณอา ไปทำงานทางด้านนั้นก่อน ได้ไหม?”

“ได้ครับอาสะใภ้ คุณอาไปทำงานเถอะครับ เดี๋ยวไมโลจะเล่นเอง”ไมโลนั่งอยู่บนโซฟา แกว่งขาน้อยๆพลางพูดขึ้นอย่างเชื่อฟัง

มายมิ้นท์ลูบที่ศีรษะของเขา“เป็นเด็กดีจริงๆ นี่คือรีโมทนะครับ มีอะไรเรียกคุณอาได้เลย”

เมื่อพูดจบ เธอก็เก็บมือกลับมา หันศีรษะพลางเดินกลับไปยังโต๊ะทำงาน

เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าโต๊ะทำงาน โทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าก็ดังขึ้น

มายมิ้นท์ลากเก้าอี้ออกพลางนั่งลง จากนั้นก็พลิกหาโทรศัพท์ในกระเป๋า เห็นว่าตำรวจเป็นคนโทรมา จึงรีบรับสาย“ฮัลโหล”

“สวัสดีครับคุณมายมิ้นท์ ที่นี่คือสถานีตำรวจ”

“สวัสดีค่ะ”มายมิ้นท์รับคำ

คู่สายอีกทางด้านหนึ่งพูดขึ้น:“คืออย่างนี้นะครับ คำตัดสินลงโทษของส้มเปรี้ยวออกมาแล้วครับ”

“กี่ปีคะ!”เมื่อมายมิ้นท์ได้ยินคำพูดนี้ จึงรีบลุกขึ้นพลางถามขึ้น

แม้ว่าจะไม่ทราบว่าทำไมผลการตัดสินถึงออกมาเร็วขนาดนี้

แต่ว่าก็ช่างเถอะ ขอแค่ลงโทษก็ดีแล้ว

“สามปีครับ”คู่สายโทรศัพท์อีกทางด้านหนึ่งตอบกลับ:“แต่ว่า……”

มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว“แต่ว่าอะไรเหรอคะ?”

เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจนัก

“แต่ว่าเนื่องจากอาการบาดเจ็บของส้มเปรี้ยวยังไม่หายดี หล่อนจำเป็นที่จะต้องถูกควบคุมความประพฤติอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน และมีตำรวจถูกส่งไปเฝ้าตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กระทั่งครบหนึ่งเดือน จึงจะย้ายหล่อนเข้าคุก”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง”มายมิ้นท์พยักหน้า ถอนหายใจคลายความกังวลลง

เดิมทีเธอคิดว่ามีเรื่องอะไรผิดคาดหรือเปล่า ที่แท้ก็คือการควบคุมความประพฤตินอกคุก เธอถือว่ายังคงพอยอมรับได้

เพราะว่าการควบคุมความประพฤตินอกคุกเธอคาดเดาไว้ตั้งแต่ทีแรกแล้ว เนื่องจากก่อนหน้าส้มเปรี้ยวได้รับบาดเจ็บที่รุนแรงจริงๆบาดแผลคงไม่หายง่ายๆ ตำรวจทางนั้นถือว่าเป็นผู้มีมนุษยธรรม แน่นอนว่าหากบาดแผลของส้มเปรี้ยวยังไม่หายดีก็คงนำตัวคนเข้าคุกไม่ได้

“ฉันทราบแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะ”มายมิ้นท์ยิ้มพลางขอบคุณ

จากนั้น เธอจึงวางโทรศัพท์ลง พลางถอนหายใจเฮือกใหญ่

ดีจัง ในที่สุดเรื่องของส้มเปรี้ยวก็สิ้นสุดลงเสียที

ต่อจากนี้ เธอจะได้มีสมาธิในการต่อกรกับตระกูลภักดีพิศุทธิ์แล้ว

สำหรับอีกสามปีหลังจากที่ส้มเปรี้ยวออกมาจากคุกแล้ว หล่อนจะแก้แค้นหรือไม่ อีกสามปีค่อยว่ากัน

เชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้น เธอก็คงจะแข็งแกร่งแม้แต่ส้มเปรี้ยวที่อยากจะแก้แค้นก็ไม่กล้า

ขณะที่คิด มายมิ้นท์ยิ้มครู่หนึ่ง พลางหยิบแฟ้มเอกสารออกมาเปิดออก แล้วเริ่มต้นทำงาน

ทางด้านของโรงพยาบาล ผู้ช่วยเหมันตร์ก็ได้แจ้งผลการตัดสินของส้มเปรี้ยวให้เปปเปอร์ทราบ

หลังจากที่เปปเปอร์ฟังเสร็จก็ไม่ได้มีการตอบสนองกลับมากนัก ทำเพียงมองไปยังคอมพิวเตอร์พลางพูดขึ้นอย่างเรียบเฉยว่า:“หลังจากการควบคุมความประพฤตินอกคุกสิ้นสุดลงแล้ว ให้ซื้อตัวนักโทษหญิงสักกลุ่มหนึ่ง พอหล่อนเข้าไปก็ทักทายหล่อนดีๆ”

“รับทราบครับ!”ผู้ช่วยเหมันตร์ขยับแว่นตาเล็กน้อยพลางตอบกลับ

จากนั้น เขาก็คิดอะไรบางอย่างออก สีหน้าเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย “ใช่แล้วครับประธานเปปเปอร์ เกี่ยวกับเรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ของคุณก่อนหน้านี้ ในที่สุดฝ่ายตรวจสอบก็พบปัญหาบางอย่าง”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เปปเปอร์ก็ปิดคอมพิวเตอร์ลง พลางหันไปมองผู้ช่วยเหมันตร์ น้ำเสียงเย็นชาจนทำให้คนฟังรู้สึกหนาวเหน็บ“เป็นใคร?”

“ยังไม่ชัดเจนครับ แต่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นคนเดียวกับที่ฆ่าคุณท่าน เมื่อยี่สิบปีก่อน”ผู้ช่วยเหมันตร์ตอบกลับ

เปปเปอร์กำหมัดแน่น เพราะว่ากำแน่นจนเกินไปจนทำให้ เสียงข้อต่อของนิ้วมือดังขึ้น เส้นเอ็นบนหลังมือก็นูนออกมา

เมื่อยี่สิบปีก่อน พอไปเจรจาธุรกิจที่ต่างประเทศ ถูกคนลอบฆ่าที่ห้องสูทของโรงแรม

นับแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็พยายามสืบหาว่าคนฆ่าเป็นใคร แต่ก็ตรวจสอบไปพบ

สิ่งเดียวที่มั่นใจก็คือ สถานะของฆาตกรไม่ธรรมดาแน่ๆ ไม่เช่นนั้นฆาตกรคงไม่สามารถหลบหลีกการค้นหาของเขามาได้ถึงยี่สิบปี

และตอนนี้ก็ยังหาฆาตกรไม่พบ แต่กลับถูกฆาตกรจู่โจมอีกครั้งหนึ่ง นี่แสดงให้เห็นว่าฆาตกรกำลังจับตาดูเขาอยู่

เขาไม่ค่อยเป็นห่วงความปลอดภัยของตนเองสักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่เขาเป็นห่วงมากที่สุดก็คือ ฆาตกรก็จับตาดูท่านย่าและพวกของปีโป้ด้วย

เพราะถึงยังไงฆาตกรอยู่ในที่มืด ส่วนพวกเขานั้นอยู่ในที่สว่าง หากฆาตกรจับตาพวกท่านย่าจริงๆถ้าอย่างนั้นก็คงป้องกันได้ยาก เพราะไม่มีใครรู้ว่า ฆาตกรคนนั้นจะลงมือเมื่อไหร่!

เมื่อคิดมาถึงจุดนี้ สายตาของเปปเปอร์เย็นชาพลางหรี่ขึ้น“สั่งให้คนของบริษัทรักษาความปลอดภัยแบ่งคนออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งคอยติดตามท่านย่าอยู่รอบๆ ส่วนอีกกลุ่มคอยติดตามปีโป้ ต้องคอยปกป้องพวกเขาอย่างเงียบๆ ”

ผู้ช่วยเหมันตร์ทราบดีว่าทำไมเปปเปอร์ถึงได้ทำเช่นนี้ จึงค่อยๆพยักหน้ารับคำ“ครับ ประธานเปปเปอร์!”

“ไปเถอะ”เปปเปอร์โบกมือ

ผู้ช่วยเหมันตร์หันหลังแล้วจากไป

เปปเปอร์ก้มหน้าลงเล็กน้อย มองไม่เห็นสีหน้าที่ชัดเจนนัก ทำให้ไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่

ผ่านไปไม่กี่วินาที จู่ๆเขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา และโทรหาท่านย่า“ท่านย่าผมเองครับ ผมอยากจะถามเรื่องก่อนที่พ่อผมจะเกิดหน่อยครับ ……”

เวลาใกล้จะบ่ายโมง

ในที่สุดมายมิ้นท์ก็ทำงานเสร็จทั้งหมดแล้ว พลางยืดตัวขึ้นแล้วเดินไปยังโซฟา

บนโซฟา ไมโลห่มผ้าผืนเล็กๆนอนอย่างหลับสบาย ริมฝีปากจิ้มลิ้มขยับเล็กน้อย และยังมีช็อกโกแลตติดอยู่ที่มุมปากของเขา ทั้งน่ารักและตลก

มายมิ้นท์นั่งลงข้างๆไมโล เอื้อมมือหยิบทิชชูเปียกบนโต๊ะกาแฟ จากนั้นเช็ดปากให้กับไมโลด้วยท่าทางที่อ่อนโยน

ไมโลรับรู้ได้จึงตื่นขึ้นมา กะพริบตาพลางมองไปยังมายมิ้นท์ พลางพูดขึ้นอย่างอ่อนหวานว่า:“คุณอาสะใภ้”

“ตื่นแล้วเหรอ?”มายมิ้นท์ดึงเขาขึ้นมา

ไมโล อึม อึม สองที จากนั้นก็มองเห็นในมือของมายมิ้นท์มีทิชชูเปียกอยู่ ร่างกายบางบิดตัวไปมาอย่างเขินอายพลางพูดขึ้นว่า“คุณอา เดี๋ยวผมจัดการเองครับ”

“ได้ หนูทำเองแล้วกันนะ”มายมิ้นท์ดูออกว่าเขารู้สึกกระอักกระอ่วนใจ จึงยิ้มพลางยื่นทิชชูเปียกส่งไปให้เขา

ไมโลเช็ดหน้าให้ตัวเองพลางถามขึ้นว่า “คุณอาทำงานเสร็จแล้วเหรอครับ ?”

“ทำเสร็จแล้วครับ เตรียมที่จะออกไปข้างนอกแล้ว”มายมิ้นท์พยักหน้า

ไมโลทิ้งทิชชูเปียกลงถังขยะ“งั้นผมขอไปล้างมือก่อนนะครับ คุณอาสะใภ้รอผมด้วยนะครับ ผมไปไม่นาน”

เมื่อพูดจบเขากระโดดลงจากโซฟาและวิ่งไปที่ห้องน้ำ