บทที่ 365 ถูกตีจนสลบ

รักหวานอมเปรี้ยว

มายมิ้นท์มองดูเงาหลังเล็กๆของเขา รอยยิ้มในดวงตาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ไม่นานไมโลก็ล้างมือเสร็จแล้วออกมา พลางยื่นมือไปด้านหน้าของมายมิ้นท์ ให้มายมิ้นท์ดูว่าเขาล้างมือสะอาดไหม

มายมิ้นท์ชื่นชมเขาว่าเขาล้างมือได้สะอาดมาก เขาจึงได้วางมือลงด้วยความดีอกดีใจ

หลังจากที่ออกจากเทนเดอร์กรุ๊ป มายมิ้นท์ก็ขับรถพาไมโลกลับมายังคอนโดพราวฟ้า

ขณะที่ทำกับข้าว พบว่าที่บ้านไม่มีซีอิ๊วแล้ว มายมิ้นท์เตรียมที่จะลงไปด้านล่างตึกเพื่อไปซูเปอร์มาร์เก็ตในบริเวณใกล้เคียงซื้อกลับมาสักขวด

ปลดผ้ากันเปื้อนออกจากนั้นมายมิ้นท์ก็เดินออกจากครัว พลางพูดขึ้นกับไมโลที่นั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกว่า:“ไมโล เดี๋ยวอาลงไปซื้อซีอิ๊ว หนูอยู่แต่ในบ้านนะ แล้วเดี๋ยวสักพักก็ช่วยคุณอาเปิดประตูหน่อยได้ไหมครับ ?”

“ได้ครับคุณอา”ไมโลหันกลับมารับคำ

“เป็นเด็กดีจริงๆ”มายมิ้นท์เดินไปที่ทางเข้า

ไมโลก็เดินตามไปส่งเธอด้วย

เมื่อมายมิ้นท์ถอดรองเท้าเสร็จ ราวกับนึกอะไรบางอย่างได้ จึงกำชับพลางพูดขึ้นว่า:“ใช่แล้วไมโล อีกสักพักไม่ว่าอาหรือใครมากด กริ่ง หนูอย่าเปิดประตูทันทีนะ ดูก่อนว่าข้างนอกไปเป็นใคร เข้าใจไหม?”

เพราะหากช่วงที่เธอไปซื้อซีอิ๊ว แล้วมีคนมาที่บ้าน ไมโลเป็นเด็กที่มาคนเดียว เธอไม่วางใจ

“วางใจเถอะครับคุณอา ผมทราบแล้วครับ”ไมโลยืนอยู่หน้าประตู พลางโบกมือให้กับมายมิ้นท์

มายมิ้นท์ลูบศีรษะของเขา เปิดประตูแล้วเดินจากไป

หลังจากซื้อซีอิ๊วเรียบร้อยแล้ว ฟ้าก็เริ่มมืดกว่าตอนที่ออกมามาก

มายมิ้นท์หิ้วถุงเดินกลับมายังคอนโด ระหว่างทางไร้ซึ่งผู้คน เงียบเป็นอย่างมาก

เพราะว่าในเวลานี้ ชาวบ้านในชุมชนเล็กมักรับประทานอาหารเย็นที่บ้าน ยังไม่ถึงเวลาออกมาเดินเล่น

มายมิ้นท์เดินไปสักพัก จู่ๆก็รู้สึกว่ามีคนตามมาข้างหลัง

เธออดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้าลง พลางหันหลังมองไปทางด้านหลัง

แต่ว่าข้างหลังกลับไม่มีอะไรเลย ทุกอย่างว่างเปล่าไม่มีแม้แต่คนเดียว

มายมิ้นท์ขมวดคิ้วแน่น

รู้สึกไปเองงั้นเหรอ?

ไม่ได้คิดมาก มายมิ้นท์หันศีรษะกลับมา และเดินต่อไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ผ่านตึกขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าไป ก็จะถึงคอนโดที่ตนอาศัยอยู่แล้ว

แต่ว่าเดินไปไม่กี่ก้าว ความรู้สึกที่มีคนเดินตามหลังก็กลับมาอีกครั้ง

ในเวลานี้ มายมิ้นท์รู้แล้วว่า ตนเองไม่ได้รู้สึกไปเอง มีคนตามเธอมาจริงๆ เพราะว่าเธอได้ยินเสียงของฝีเท้า แม้ว่าจะเบามาก แต่ว่าก็มีจริงๆ

ร่างกายของมายมิ้นท์แข็งทื่อไปหมด มือและเท้าเย็นขึ้นมาในทันที

แต่ว่าเธอไม่กล้าที่จะหยุดฝีเท้าลง เธอจึงเร่งฝีเท้าแล้วเดินไปข้างหน้า และเรื่องที่คิดไม่ถึงก็คือฝีเท้าที่ตามมาข้างหลังก็เร่งขึ้นเช่นเดียวกัน

เนื่องจากเธอได้ยินฝีเท้าที่ตามมาข้างหลัง น้ำหนักของฝีเท้าเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

มายมิ้นท์ไม่รู้ว่าคนที่ตามตนเองมานั้นคือใคร และมีจุดประสงค์อะไร เธอรู้เพียงอย่างเดียวว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่

อีกทั้งเสียงฝีเท้านี้ยังทำให้คนรู้สึกตื่นตระหนก รู้สึกหวาดกลัว

มายมิ้นท์สามารถรู้สึกถึงความเสียวซ่านหนังศีรษะของเขา ขนลุกไปทั้งตัว ฝ่ามือที่ถือซีอิ๊วอยู่ก็มีเหงื่อออกเต็มไปหมด น่องสั่นระทวยไปหมด

เธอไม่อยากอยู่ข้างนอกอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้เธออยากจะรีบเข้าไปในคอนโดเร็วๆ เมื่อทำเช่นนี้แล้วจึงจะสามารถหลบหลีกคนที่อยู่ข้างหลังเธอได้ และถึงจะทำให้เธอรู้สึกปลอดภัย

เมื่อคิดถึงจุดนี้ มายมิ้นท์จึงเริ่มวิ่ง และมุ่งไปยังคอนโดอย่างรวดเร็ว

แต่ว่าคนที่อยู่ข้างหลัง ก็ยังตามมาอย่างไม่ลดละ อีกทั้งมายมิ้นท์ยังได้ยินเสียง และรับรู้ว่าคนที่อยู่ข้างหลังเธอนั้น เข้าใกล้เธอมาเรื่อยๆ

เธอวิ่งสู้คนคนนั้นไม่ได้!

เมื่อนึกถึงจุดจุดนี้ มายมิ้นท์ก็ยิ่งตื่นตระหนกเข้าไปอีก พร้อมตะโกนเพื่อขอความช่วยเหลืออย่างดังว่า “ช่วยด้วย ไม่คนไหม……”

เธอยังไม่ทันพูดจบ มีคนยกกระบอกขึ้นข้างหลังเธอ แล้วเขาก็ตีหัวเธออย่างแรง

ปัง!

หลังจากเสียงที่คมชัดนั้น บริเวณหลังศีรษะของมายมิ้นท์ก็เจ็บปวดเป็นอย่างมาก จากนั้นดวงตาของเธอก็เบิกกว้าง และเธอก็หมดสติไปในที่นั่น

มองดูมายมิ้นท์ที่สลบลงบนพื้น คนที่ตามมาข้างหลังตกใจเป็นอย่างมาก ถอยหลังไปหนึ่งก้าว จากนั้นก็คลายมือลงเล็กน้อย กระบองกลมร่วงหล่นลงพื้น เสียงดังปัง

เมื่อคนคนนี้ได้ยินเสียง ร่างกายก็อ่อนปวกเปียกไปทั้งตัว พลางทิ้งก้นนั่งลงบนพื้น สูดหายใจหอบอย่างหนัก และร่างกายก็ค่อยๆสั่นเล็กน้อย

คนคนนี้ใส่หมวก ใส่หน้ากากและใส่แว่นตาดำ ปิดบังใบหน้าและเส้นผมอย่างมิดชิด ทั้งยังสวมเสื้อผ้าตัวใหญ่เพื่อปกปิดร่างกาย แม้แต่เท้าก็ยังสวมรองเท้าผ้าใบที่ยกสูงอย่างเห็นได้ชัด

การแต่งตัวเช่นนี้ ทำให้คนดูไม่ออกว่าเป็นผู้หญิงหรือว่าผู้ชาย

ผ่านไปอีกสักพัก คนคนนี้ดูเหมือนจะออกมาจากความตื่นตระหนก มองไปยังมายมิ้นท์ พลางพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แยกไม่ออกว่าหญิงหรือชาย:“ขอโทษ ขอโทษจริงๆ……”

เมื่อพูดจบ คนคนนี้ก็ลุกขึ้นมา หนีบมายมิ้นท์ไว้ที่ใต้รักแร้ ลากมายมิ้นท์ไปยังคอนโดด้านหน้า

คนคนนี้ลากมายมิ้นท์ไปที่บันไดหนีไฟในคอนโดก่อนปล่อยลง จากนั้นก็ปิดประตู และหลังจากที่สูดหายใจเข้าลึกแล้ว ก็หยิบมีดปากผลไม้ออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ท

คนคนนี้คุกเข่าอยู่ข้างมายมิ้นท์ หงายมือซ้ายของมายมิ้นท์ขึ้น จากนั้นดึงมีดผลไม้ออกมา ค่อยๆเอื้อมมือไปทางมายมิ้นท์

ในช่วงเวลานี้ มือของคนคนนี้เริ่มสั่นเล็กน้อย เห็นได้ว่าในเวลานี้คนคนนี้ตื่นเต้นแค่ไหน

ไม่นาน ปลายมีดก็ไปโดนไฝแดงที่ข้อมือของมายมิ้นท์

ตาของคนผู้นี้ภายใต้หลังแว่นกันแดดก็หลับตาลง จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึก กระแทกลง ค่อยๆ ใช้ปลายมีดเอาไฝสีแดงออก

ในขั้นตอนนี้ คนคนนี้ใช้เวลากว่าสิบนาที

เมื่อมั่นใจแล้วว่าที่ข้อมือของมายมิ้นท์ไม่มีไฝแดง เหลือเพียงเลือดเท่านั้น คนคนนั้นถอนหายใจอย่างโล่งอก จากนั้นก็หยิบมีดออกมา และไม่เช็ดมีด แค่เอามีดใส่ฝักแล้วเก็บ ลุกขึ้นแล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

คนคนนี้เพิ่งจะก้าวเท้าหน้าออกไป ขณะที่กำลังก้าวเท้าหลังโทรศัพท์ของมายมิ้นท์ก็ดังขึ้น

แต่ว่ามายมิ้นท์สลบไปแล้ว แน่นอนว่าคงไม่ได้รับสาย

ภายในคอนโด ไมโลฟังเสียงโทรศัพท์ที่อยู่ในมือที่ไม่มีคนรับสายมาโดยตลอด คิ้วก็ขมวดขึ้นมา

หลังจากที่โทรศัพท์ตัดสายไปเองอย่างอัตโนมัติ เขาจึงพูดพึมพำว่า“นานขนาดนี้แล้ว ทำไมคุณอายังไม่กลับมาอีก?”

ซูเปอร์มาร์เก็ตเขาเคยไปอยู่ใต้อาคารสาม ในตอนเช้าคุณอาพาเขาไปซื้อนม ดังนั้นเขาจำทางได้อย่างชัดเจน และห่างจากที่นี่ไม่ไกลมากนัก

นานขนาดนี้แล้ว คุณอาน่าจะกลับมาได้แล้ว แต่ว่าไม่เพียงแต่คุณอาไม่ได้กลับมา แม้แต่โทรศัพท์ไปก็ไม่มีคนรับสาย ไปไหนกันแน่นะ?

ขณะที่คิด ไมโลก็รู้สึกไม่ค่อยวางใจ ตัดสินใจที่จะลงไปดู

เขาลงจากโซฟาพลางปิดทีวี ทั้งยังหยิบคีย์การ์ดประตูที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วออกจากประตูไป

หลังจากนั้นสองนาที ไมโลก็มายังใต้คอนโด ยืนอยู่ด้านหน้าประตูพลางมองไปข้างนอก ต้องการที่จะดูว่ามีเงาของมายมิ้นท์ไหม

ในเวลานี้ คนที่อยู่ในชุมชน ก็เริ่มเยอะขึ้น ต่างก็รับประทานข้าวเย็นและเริ่มออกมาเดินเล่นแล้ว

ไมโลมองดูครู่หนึ่ง ไม่เห็นมายมิ้นท์ จึงโทรศัพท์หามายมิ้นท์อีกครั้ง

ในเวลานี้ เสียงเรียกข้าวของโทรศัพท์ดังขึ้น

ไมโลฟังครู่เดียวก็รู้ว่าเป็นเสียงโทรศัพท์ขอมายมิ้นท์ ในตอนกลางวัน เขาได้ยินเสียงนี้ในห้องทำงานของมายมิ้นท์

ใบหน้าของไมโลดีใจเป็นอย่างมาก หันศีรษะเพื่อตามหาทิศทางของต้นเสียง เมื่อเห็นบันไดหนีไฟ ก็ไม่คิดมาก รีบวิ่งเข้าไปด้วยความดีอกดีใจ

แต่ว่าเมื่อไมโลวิ่งเข้าไปที่บันไดหนีไฟเมื่อเห็นใบหน้าที่ไม่ขยับเขยื้อนของมายมิ้นท์ ก็ร้องได้ออกมา“คุณอา ……”

ด้านนอก ลาเต้ที่หิ้วถุงผลไม้กำลังเดินเข้ามายังคอนโดและต้องการที่จะเซอร์ไพรส์มายมิ้นท์ เมื่อเห็นไมโลร้องไห้ ก็หยุดฝีเท้าลง

เกิดเรื่องอะไรขึ้น?

ทำไมถึงได้มีเสียงเด็กร้องไห้ล่ะ?

อีกทั้งเด็กคนนั้นยังร้องไห้ไปพลางพูดออกมาว่าคุณอา คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกนะ?

เมื่อคิดเช่นนี้ ลาเต้จึงก้าวเท้าออกไปอีกครั้ง ขณะที่เดินก็ตะโกนขึ้นว่า:“เด็กน้อย มีอะไรให้ช่วยไหมครับ?”

ที่บันไดหนีไฟไมโล เมื่อได้ยินเสียงนี้ ก็หยุดร้องไห้ และรีบตอบกลับอย่างสะอื้นไห้ว่า:“คุณลุง คุณลุง ช่วยคุณอาด้วย !”

เกิดเรื่องขึ้นจริงๆด้วย!

ลาเต้เร่งฝีเท้า แล้วเดินมายังหน้าประตูบันไดหนีไฟอย่างรวดเร็ว ขณะที่กำลังต้องการถามว่า‘คุณอาของหนูเป็นอะไร’ก็มองเห็นมายมิ้นท์ที่พื้น สีหน้าก็เป็นไปทันที ผลไม้ที่อยู่ในมือก็ร่วงหล่นลง

“ที่รัก!”