บทที่ 1003 แฟนคลับคนอื่นเขา / บทที่ 1004 สวยแล้วอย่างไร

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 1003 แฟนคลับคนอื่นเขา 

 

 

เยี่ยอีอีเก็บซ่อนประกายในดวงตา แล้วพยักหน้าอย่างมีความสุข “อื้ม!” 

 

 

สุดท้ายทรัพย์สินของตระกูลเยี่ยจะตกอยู่ในมือคนนอกหรือไม่ เธอไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เพราะถึงอย่างไรการได้เป็นนายหญิงของตระกูลกู้ ก็ยังดีกว่าการเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเยี่ยมาก 

 

 

ส่วนพวกคนระดับสูงกับผู้ถือหุ้นของตระกูลเยี่ย พวกเขาไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าคนที่จะดูแลตระกูลเยี่ยในภายภาคหน้าจะเป็นหลานของเยี่ยหงเหวยหรือหลานเขยของเขา พวกเขาสนใจแค่ว่าจะช่วยให้พวกเขาทำเงินได้มากขึ้น ได้ผลประโยชน์มามากขึ้นได้หรือไม่เท่านั้น 

 

 

เธอต้องร่วมมือกับกู้เยว่เจ๋อยึดครองตระกูลเยี่ยโดยเร็วที่สุด… 

 

 

ไม่อย่างนั้นทันทีที่ชาติกำเนิดของเธอถูกเปิดโปง เธอจะไม่เหลืออะไรเลย… 

 

 

เดิมทีแผนการของเธอราบรื่นทุกอย่าง ใครจะรู้ว่าจู่ๆ เยี่ยมู่ฝานกลับเปลี่ยนนิสัย หัดฉลาดขึ้นมาเสียอย่างนั้น 

 

 

แต่ว่าไม่เป็นไร เยี่ยมู่ฝานรับมือยาก แต่ยังมียายโง่เยี่ยหวันหวั่นอยู่อีกคน คิดจะเล่นงานหล่อนนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายแสนง่าย เยี่ยมู่ฝานนั่งเฝ้าหล่อนตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงไม่ได้อยู่แล้ว 

 

 

…… 

 

 

การถ่ายทำหลายฉากต่อจากนั้นเป็นไปอย่างราบรื่นมาก 

 

 

เยี่ยหวันหวั่นไม่ลืมช่วยให้แฟนคลับผู้หญิงบางคนสมหวัง หลังจากได้รับความยินยอมจากหานเซี่ยนอวี่แล้ว ก็หยิบกล้องโพลาลอยด์ขึ้นมา หามุมที่ดูดี แล้วถ่ายรูปที่เขาสวมชุดศาสตราจารย์ไปหนึ่งรูป จากนั้นให้หานเซี่ยนอวี่เซ็นชื่อตัวเองลงบนนั้น 

 

 

กงซวี่ที่อยู่อีกด้านหนึ่งเห็นอย่างนั้นก็ไม่พอใจ ชะโงกหน้าเข้ามา “พี่เยี่ย ทำไมพี่ไม่เอารูปถ่ายกับลายเซ็นผมบ้างล่ะ! คนรอบตัวพี่ไม่มีใครเป็นแฟนคลับผมบ้างเหรอ? เป็นไปไม่ได้น่า!” 

 

 

เยี่ยหวันหวั่นขมวดคิ้ว “แฟนคลับนายเหรอ” 

 

 

“ใช่! พี่ลองคิดดูดีๆ สิ ต้องมีแน่!” กงซวี่ทำหน้าจริงจัง 

 

 

เยี่ยหวันหวั่นคิดอย่างถี่ถ้วน จากนั้นพูดขึ้นว่า “เหมือนจะมีคนหนึ่งจริงๆ ด้วย…” 

 

 

กงซวี่ทำหน้าพอใจทันที “ฮ่าๆๆ ผมรู้อยู่แล้ว มาๆๆ ถ่ายรูปผมๆ เดี๋ยวผมเซ็นลายเซ็นให้!” 

 

 

เยี่ยหวันหวั่นทำได้เพียงถ่ายรูปกงซวี่อีกหลายใบ 

 

 

กงซวี่ตวัดปากกา เซ็นชื่อตัวเองลงไปอย่างสวยงาม “พี่เยี่ย เพื่อนพี่คนไหนที่ตาถึงอย่างนี้” 

 

 

เยี่ยหวันหวั่นตอบว่า “อ้อ นายก็เคยเจอแล้วนะ ก็คนที่มาดูแลกองถ่ายครั้งที่แล้วไง เจียวเจียว…” 

 

 

กงซวี่อึ้งงัน 

 

 

ได้ยินเสียงดัง ‘แกร๊ง’ กงซวี่มือสั่น ปากกาในมือตกพื้นไปแล้ว 

 

 

ดวงหน้าเล็กๆ ของกงซวี่ซีดเผือด เขากลืนน้ำลายเอ่ยว่า “พี่เยี่ย จู่ๆ ผมก็รู้สึกว่าทักษะการแสดงของตัวเองแย่มาก ไม่คู่ควรให้แฟนคลับชื่นชอบเลย ผมขอตัวไปอ่านสคริปต์ก่อนนะ…” 

 

 

พูดจบเขาก็แย่งรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นหลายรูปนั้นมาขยำเป็นก้อน จากนั้นรีบไปนั่งอ่านบทอยู่อีกด้านหนึ่งด้วยความเร็วปานสายฟ้า 

 

 

เข้าใจอะไรผิดหรือเปล่า ฮืออออ! 

 

 

ทำไมแฟนคลับของหานเซี่ยนอวี่ถึงเป็นสาวน่ารัก ส่วนแฟนคลับของเขากลับน่ากลัวอย่างนี้! 

 

 

โชคดีที่เขาวิ่งเร็ว… 

 

 

เยี่ยหวันหวั่นหางตากระตุกเบาๆ ขณะมองแผ่นหลังของกงซวี่ที่วิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว หาได้ยากจริงๆ คิดไม่ถึงว่าจะมีสาวที่เขาไม่กล้าหว่านเสน่ห์ใส่อยู่ด้วย 

 

 

ฉากที่เหลือของวันนี้ล้วนเป็นฉากที่กงซวี่ต้องแสดงความเป็นตัวเองออกมา น่าจะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว 

 

 

เยี่ยหวันหวั่นจึงดูเวลาบนมือถือแล้วบอกว่า “อีกเดี๋ยวฉันยังมีธุระอีก ขอตัวก่อนแล้วกัน!” 

 

 

หานเซี่ยนอวี่พยักหน้า “โอเค นายไปเถอะ” 

 

 

กงซวี่ที่กำลังแกล้งทำเป็นตั้งใจอ่านบทหูกระดิก พอได้ยินประโยคนี้ก็พลันรีบร้อนกลับมา “หา? พี่เยี่ย พี่ไม่อยู่ดูแล้วเหรอ? ตอนบ่ายยังมีฉากของผมอยู่อีกนะ! ถ้าพี่ไปจะส่งผลกระทบต่ออารมณ์ในการถ่ายทำของผมนะ!” 

 

 

เยี่ยหวันหวั่นหรี่ตาพูด “นายเก่งขนาดนี้ ฉันวางใจมาก ฉะนั้นเลยไม่ต้องคอยจับตาดูแล้วไงล่ะ!” 

 

 

“ฮ่าๆๆๆ พี่เยี่ยพี่พูดถูกแล้ว พี่วางใจแล้วไปทำธุระเถอะ ผมทำได้สบายมากอยู่แล้ว!” 

 

 

“ถ้างั้นก็สู้ๆ แล้วกัน!” 

 

 

————————————————————————————- 

 

 

 

 

 

บทที่ 1004 สวยแล้วอย่างไร 

 

 

หลังจากบอกลาทุกคน เยี่ยหวันหวั่นกลับไปที่รถ ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าและการแต่งหน้า 

 

 

การบรรยายของศาสตราจารย์หลี่เยวี่ยจัดขึ้นที่ห้องโถงอเนกประสงค์ทางทิศตะวันออกของมหาวิทยาลัยนิเทศน์เมืองหลวง ที่นั่งข้างในเต็มไปกว่าครึ่งแล้ว ผู้คนแออัดเนืองแน่น 

 

 

นอกจากนักศึกษาของที่นี่แล้ว ยังมีนักศึกษาจากที่อื่นไม่น้อยที่มาตามข่าว บรรยากาศในห้องโถงคึกคักเป็นพิเศษ 

 

 

เมื่อเยี่ยหวันหวั่นเดินเข้ามาถึงทางเข้าห้องโถง จู่ๆ ในห้องโถงก็เงียบไปชั่วขณะ ผ่านไปครู่หนึ่งก็กลับมาเสียงดังคึกคักเหมือนเดิม มีหลายคนที่หันมามองเธอเป็นตาเดียว 

 

 

“ฉิบหาย! ผู้หญิงสวยๆ เมื่อกี้อยู่สาขาไหนน่ะ ทำไมไม่เคยเห็นหน้าเลย!” 

 

 

“มหา’ลัยเรามีคนสวยอย่างนี้อยู่ด้วยเหรอ ทำไมฉันไม่เห็นรู้เลย! เป็นดาราที่เดบิวต์แล้วไม่ค่อยได้มาเข้าเรียนหรือเปล่านะ? 

 

 

“ถ้าเป็นดารา เราก็ต้องรู้จักอยู่แล้วสิ!” 

 

 

…… 

 

 

เยี่ยหวันหวั่นเห็นแถวที่สามนับจากแถวสุดท้ายมีที่ว่างหนึ่งที่ จึงเดินไปนั่งตรงนั้น 

 

 

สายตาและเสียงพูดคุยรอบข้าง เธอย่อมรับรู้เป็นธรรมดา 

 

 

ตอนแรกที่ขึ้นมัธยมปลาย เดินไปไหนมาไหนมีแต่คนล้อเลียน ตอนนี้พอเปลี่ยนรูปลักษณ์หน้าตาก็ถูกปฏิบัติเปลี่ยนไปในพริบตา 

 

 

เยี่ยหวันหวั่นเพิ่งจะนั่งลง ผู้ชายที่นั่งอยู่ด้านข้างก็พยายามเข้ามาพูดคุย “นี่ คนสวย เธออยู่สาขาไหนเหรอ ทำไมไม่เคยเห็นหน้าเธอเลย แอดวีแชทกันหน่อยไหม?” 

 

 

ผู้ชายคนนั้นยังพูดไม่ทันจบ เสียงฉุนเฉียวของผู้หญิงก็ดังมาจากฝั่งหนึ่ง “สวีฉางตง! นายอยากตายเหรอฮะ!” 

 

 

ผู้ชายคนนั้นตกใจจนตัวสั่น “อะแฮ่ม อวี๋ย่า ไหนเธอบอกว่าวันนี้จะไม่มาไม่ใช่เหรอ?” 

 

 

“นายเลยทำตัวเจ้าชู้ลับหลังฉันได้งั้นสิ?” หญิงสาวพูดพลางหันไปถมึงตาใส่เยี่ยหวันหวั่นเป็นเชิงเตือน 

 

 

ชายคนนั้นพูดอย่างกระอักกระอ่วน “เปล่านะ! ฉันก็แค่เห็นว่าไม่เคยเห็นหน้า เลยออกจะสงสัยเท่านั้นเอง…” 

 

 

“มีอะไรให้น่าสงสัย คนแบบนี้มหา’ลัยเรามีเยอะแยะ มหา’ลัยข้างๆ ยิ่งมีนับไม่ถ้วน อาศัยว่าตัวเองหน้าตาดีหน่อย วันๆ เอาแต่ออกไปวิ่งไล่ตามคนมีเงิน มีเวลามาเข้าเรียนที่ไหน นายก็ต้องไม่รู้จักอยู่แล้ว!” หญิงสาวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ 

 

 

เยี่ยหวันหวั่นที่จู่ๆ ก็โดนกล่าวหาว่าวิ่งตามคนรวยเลิกคิ้วเล็กน้อย “คุณผู้หญิงคะ เหมือนฉันจะไม่เคยทำอะไรให้เธอนะ?” 

 

 

หญิงสาวเอ่ยอย่างโมโห “เธอหว่านเสน่ห์ผู้ชายของฉัน ยังบอกว่าไม่ได้ทำอะไรให้อีกเหรอ” 

 

 

ฝ่ายชายรีบไหลไปตามน้ำ “ที่รัก ไม่โกรธนะๆ! โธ่ ฉันชอบผู้หญิงฉลาดเรียนเก่งคะแนนดีอย่างเธอ แจกันไม้ประดับอย่างนั้นฉันไม่สนใจหรอก! เมื่อกี้ฉันแค่ถามไปอย่างนั้นเองจริงๆ นะ…” 

 

 

“นั่นสิ อวี๋ย่า อย่าโกรธเลย!” 

 

 

หลายคนด้านข้างต่างพากันเกลี้ยกล่อม สายตาที่มองเยี่ยหวันหวั่นเต็มไปด้วยแววดูแคลน 

 

 

เยี่ยหวันหวั่นพูดไม่ออกสุดๆ ตอนที่ขี้เหร่โดนดูถูกก็แล้วไป ตอนนี้ไม่นึกว่าจะยังโดนดูถูกอีก 

 

 

สวยแล้วอย่างไร สวยแล้วมีผลการเรียนดีไม่ได้หรือไง สวยแล้วจะเอาเรื่องรูปร่างหน้าตาของเธอมาดูถูกเธอได้งั้นเหรอ? 

 

 

โชคดีที่ไม่นานศาสตราจารย์หลี่ก็เข้ามา ในห้องโถงกลับมาเงียบสงบ เยี่ยหวันหวั่นหันไปตั้งใจฟังการบรรยายในที่สุด… 

 

 

“นักศึกษาทุกท่าน สวัสดีครับ! ผมดีใจมากที่ได้รับคำเชิญให้มาบรรยายในครั้งนี้ หัวข้อที่ผมจะมาบรรยายในวันนี้คือการประชาสัมพันธ์ในภาวะวิกฤต ผมจะรวบรวมตัวอย่างที่ค่อนข้างคลาสสิกในแวดวงผู้ประกอบการในหลายปีที่ผ่านมา แล้วร่วมถกประเด็นกับเหล่านักศึกษา…” 

 

 

การบรรยายของศาสตราจารย์หลี่น่าสนใจมาก ไม่เหมือนคนอื่นที่ชอบพูดแต่ความรู้เชิงทฤษฎี การบรรยายของเขามีความรู้ที่นำไปใช้ได้จริงมากมาย จะอ้างอิงตัวอย่างดั้งเดิมที่ปฏิบัติได้จริงหลายอย่าง นักศึกษาทุกคนจึงตั้งอกตั้งใจฟังกันมาก เยี่ยหวันหวั่นเองก็ได้รับประโยชน์ไปมากมาย ไม่นานก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงแล้ว 

 

 

บนเวที ศาสตราจารย์หลี่กวาดมองทุกคน “ตรงนี้ยังมีอีกหนึ่งตัวอย่าง ผมอยากเอามาพูดคุยถกเถียงกับทุกคนมาก ไม่ทราบว่านักศึกษาทุกคนที่นั่งอยู่ในที่นี้รู้เรื่อง ‘หานเซี่ยนอวี่ล่วงละเมิดเด็กผู้หญิง’ หรือไม่ครับ…” 

 

 

……………………………………………………….